คอลัมน์ เหล็กใน
มันฯ มือเสือ
|
กลายเป็นประเด็นการเมืองบานปลาย ถึงขนาดพรรคประชาธิปัตย์นำเรื่องเข้าแจ้งความเอาผิดนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.การต่างประเทศ และเตรียมยื่นถอดถอนพ้นตำแหน่ง
ความจริงเรื่องทักษิณเตรียมเดินทางเข้าญี่ปุ่นนั้น เป็นข่าวมาตั้งแต่ก่อนพรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งด้วยซ้ำ แต่ไม่มีรายละเอียดมากนักว่าไปทำอะไร
กระทั่งเรื่องนี้กลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง จึงรู้รายละเอียดเพิ่มเติมทั้งจากพรรคเพื่อไทย และหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่นที่พากันประโคมข่าว
จับความได้ว่าภาคเอกชนญี่ปุ่นที่เชื้อเชิญทักษิณ คือ สถาบันเศรษฐกิจและวัฒนธรรมญี่ปุ่น จีน อาเซียน โดยเชิญไปเป็นวิทยากรบรรยายเรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างญี่ปุ่น-ไทย
นอกจากนี้ ทักษิณยังจะเดินทางไปดูพื้นที่ประสบภัยสึนามิ และมีนัดเลี้ยงมื้อค่ำกับส.ส.พรรครัฐบาลและส.ส.พรรคฝ่ายค้านบางส่วนของ ญี่ปุ่นด้วย
บรรยากาศประเทศยักษ์ใหญ่เปิดประตูรับทักษิณเข้าบ้านอย่างนี้ น่าจะเป็นเหตุให้พรรคประชาธิปัตย์เกิดอาการหมั่นไส้รัฐบาลเพื่อไทยขึ้นมาติด หมัด
แต่การจะไปต่อว่าทางการญี่ปุ่น เป็นเรื่องอยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่พรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากการให้วีซ่าใครหรือไม่ให้ใคร เป็นเรื่องของทางการญี่ปุ่นจะพิจารณาเอง
รัฐบาลไทยไม่มีสิทธิ์เข้าไปแทรกแซง ชี้นำหรือขอร้องให้ทางการญี่ปุ่นแหกกฎเกณฑ์ของตัวเองไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นระดับนายกรัฐมนตรีหรือรมว.การต่างประเทศก็ตาม
อย่างในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ที่ปฏิบัติการไล่ล่าทักษิณดำเนินไปอย่างเข้มข้น
ปากนายกฯอภิสิทธิ์ ยังบอกว่า การที่ต่างประเทศจะอนุญาตให้ทักษิณเข้าประเทศหรือไม่ เป็นเรื่องที่ประเทศนั้นๆ จะพิจารณาตามกฎเกณฑ์ของตนเอง
ตอนนั้นก็มีข่าวว่าญี่ปุ่นไม่ให้ทักษิณเข้าประเทศเพราะมีชื่อในบัญชีผู้ต้องโทษ
เชื่อหรือไม่ว่าการที่ประชาธิปัตย์หยิบยกเรื่องทักษิณ-ญี่ปุ่น ญี่ปุ่น-ทักษิณขึ้นมาพูดบ่อยๆ
ก็จะต้องมีคนรื้อฟื้นเรื่องที่รัฐบาลชุดก่อนปล่อยให้นายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างภาพชาวญี่ปุ่นถูกยิงตายฟรี ในเหตุการณ์สลายม็อบ 10 เมษาฯ 2553 ขึ้นมาสวนคืนเข้าจนได้
แล้วก็ต้องมีการตั้งคำถามกลับไปว่า
ใครกันแน่ที่ทางการญี่ปุ่นสมควรขึ้นบัญชีดำ ไม่ให้เข้าประเทศ?