เต็มพิกัด-สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานภาพข่าวกองกำลังทหารพร้อมอาวุธเต็มพิกัดเฝ้าสถานีไทยคมลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี ที่ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางไปเพื่อเรียกร้องให้คืนสัญญาณถ่ายทอดสดโทรทัศน์พีเพิลแชนัล
งามหน้าไปทั่วโลก-สำนักข่าวAFPลงแผนที่ประเทศไทยเผยแพร่ไปทั่วโลกว่า รัฐบาลได้ประกาศให้กรุงเทพฯและปริมณฑลเป็นพื้นที่ฉุกเฉินร้ายแรงและปิดสื่อโทรทัศน์และเวบไซต์ที่ต่อต้านรัฐบาล ขณะที่ผู้ชุมนุมประท้วงยังเพิกเฉยต่อประกาศฉุกเฉิน
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
9 เมษายน 2553
ดัชนีตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ปิดลบไปเกือบ30จุด โดยร่วงตั้งแต่เปิดทำการ หลุดด่าน800ลงไปต่ำสุดแถว 780จุดช่วงกลางภาคบ่าย หรือร่วงลงจากวันก่อน 32 จุดหรือ-3.9% เนื่องจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศวิตกว่ารัฐบาลจะสลายการชุมนุมเสื้อแดง
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิออกมา1,402ล้านบาท เป็นการขายสุทธิหนแรกในรอบ 31 วันทำการ หลังจากหน้านี้ได้ซื้อสุทธิมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ในช่วงที่กลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาเริ่มจากวันที่ 12 มีนาคม ตอนนั้นดัชนีหุ้นไทยอยู่ที่720จุด เมื่อวานก่อนที่จะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นไปที่ 820จุด หรือขึ้นมาร่วม 100 จุด เพราะนักลงทุนเห็นว่าการชุมนุมยังเป็นไปโดยสันติ แต่พอค่ำวันที่7เม.ย.รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน พอตลาดหุ้นเปิดทำการมาวานนี้ตลาดหุ้นก็ร่วงลงตลอดทั้งวัน
ส่วนวันนี้(9เม.ย.)ในช่วงเปิดทำการเวลา10.00น.ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงต่อเนื่องราว8จุดลงมาแถว775จุด หลังจากสื่อกระแสหลักรายงานข่าวทาวงโทรทัศน์ว่ากลุ่มเสื้อแดงจะเคลื่อนไหวไปประท้วงที่บ้านนายกรัฐมนตรี,บ้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ,โทรทัศน์NBT,โทรทัศน์ASTV และสถานีดาวเทียมไทยคม ลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี
อย่างไรก็ตามในเวลา10.20น.โดยประมาณ แกนนำเสื้อแดงว่าจะเคลื่อนพลไปเฉพาะสถานีดาวเทียมไทยคม ปทุมธานี ทำให้นักเล่นหุ้นคลายความวิตก หันมาช้อนซื้อหุ้น ส่งผลให้ดัชนีดีดขึ้นมาบวกในเวลาราว11.00น.
เวบไซต์ชั้นนำวงการหุ้น www.eFinanceThai.com รายงานการสัมภาษณ์นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ดัชนีฯที่ปรับตัวลดลงแรงวานนี้ ส่วนเพราะนักลงทุนเกิดความกังวลว่าจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงมากขึ้น หลังรัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ประกอบกับใกล้ช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์อาจส่งผลใหนักลงทุนบางส่วนลดพอร์ตการลงทุน ลดความเสี่ยง
'ภาพมันเปลี่ยนหลังรัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้เกิดความกังวลว่าจะเกิดความรุนแรง นักลงทุนมีการสอบถามเข้ามาบ้าง เพราะ พ.ร.ก.เป็นเรื่องใหม่ อาจสะท้อนถึงความยุ่งเหยิง นักลงทุนเริ่มระมัดระวังมากขึ้น วานนี้ที่ดัชนีฯลงแรงน่าจะเป็นแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ เท่าที่ดูปริมาณการซื้อเวลานี้ลดลง ผสมโรงกับที่ผ่านมาดัชนีฯปรับตัวขึ้นมาแรง จึงมีการปรับฐานเกิดขึ้น ซึ่งเชื่อว่าสถานการณ์นี้จะเกิดขึ้นเพียงช่วงสั้นๆ และหวังว่าดัชนีฯจะไม่หลุด 750 จุด'นางภัทธีรากล่าว
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ นักลงทุนควรลดพอร์ตการลงทุน และรอจังหวะ รวมทั้งติดตามสถานการณ์
แถลงการณ์ ก่อนจะข้ามผ่านยุบสภา ก่อนสังคมไทยจะเดินหน้าต่อไป
กลุ่มนักกิจกรรมสังคมได้ออกแถลงการณ์ฉบับหนึ่งระบุว่า ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา อุณหภูมิการเผชิญหน้าระหว่าง รัฐบาลกับ นปช. ได้พุ่งขึ้นสูงเป็นอย่างมาก จนมีการประกาศใช้ พรก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และมีกระแสข่าวเรื่องการสลายการชุมนุม
พวกเรา เครือข่ายนักพัฒนาเอกชน และนักกิจกรรมทางสังคมเพื่อประชาธิปไตย ดังรายชื่อแนบท้ายแถลงการณ์นี้ มีความเห็นว่าท่าทีที่ผ่านมาของรัฐบาล มีความพยายามนำพาสถานการณ์ให้ไปสู่การเผชิญหน้าตลอดเวลา นับตั้งแต่การให้ข่าวดิสเครดิตการชุมนุม การประกาศใช้ พรบ.ความมั่นคงฯ ตั้งแต่ยังไม่มีการชุมนุม จนกระทั่งปัจจุบันยังมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง การพยายามหลบเลี่ยงตั้งเงื่อนไขต่างๆ นานาก่อนการเจรจา
เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว พวกเราขอเรียกร้องต่อรัฐบาล ดังต่อไปนี้
1.พวกเราขอเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกประกาศใช้ พรก. บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง และพรบ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดยเร่งด่วน
2.พวกเราขอเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาโดยทันที เพื่อยุติปัญหาไม่ให้เกิดเหตุการณ์บานปลายมากไปกว่านี้
3.พวกเราเห็นว่ารัฐบาลควรสนับสนุนการจัดการชุมนุมโดยสงบ ซึ่งเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ เพื่อลดบรรยากาศความตรึงเครียด
4.พวกเราขอเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดการปิดกั้นสื่อ เช่น การสั่งปิด 36 เวบไซต์, การปิดสถานีไทยคม และหยุดการให้ข่าวใส่ร้ายการชุมนุม
พวกเราเห็นว่าคำว่า “ภาคประชาชน” ไม่ได้ผูกขาดอยู่กับฐานะทางสังคม หรือการเคลื่อนไหวของใครกลุ่มใดเพียงกลุ่มหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น เอ็นจีโอ, นักธุรกิจเพื่อสังคม, ผู้นำชุมชน, แกนนำชาวบ้าน, ปราชญ์ชาวบ้าน, ราษฎรอาวุโส ฯลฯ หากแต่สาระสำคัญของคำว่า “ภาคประชาชน” อยู่ที่การเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ได้มาซึ่ง “อำนาจอธิปไตยที่เป็นของประชาชน” พวกเราเห็นว่าการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ในนามของนปช. เป็นการเคลื่อนไหวของ “ภาคประชาชน” อย่างชัดเจน และการชุมนุมเป็นการชุมนุมโดยสงบ ซึ่งเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ
จากการที่มี “ภาคประชาชน” บางส่วน เสนอให้มีการปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ สังคม พวกเราเห็นว่าภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ที่รัฐบาลไม่ได้มีที่มาจากคนส่วนใหญ่ของประเทศนั้น ไม่อาจเกิดการปฏิรูปฯ ที่เป็นจริงได้ พวกเราเห็นว่า รัฐบาลควรประกาศยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน นำประเทศกลับสู่ประชาธิปไตย จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ใช้เวทีการเลือกตั้งเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ สังคม โดยประชาชนอย่างแท้จริง
ด้วยจิตสมานฉันท์
เครือข่ายนักพัฒนาเอกชน และนักกิจกรรมทางสังคม เพื่อประชาธิปไตย
วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2553 ณ ห้องประชุมสุจิตรา 409 ชั้น 4
อาคารมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม ซ.รัชดาภิเษก 14 ห้วยขวาง กรุงเทพฯ
รายชื่อลงนามสนับสนุนแถลงการณ์
1. กมลชนก มั่นคง นักกิจกรรม
2. กิตติชัย งามชัยพิสิฐ สถาบันต้นกล้า
3. แก้วตา เพชรรัตน์ นักกิจกรรม
4. เขมทัศน์ ปาลเปรม นักกิจกรรม
5. จามร ศรเพชรนรินทร์ นักกิจกรรม
6. จารุวรรณ สาทลาลัย นักกิจกรรม
7. จิตรา คชเดช Try Arm
8. เจษฎา โชติกิจภิวาทย์ กลุ่มประชาธิปไตยเพื่อรัฐสวัสดิการ
9. เฉิดฉันท์ ศรีพาณิชย์ นักกิจกรรม
10. ชัยวัฒน์ ไชยจารุวณิช นักกิจกรรม
11. โชติศักดิ์ อ่อนสูง นักกิจกรรม
12. ทรงศักดิ์ ปัญญานั กกิจกรรม
13. ธิกานต์ ศรีนรา นักกิจกรรม
14. นรสิงห์ ศรีวิโรจน์ องค์กรเลี้ยวซ้าย
15. นีรนุช เนียมทรัพย์ นักกิจกรรม
16. บารมี ชัยรัตน์ส ถาบันสันติประชาธรรม
17. บุญยืน สุขใหม่ กลุ่มพัฒนาแรงงานสัมพันธ์ตะวันออก
18. ปชาบดี พุ่มพวง นักกิจกรรม
19. ประดิษฐ์ ลีลานิมิต สถาบันต้นกล้า
20. ปราการ กลิ่นฟุ้ง นักกิจกรรม
