หลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดประวัติศาสตร์วันที่ 5 สิงหาคม
โหวตขานชื่อเรียงตัวส่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 28 และนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย
ผลคะแนนเห็นชอบ 296 เสียง ไม่เห็นชอบ 3 และงดออกเสียง 197
ในส่วน 296 เสียงเห็นชอบ เมื่อหักลบเสียงของประธานสภา 1 รองประ ธานสภา 2 และน.ส.ยิ่งลักษณ์อีก 1 ที่งดออกเสียงตามมารยาท
เท่า กับพรรคแกนนำ กับอีก 4 พรรคร่วมรัฐบาล ประกอบด้วย ชาติไทยพัฒนา ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน พลังชล และประชาธิปไตยใหม่ โหวตให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แบบเต็มสตรีม ไม่หายหกตกหล่นแม้แต่เสียงเดียว
หลัง ประธานสั่งปิดประชุม สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนฯ ได้เดินเรื่องให้นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภา นำชื่อนายกฯ ที่ได้รับการโหวตเห็นชอบจากสมาชิกด้วยเสียงเกินกึ่งหนึ่ง 251 เสียง ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายทันทีช่วงบ่าย
พร้อมกันนั้นทางพรรคเพื่อไทยได้จัด เตรียมสถานที่สำหรับพิธีรับพระบรมราชโองการ ไว้ที่บริเวณ ชั้น 7 อาคาร โอเอไอ ซึ่งเป็นสถานที่ทำการพรรค
เป็นอันสิ้นสุดช่วงไฮไลต์กระบวนการเปลี่ยนผ่านอำนาจการบริหารประเทศ
ถ้า หากย้อนหลังไปดูจากคำพูดของบางคนในฝั่งตรงข้าม ที่ปล่อยออกมาช่วงก่อนเลือกตั้ง ที่ว่า ถึงพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะไม่ได้เป็นนายกฯ
ก็ต้องถือว่ากระบวนการเปลี่ยน ผ่านอำนาจจากรัฐบาลประชาธิปัตย์ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ มาสู่มือรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่มีน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็น นายกฯ
ราบรื่นไร้อุปสรรคต่างจากที่ใครหลายคนเคยหวาดระแวง
เริ่ม ตั้งแต่การประกาศรับรองส.ส.ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต. ที่บรรยา กาศขลุกขลักในตอนแรก แต่ในที่สุดก็ยอมปล่อยเข้าสภาครบ 500 คน
โดยมี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ตั๋วเข้าสภาใบสุดท้าย พร้อมสถิติใหม่กกต. คือไม่มีการแจกใบแดงแม้แต่ใบเดียว
ส่งผลให้สามารถเปิดประชุมสภาได้ตามกำหนดวันที่ 1 สิงหาคม
ซึ่ง เป็นจังหวะเดียวกับที่พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ประกาศถอนตัวจากแคนดิเดตประธานสภา ทำให้"ขุนค้อน"สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ได้รับเลือกเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ
พร้อมกับนายเจริญ จรรย์โกมล และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภา คนที่ 1 และ 2 แบบไร้คู่แข่งม้วนเดียวจบ
อย่าง ไรก็ตาม ถ้าพลิกดูปฏิทินที่พรรคเพื่อไทยล็อกวันไว้ก่อนหน้า วันอังคารที่ 2 สิงหาคม ประชุมสภาผู้แทนฯ เพื่อเลือกประธานและรองประธานสภา และประชุมโหวตเลือกน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯ ในปลายสัปดาห์เดียวกัน
จากนั้นจะเป็นเขย่า"โผรัฐมนตรี"รอบสุดท้าย
ก่อนนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เมื่อได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งลงมา คณะรัฐมนตรีต้องเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
พรรค เพื่อไทยคาดว่าขั้นตอนทุกอย่างจะเสร็จสิ้น ก่อนถึงวันสำคัญของประเทศ 12 สิงหาคม จากนั้นคณะรัฐบาลต้องจัดทำนโยบายเพื่อแถลงต่อรัฐสภาเสียก่อน กระบวนการเข้าสู่อำนาจการบริหารประเทศถึงจะสมบูรณ์
แต่ก่อนไปถึงจุด นั้น สิ่งที่กำลังได้รับความสนใจจากสังคมเวลานี้ คือการลุ้นโฉมหน้าคณะรัฐมนตรี ว่าจะออกมาในนามของการตอบสนองการทำงานเพื่อประเทศชาติ สร้างความอยู่ดีกินดีให้กับประชาชนตามที่เคยหาเสียงไว้
หรือเพียงมุ่งตอบสนองอำนาจและผลประโยชน์ในหมู่เครือญาติ พวกพ้องนักการเมืองด้วยกันเอง
รวมถึงเป็นการกรุยทางไว้รอใครบางคนเดินทางกลับประเทศ โดยไม่ต้องรับโทษจากสิ่งที่เคยก่อเอาไว้เมื่อครั้งยังอยู่ในอำนาจ
เหมือนอย่างที่ฝ่ายค้านตั้งฉายาให้รัฐบาลล่วงหน้าว่า"แฟมิลี่ คาบิเนต"
จากผลสำรวจเอแบคโพล จัดลำดับความคาดหวังของประชา ชนต่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ส่วนใหญ่ต้องการให้ทำให้ได้ตามที่พูดหาเสียงไว้
รอง ลงมา คือการเร่งแก้ปัญหาค่าครองชีพ ปัญหาปากท้อง เพิ่มรายได้ประชาชน ช่วยเหลือเกษตรกร ฯลฯ และขอให้แสดงความเป็นผู้นำที่เด็ดขาด ควบคุมความวุ่นวายต่างๆ ได้มากกว่านี้
ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่าโฉมหน้ารัฐมนตรีทั้ง 35 คนที่ใกล้คลอด ออกมาในอีกไม่กี่อึดใจ คือ ก้าวแรกในการพิสูจน์ความเป็นผู้นำของนายกฯยิ่งลักษณ์
ว่าเข้ามา ทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริง ตามที่ประชาชนตั้งความหวังเอาไว้ หรือเข้ามาเพื่อแก้ปัญหาให้กับญาติพี่น้อง ตลอดจนบุคคลบางกลุ่มบางพวก
โดยเฉพาะประเด็นการนิรโทษกรรมให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่หลายฝ่ายเชื่อว่าคือเบื้องหลังในการเข้าสู่อำนาจการเมืองของยิ่งลักษณ์
สำนัก ข่าวรอยเตอร์อ้างนักวิเคราะห์การเมืองไทยจำนวนมาก เชื่อว่าฝ่ายตรงข้าม"ทักษิณ" กำลังรอคอยให้รัฐบาลชุดใหม่ทำสิ่งผิดพลาด เพื่อ นำไปสู่เงื่อนไขในการแทรกแซงการ เมืองอีกครั้ง
ทั้งยังอ้างคำกล่าวนายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ระบุ
ชัยชนะของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็น ชัยชนะเด็ดขาดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งไทย การกีดขวางในทันทีทันใดจึงไม่น่าจะเป็นไปได้
การเคลื่อนไหวใดๆ ที่จะเกิดขึ้นเพื่อต่อต้านรัฐบาลต้องถูกคิดคำนวณอย่างถ้วนถี่
ฝ่าย ตรงข้ามต้องรอคอยให้รัฐบาลชุดนี้ทำสิ่งที่ผิดพลาด และต้องมีเหตุผลอันชอบธรรมมารองรับการเคลื่อนไหว ไม่เช่นนั้นผลที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นภาวะจลาจลวุ่นวาย
เหล่านี้คือรหัสเตือนภัยว่า
ถึง เส้นทางสู่เก้าอี้นายกฯ คนที่ 28 และนายกฯ หญิงคนแรกของประเทศไทย จะเป็นห้วง ระยะเวลาสั้นๆ ที่ค่อนข้างราบรื่น ปราศจาก การแทรกแซงของพลังอำนาจพิเศษใดๆ
แต่จากนี้ไป"ยิ่งลักษณ์"จะพลาดไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว