ที่มา Thai E-News
รัฐทหาร-กองกำลังทหารเข้ายึดศูนย์ส่งสัญญาณดาวเทียมไทยคมที่ปุมธานี โดยรัฐบาลได้ปิดกั้นโทรทัษน์ผ่านดาวเทียม และเวบไซต์ของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลในการใช้พรก.สถานการณ์ฉุกเฉินเป็นวันที่สอง โดยมีคนเสื้อแดงตามมาประท้วง(ภาพข่าว:REUTERS)
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
8 เมษายน 2553
พฤติกรรมของรัฐบาลกำลังฟ้องว่ากำลังจะใช้กำลังความรุนแรงต่อประชาชน หากทำจริงครั้งนี้อาจเสียหายใหญ่หลวง ใครจะช่วยห้ามก็รีบทำเสีย..ขอเรียกร้องต่อสื่อมวลชนที่มีใจเป็นธรรม สื่อกระแสหลักและสมาคมเกี่ยวกับสื่อทั้งหลายจะไม่ทุกข์ร้อนกันเลยหรือ
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ทวิตเตอร์แสดงความเห็นต่อการประกาศพรก.ฉุกเฉินฯของรัฐบาลว่า การประกาศพรก.ฉุกเฉินฯเท่ากับรัฐบาลกระทำการขัดรัฐธรรมนูญเอง เพราะไปจำกัดสิทธิในการชุมนุมโดยไม่มีเหตุผล เมื่อประกาศพรก.ฉุกเฉินแล้ว การชุมนุมเกิน 5 คน ก็จะกลายเป็นผิดกฎหมายทั้งๆที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ แนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรงจะสูงขึ้นทันที ขณะนี้ยังไม่มีความรุนแรงให้เป็นเหตุในการประกาศใช้พรก.แต่หลังจากประกาศกลับจะยิ่งเกิดความรุนแรงทั้งจากการสร้างสถานการณ์ของฝ่ายรัฐและความกดดัน
การชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ถึงจะผิดกฎหมายบางเรื่องเช่นพรบ.ความสะอาดหรือการจราจร ก็ไม่ทำให้ขาดความคุ้มครอง
กรณีที่มีคนเข้าไปในสภาก็เป็นเรื่องของคนๆนั้น ไม่ทำให้ประชาชนคนอื่นขาดสิทธิในการชุมนุม การใช้พรก.ห้ามคนชุมนุมจึงขัดรัฐธรรมนูญแน่นอน มีใครทำผิดกฎหมายเรื่องอะไรก็เอาผิดเรื่องนั้นได้ ไม่ใช่จะประกาศพรก.ได้ตามใจชอบ ประกาศแล้วผู้ชุมนุมจะผิดกฎหมายย่อมรู้สึกถูกบีบคั้น
ผมยังเห็นว่าการประกาศใช้พรก.ไม่มีเหตุผลเพียงพอ ไม่เป็นไปตามเจตนาของกฎหมายนี้เองและขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่คุ้มครองเสรีภาพประชาชน ใช้พรก.แล้วเจ้าหน้าที่ของรัฐจะไม่ต้องรับผิดต่อการปราบปรามทั้งทางแพ่งและอาญา ซึ่งจะทำให้ย่ามใจ จะเป็นเหตุให้ใช้ความรุนแรงกับประชาชน จะมีความเสี่ยงสูงขึ้นอย่างมากที่จะเกิดความรุนแรงต่อประชาชน ทั้งจากการสร้างสถานการณ์และการจงใจปราบของเจ้าหน้าที่
ดีที่สุดสำหรับประชาชนคือการใช้แต่สันติวิธี ไม่ใช้ความรุนแรงตอบโต้ใดๆ ขอให้ยึดกุมกันให้ดี ประชาชนจะไม่แพ้ สิ่งที่จะคุ้มครองประชาชนได้ในขณะนี้คือสันติวิธีและจำเป็นต้องมีประชาชนอยู่ด้วยกันจำนวนมากด้วย ประชาชนกำลังต้องการจำนวนกับจะต้องช่วยกันดูแล ไม่ให้มีการใช้ความรุนแรง ไม่ทำลายหรือบุกเข้าอาคารสถานที่ ระวังการสร้างสถานการณ์ของผู้แฝงตัว ประชาชนจำนวนมากกับสันติวิธีเท่านั้นจะคุ้มครองประชาชน และประชาชนจะไม่แพ้
การชุมนุมของประชาชนในทั้ง 2 ที่เป็นการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ รัฐจะสลายด้วยกำลังไม่ได้ การปิดกั้นสื่อตามอำเภอใจแสดงเจตนาร้ายชัดเจน รัฐบาลได้ใช้วิธีนำทหารพร้อมอาวุธเข้าไปที่ลาดหลุมแก้วบังคับตัดสัญญาณ PTV อย่างป่าเถื่อนและขัดต่อรัฐธรรมนูญ เตรียมปราบประชาชนหรืออย่างไร
พฤติกรรมของรัฐบาลกำลังฟ้องว่ากำลังจะใช้กำลังความรุนแรงต่อประชาชน หากทำจริงครั้งนี้อาจเสียหายใหญ่หลวง ใครจะช่วยห้ามก็รีบทำเสีย การใช้มาตรการทางทหารเข้าจัดการกับสื่อและประชาชนอย่างนี้เรื่องจะไม่มีวันจบ ความขัดแย้งในสังคมไทยจะยิ่งหนักหนาสาหัสอย่างยากที่จะแก้ไข
ขอเรียกร้องต่อสื่อมวลชนที่มีใจเป็นธรรมติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดและรายงานตรงตามความเป็นจริง จะช่วยป้องกันการสร้างสถานการณ์และการทำร้ายประชาชน จะปิดสื่อด้วยวิธีป่าเถื่อนอย่างไร ปิดสื่อสร้างสรรค์ตามอำเภอใจอย่างไร สื่อกระแสหลักและสมาคมเกี่ยวกับสื่อทั้งหลายจะไม่ทุกข์ร้อนกันเลยหรือ
สาธุ!สมาคมสื่อออกแถลงการณ์รัฐบาลทำขัดรธน.
