ที่มา
ประชาไท
8 ส.ค. 2011 สำนักข่าวเดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานว่า พระราชาอับดุลลาของซาอุดิอารเบียเรียกร้องให้มีการยุติการนองเลือดในซีเรีย และเรียกตัวเอกอัครราชทูตของตนกลับจากซีเรีย ซึ่งถือเป็นกรณีที่เกิดขึ้นน้อยครั้งมากที่ผู้นำที่มีอำนาจที่สุดในกลุ่มโลกอาหรับจะออกมาแทรกแซงประเทศในกลุ่มโลกอาหรับด้วยกันเอง
"สิ่งที่เกิดขึ้นในซีเรียนั้นเป็นเรื่องที่ซาอุดิอารเบียรับไม่ได้" พระราชาอับดุลลากล่าวใน แถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ อัล อาราบิยา ซึ่งเดอะการ์เดียนเผยว่า เป็นคำวิจารณ์ที่แหลมคมที่สุดของผู้นำประเทศอุตสาหกรรมน้ำมันยักษ์ใหญ่ผู้ เคยแบนศัตรูทางการเมืองของตัวเองมาก่อน และเป็นครั้งแรกที่มีการออกมาวิจารณ์ประเทศอาหรับนับตั้งแต่มีการประท้วงลุกฮือต่อเนื่องในหมู่ประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งทำให้รัฐบาลเผด็จการของตูนีเซียและอิยิปต์ถูกโค่นล้ม
พระราชาอับดุลลายังกล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในซีเรียนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับศาสนา ค่านิยม หรือเชื้อชาติ
การปราบปรามประชาชนผู้ประท้วงของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด กลายเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดเหตุการณ์หนึ่งในหมู่มวลการลุกฮือของกลุ่มประเทศโลกอาหรับ
ฝ่ายนักกิจกรรมกล่าวว่า กองทัพใช้รถถังเข้าโจมตีเมือง ดิแอร์ อัล-ซอร์ ทางภาคตะวันออก ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน เมื่อสัปดาห์ก่อนมีประชาชนล้มตายเป็นจำนวนมากจากการล้อมปราบในเมืองฮามา โดยมียอดผู้เสียชีวิตถึงพันคน
ฝ่ายรัฐบาลอัสซาดบอกว่า เป็นการต่อสู้กับกลุ่มอาชญากรและกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงที่ยั่วยุด้วยการโจมตีฝ่ายทหารก่อน ขณะที่ฝ่ายนักกิจกรรมและประเทศโลกตะวันตกบอกว่า เจ้าหน้าที่ของอัสซาดโจมตีผู้ที่ชุมนุมประท้วงอย่างสงบ
"ซีเรียควรคิดตรึกตรองให้ดีกก่อนที่มันจะสายเกินไป และสั่งให้มีการปฏิรูปที่ไม่ใช่แค่การให้สัญญา แต่เป็นการปฏิรูปจริงๆ" พระราชาของซาอุฯ กล่าว "ควรจะเลือกว่าจะใช้ปัญญาของตนเองหรือจะถูกดึงลงไปสู่ก้นบึ้งของความวุ่นวายและความสูญเสีย"
กลุ่มสันนิบาตชาติอาหรับก็ออกมาเรียกร้องให้ทางการซีเรียหยุดกระทำรุนแรงต่อประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในน้อยครั้งที่มีการออกมาตอบโต้เช่นนี้ แม้ว่าประเทศอาหรับหลายประเทศจะร่วมกับกลุ่มประเทศตะวันตกในการต่อต้านมุมมาร์ กัดดาฟี่ ของลิเบีย แต่ผู้นำในกลุ่มภูมิภาคนี้ต่างก็ระวังในการวิพากษ์วิจารณ์ผู้นำประเทศอาหรับด้วยกันในช่วงที่มีการประท้วง
ก่อนหน้านี้ในเดือนมีนาคม พระราชาอับดุลลาได้ส่งกองกำลังเข้าไปช่วยประเทศบาห์เรนเพื่อปราบปรามผู้ชุมนุมต้านรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ของซาอุฯ ก็ได้วิจารณ์การดำเนินคดีกับอดีตผู้นำฮอสนี มูบารัคของอิยิปต์
ซาอุดิอารเบียยังเคยทำหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ยให้กับประเทศเยเมน และให้การต้อนรับประธานาธิบดี อาลี อับดุลลา ซาเลห์ ของเยเมนผู้ที่เดินทางไปซาอุฯ เพื่อรักษาบาดแผลจากการถูกระเบิดหลังจากที่การประท้วงในเยเมนลุกลามเป็นความขัดแย้งอย่างเปิดเผย
ที่มา
Saudi king recalls ambassador and demands end to Syria bloodshed, The Guardian, 08-08-2011
http://www.guardian.co.uk/world/2011/aug/08/saudi-king-ambassador-syria?CMP=OTCNETTXT8103