21. ปรีชา จันทร์ภักดี สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้
22. พงษ์สุวรรณ สิทธิเสนา สถาบันเพื่อการพัฒนาเยาวชนประชาธิไตย
23. พงศธร ศรเพชรนรินทร์ นักกิจกรรม
24. พนิดา บุญเทพนั กกิจกรรม
25. พรพิมล สันทัดอนุวัตร สถาบันต้นกล้า
26. พิมพ์ศิริ เพชรน้ำรอบ นักกิจกรรม
27. พัชรี อังกูรทัศนียรัตน์ นักกิจกรรม
28. พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ Ban the hollywood club
29. ไพศาล ธนบุญสมบัติ นักกิจกรรม
30. ภาวิณี ไชยจารุวณิช นักกิจกรรม
31. มนัส กลับชัย สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้
32. รังสรรค์ แสนสองแคว กลุ่มแนวร่วมเกษตรกรภาคเหนือ
33. รัชพงศ์ โอชาพงศ์ กลุ่มประกายไฟ
34. เลื่อน ศรีสุโพธิ์ สมัชชาคนจน
35. วรรณเกียรติ ชูสุวรรณ สถาบันต้นกล้า
36. วัชรินทร์ สังขาระ สถาบันต้นกล้า
37. วิรพา อังกูรทัศนียรัตน์ นักกิจกรรม
38. วีรนันท์ ฮวดศรี นักกิจกรรม
39. ศรายุทธ ตั้งประเสริฐ นักกิจกรรม
40. ศิริพร พรมวงศ์ นักกิจกรรม
41. ศิววงศ์ สุขทวี นักกิจกรรม
42. สมรักษ์ อุตมะ นักกิจกรรม
43. สมสิทธิ์ นิทธยุ นักกิจกรรม
44. สันติ โชคชัยชำนาญ กิจนักกิจกรรม
45. สุรชาติ ไตรสูงเนิน จนท.นโยบายและแผน อบต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์
46. สุรพล สงฆ์รักษ์ สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้
47. สุริยา โพธิ์ชัยเลิศ กลุ่มพัฒนาแรงงานสัมพันธ์ตะวันออก
48. อนุรักษ์ สุพร นักกิจกรรม
49. อนุรักษ์ สุพร กลุ่มพัฒนาแรงงานสัมพันธ์ตะวันออก
50. อรุณวนา สนิกะวาที นักกิจกรรม
51. อรรถพร ขำมโน นักกิจกรรม
52. นายอุเชนทร์ เชียงเสน นักศึกษาปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
53. อุดมพร เพชรพงษ์ สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้
54. อุษาวดี ชาวแพร่ นักกิจกรรม
แถลงการณ์กลุ่ม ๕ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เรื่อง ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
ตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี อำเภอเมืองสมุทรปราการ อำเภอบางพลี อำเภอพระประแดง อำเภอพระสมุทรเจดีย์ อำเภอบางบ่อ และอำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ อำเภอธัญบุรี อำเภอลาดหลุมแก้ว อำเภอสามโคก อำเภอลำลูกกา และอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม และอำเภอวังน้อย อำเภอบางปะอิน อำเภอบางไทร และอำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมทั้งประกาศ คำสั่ง และข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๓ นั้น
เรา กลุ่ม ๕ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความเห็นและข้อเรียกร้อง ดังนี้
๑. เสรีภาพการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ เป็นเสรีภาพที่รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ และเป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐานในรัฐเสรีประชาธิปไตย
๒. ข้อเรียกร้องของคนเสื้อแดง คือ ให้นายกรัฐมนตรียุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน ๑๕ วัน ข้อเรียกร้องดังกล่าว เป็นข้อเรียกร้องทางการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องปกติในรัฐเสรีประชาธิปไตย การปิดถนนและการยึดพื้นที่สาธารณะบางส่วน เป็นเครื่องมือในการเรียกร้องให้รัฐบาลเจรจาต่อรองกับผู้ชุมนุม หากการกระทำดังกล่าว มีความผิดตามกฎหมายใด รัฐบาลและเจ้าหน้าที่สามารถบังคับใช้กฎหมายนั้นเพื่อออกมาตรการที่เหมาะสมเพื่อป้องกัน ปราบปราม หรือลงโทษผู้กระทำผิดนั้นได้
๓. ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน มีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอย่างร้ายแรงไม่เพียงต่อผู้ชุมนุมเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงประชาชนทั่วไปในวงกว้างอีกด้วย การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงต้องคำนึงถึงหลักความได้สัดส่วนเป็นสำคัญ
เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริง เราเห็นว่า การชุมนุมทางการเมืองของคนเสื้อแดง ยังอยู่ในกรอบของการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธหากรัฐบาลต้องการให้ผู้ชุมนุมออกจากสถานที่สาธารณะ รัฐบาลสามารถใช้มาตรการอื่นๆได้ โดยไม่จำเป็นต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ส่วนกรณีระเบิดตามสถานที่ต่างๆ ในแต่ละวันนั้น ยังไม่มีข้อเท็จจริงใดแสดงให้เห็นว่า เหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับการชุมนุมของคนเสื้อแดง
เมื่อพิจารณาถึงเนื้อหาของประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน คำสั่ง และข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง จะเห็นได้ว่า มีเนื้อหาที่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพจำนวนมาก ทั้งในแง่ความเข้มข้นของมาตรการ และในแง่พื้นที่ซึ่งครอบคลุมในหลายจังหวัด
เราเห็นว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงยังไม่ถือเป็น “สถานการณ์ฉุกเฉิน”ตามความในพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.๒๕๔๘ อันเป็นเหตุให้นายกรัฐมนตรีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้ และประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ เป็นมาตรการที่เกินความจำเป็น และไม่ได้สัดส่วน
๔. มาตรา ๑๖ ของ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.๒๕๔๘ บัญญัติว่า ข้อกำหนด ประกาศ คำสั่ง หรือการกระทำตามพระราชกำหนดนี้ ไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง และกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง
นั่นหมายความว่า ข้อกำหนด ประกาศ คำสั่ง หรือการกระทำตามพระราชกำหนดนี้ ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมความชอบด้วยกฎหมายของศาลปกครอง และไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของศาลรัฐธรรมนูญเพราะไม่ได้เป็นคดีรัฐธรรมนูญ ส่วนจะอยู่ภายใต้การควบคุมของศาลยุติธรรมหรือไม่นั้น ยังไม่มีคำพิพากษาบรรทัดฐานยืนยันไว้ ความข้อนี้ย่อมแสดงให้เห็นว่า สิทธิและเสรีภาพของประชาชน ไม่ได้รับการประกันโดยองค์กรตุลาการเพียงพอ จนอาจทำให้สิทธิและเสรีภาพของประชาชนถูกละเมิดจากการใช้อำนาจโดยมิชอบได้
เราเห็นว่า ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ เป็นไปเพื่อสลายการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดง รักษาอำนาจและความมั่นคงของรัฐบาลต่อไป ไม่ใช่รักษาอำนาจและความมั่นคงของรัฐ
ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้น มีผลเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง เป็นการใช้อำนาจเพื่อทำให้มาตรการที่ปกติแล้วไม่ชอบด้วยกฎหมายในทางเนื้อหา ให้กลายเป็นมาตรการที่ชอบด้วยกฎหมายในทางรูปแบบ และประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ ไม่เพียงแต่ไม่ช่วยแก้ไขวิกฤติความขัดแย้งครั้งนี้ให้บรรเทาเบาบางลงไปได้ แต่กลับเป็นตัวเร่งให้สถานการณ์ตึงเครียดและรุนแรงมากขึ้น
เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ประกาศ คำสั่ง และข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องโดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข
รองศาสตราจารย์ ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์
รองศาสตราจารย์ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช
อาจารย์ ดร.ฐาปนันท์ นิพิฏฐกุล
อาจารย์ธีระ สุธีวรางกูร
อาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล
วันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๓
เชิญร่วมงานอ่านบทกวี
“คมหอกและกระบอกปืนไม่อาจทำให้หวั่นไหว เมื่อประชาชนมาไกลเกินจะหันหลังกลับ”
พบกับ
วัฒน์ วรรลยางกูร
กริช เหลือละมัย
ประกาย ปรัชญา (อยู่ระหว่างรอคำยืนยัน)
เดือนวาด พิมวนา (อยู่ระหว่างรอคำยืนยัน)
นายชั้น ทุนน้อย
วฒน
อาณัติ แสนโท
ปิยะชาติ จองทอง
และกวีหนุ่มสาว ฯลฯ
และวงดนตรี
ฮาเมอร์ ซาลวาลา
Homo erectus