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ร่วม ซัดรัฐบาลปิดช่องเสื้อแดง เว็บปลุกม็อบ ขัดรัฐธรรมนูญ ม.45 ชี้ พ.ร.ก.ให้อำนาจแค่ห้ามนำเสนอบางข่าว ส่อ 2 มาตรฐาน ไม่ปิดบางช่องที่มีลักษณะคล้ายกัน เชื่อปลุกคนร่วมม็อบ จ่อเกิดสถานการณ์รุนแรง เตือนเพื่อนสื่อระวังการนำเสนอข่าว จี้แดงอย่าเอาแถลงไปสร้างความชอบธรรมให้กลุ่มตัวเอง
วันนี้ (8 เม.ย.) สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกรณีการสั่งปิดสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม และเว็บไซต์ โดยระบุว่า ตามที่รัฐบาลอ้างอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในการปิดกั้นสัญญาณสถานีโทรทัศน์พีทีวี รวมทั้งปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาข่าวสารความคิดเห็นทางการเมือง เช่น เว็บไซต์ www.prachatai.com ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมานั้น องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ประกอบด้วย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ได้หารือร่วมกันแล้ว มีความเห็นดังต่อไปนี้
1.การปิดกั้นสัญญาณของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีทีวี และการปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ที่แสดงความคิดเห็นดังกล่าว เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 45 ที่บัญญัติว่า
“การสั่งปิดกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนอื่นเพื่อลิดรอนเสรีภาพตามมาตรา นี้ จะกระทำมิได้”ทั้งนี้ รัฐบาลจะสามารถใช้กฎหมายพิเศษเพื่อจำกัดเสรีภาพของสื่อมวลชนได้ ก็เพียงการห้ามเสนอข่าวสาร หรือแสดงความคิดเห็นทั้งหมดหรือบางส่วนเท่านั้น
2.การที่รัฐบาลกล่าวอ้างว่า การดำเนินการปิดกั้นสัญญาณ และการปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ดังกล่าว เพื่อป้องกันการบิดเบือนข่าวสาร ทำให้ประชาชนไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง ขณะที่รัฐบาลเองยังใช้สถานีวิทยุโทรทัศน์ของรัฐในการเสนอรายการที่มีลักษณะนำเสนอข้อมูลด้านเดียว อีกทั้งยังปล่อยให้สถานีวิทยุและโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมอื่นๆ นำเสนอเนื้อหาในลักษณะใกล้เคียงกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ความแตกแยกในสังคมมากขึ้นนั้น ย่อมเป็นการกระทำที่รัฐบาลอาจถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็น “สองมาตรฐาน” และสร้างความชอบธรรมแก่ผู้ชุมนุมมากขึ้น
3.การปิดกั้นสื่อในลักษณะนี้ ย่อมเป็นการปิดกั้นสิทธิการรับรู้ข่าวสารของประชาชน จึงอาจทำให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกั้นสื่อดังกล่าว ออกมาเข้าร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุมมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้สถานการณ์มีความซับซ้อนและอาจนำไปสู่ความรุนแรงได้
4.องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ขอเรียกร้องให้สื่อมวลชนทุกแขนง ทำหน้าที่รายงานข่าวสารที่เกิดขึ้นในขณะนี้ด้วยความครบถ้วนรอบด้าน โดยนำเสนอความจริงและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นด้วยการคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพใน การรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน และระมัดระวังการนำเสนอข่าวที่อาจนำไปสู่การใช้ความรุนแรงในการยุติปัญหา
สุดท้ายนี้การแสดงจุดยืนของทั้งสองสมาคมเป็นไปตามหลักการของผู้ประกอบวิชาชีพ โดยยึดถือประโยชน์สาธารณะเป็นหลัก ไม่ประสงค์จะให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดนำแถลงการณ์ฉบับนี้ไปใช้ในการสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง