ประชาไท 18 กรกฎาคม 2555 >>>
17 ก.ค.55 ห้องพิจารณาคดี 802 ศาลอาญารัชดา
มีการสืบพยานคดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7
เป็นโจทก์ฟ้อง นายเอกชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี
ในความผิดหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา และมาตรา 54
ขายวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551
เนื่องจากขายซีดีสารคดีเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ของสำนักข่าว ABC
ประเทศออสเตรเลีย และขายสำเนาเอกสารวิกิลีกส์ฉบับแปลภาษาไทย
โดยในวันนี้เป็นการสืบพยานโจทก์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมของ
สน.ชนะสงคราม คือ พ.ต.ท.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ และดาบตำรวจนคร คงกลิ่น
ทั้งนี้ เอกชัย ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 10 มี.ค.53
และถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครจนถึงวันที่ 18 มี.ค.53
จึงได้ประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด 500,000 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่ที่ฝ่ายจำเลยขอให้ศาลออกหมายเรียก พล.อ.เปรม
ติณสูลานนท์, อานันท์ ปันยารชุน และพลอากาศเอกสิทธิ เศวตศิลา
มาเป็นพยานเนื่องจากปรากฏชื่อในเอกสารวิกิลีกส์นั้น อานนท์ นำภา ทนายจำเลย
กล่าวว่า
ศาลได้สั่งให้ทนายทำคำแถลงแนวทางการเบิกความเพื่อให้ศาลพิจารณาอีกครั้งใน
วันพรุ่งนี้ (18 ก.ค.) ว่าจะอนุมัติการออกหมายเรียกพยานหรือไม่
เนื่องจากบุคคลทั้งสามเป็นบุคคลสำคัญ
นอกจากนี้ ก่อนหน้าจะมีการสืบพยาน
เอกชัยได้ติดต่อไปยังสำนักงานของสถานีโทรทัศน์ ABC ประเทศออสเตรเลีย
เมื่อเดือนสิงหาคม 2554
เพื่อขอเอกสารคำแถลงจากทางสถานีเกี่ยวกับเจตนาในการจัดทำสารคดีดังกล่าว
เพื่อนำมาใช้ประกอบการสืบพยานในคดีนี้ แต่ฝ่ายกฎหมายของสถานีโทรทัศน์ ABC
ได้ตอบอีเมลเอกชัยกลับมาระบุว่าทาง ABC
ไม่อยู่ในสถานะจะให้ความช่วยเหลือใดๆ ได้ สถานีฯ
ผลิตสารคดีดังกล่าวนอกประเทศไทยและมุ่งหมายเผยแพร่แก่คนออสเตรเลีย
อีกทั้งไม่ต้องการให้มีการกระทำใดๆ ดังเช่นที่เอกชัยดำเนินการ
ซึ่งอันที่จริงก็อาจเข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์ของสถานีฯ และทาง ABC
ไม่สามารถจะแถลงอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้
สำหรับการสืบพยานในวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการสืบพยานเริ่มต้นขึ้น
เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ได้แจ้งผู้เข้าร่วมฟังการพิจารณาคดีว่าผู้ไม่เกี่ยว
ข้องขอให้ไปรอด้านนอก จากนั้นเมื่อผู้พิพากษาขึ้นบัลลังก์
ได้มีการเจรจากันระหว่าง ผู้พิพากษา อัยการ และทนายจำเลยว่า
จะมีการเปิดซีดีสารคดีข่าวดังกล่าวในส่วนที่มีการกล่าวหาว่าผิดมาตรา 112
ดูร่วมกัน
จากนั้นเมื่อผู้พิพากษากำลังจะกล่าวกับผู้เข้าร่วมรับฟังการพิจารณาคดีเพื่อ
ขอความร่วมมือ นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวจากเดอะเนชั่น
ได้รีบชี้แจงต่อศาลว่าหากให้สื่อมวลชนและประชาชนที่เข้าฟังไปรอด้านนอก
น่าจะส่งผลเสียต่อภาพพจน์กระบวนการยุติธรรมไทย
เช่นเดียวกับกรณีพิจารณาคดีลับของดารณี ชาญเชิงศิลปกุล
ที่ถูกวิจารณ์อย่างมาก และรัฐธรรมนูญมาตรา 40
ก็ได้บัญญัติไว้ด้วยว่าการพิจารณาคดีต้องทำอย่างเปิดเผย
ท้ายที่สุดผู้พิพากษามิได้สั่งให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องออกจากห้องพิจารณาแต่
อย่างใด อย่างไรก็ตาม มีการตกลงกันอีกครั้งระหว่างอัยการ
ทนายและผู้พิพากษาว่าไม่จำเป็นต้องเปิดวีซีดีแล้ว
โดยทนายจำเลยแถลงว่าสามารถรับข้อเท็จจริงในส่วนที่มีการถอดความออกมาใน
เอกสารที่ปรากฏในสำนวนคดีได้
นอกจากนี้ผู้พิพากษายังแนะนำว่า ในการซักถามพยาน
ให้ทั้งสองฝ่ายพยายามไม่ระบุข้อความตรงไปตรงมา
แต่ระบุเวลาตามเลขนาทีที่กำกับไว้ในข้อความในสำนวน อย่างไรก็ตาม
เมื่อศาลต้องบันทึกคำเบิกความ ศาลก็มีการอ่านทวนข้อความอีกครั้ง
พ.ต.ท.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ จาก สน.ชนะสงคราม ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม
เบิกความว่า จับกุมนายเอกชัยได้ที่สวนหย่อมอนุสาวรีย์ทหารอาสา
ซึ่งขณะนั้นมีการตั้งเวทีย่อยของกลุ่มแดงสยาม
ซึ่งจัดปราศรัยอาทิตย์ละครั้งหลังแกนนำกลุ่ม คือ นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์
(แซ่ด่าน) ถูกคุมขังในข้อหาหมิ่นฯ ก่อนหน้านี้
โดยในเบื้องต้นมีสายลับที่ปะปนอยู่กับผู้ชุมนุมมาแจ้งว่ามีการแอบขายซีดีที่
น่าจะผิดกฎหมาย จึงส่งคนไปล่อซื้อ
จากนั้นนำซีดีมาเปิดดูและพบข้อมูลไม่เหมาะสม
โดยมีเนื้อหาคล้ายการวิเคราะห์ข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศพูดถึงบทบาทสถาบัน
กษัตริย์ของไทย เป็นเสียงบรรยายภาษาอังกฤษ โดยมีคำบรรยายภาษาไทยกำกับ
จึงนำกำลังเข้าจับกุม ซึ่งผู้ต้องหาก็ให้ความร่วมมืออย่างดี
เดินทางมาโรงพัก พร้อมเซ็นรับรองว่า ธนบัตร 20
บาทที่ได้จากตำรวจที่ล่อซื้อนั้นมีหมายเลขเดียวกับธนบัตรที่เจ้าหน้าที่จัด
เตรียมและลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนแล้ว
พ.ต.ท.สมยศ ยังกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังได้ตรวจค้นกระเป๋าของผู้ต้องหา
พบซีดีของกลางยี่ห้อเมโลดีอีก 23 แผ่น และยี่ห้อเบนคิวอีก 49 แผ่น
ซึ่งผู้ต้องหารับสารภาพว่ามีการโหลดคลิปของสำนักข่าวดังกล่าวมาจากอินเทอร์
เน็ตแล้วไรท์เพื่อมาจำหน่าย
นอกจากนี้ยังพบสำเนาเอกสารวิกิลีกส์ฉบับแปลภาษาไทยอีกจำนวนหนึ่ง
ซึ่งเป็นวิกิลีกส์ฉบับวันที่ 1 ต.ค.51 และ 25 ม.ค.53
จากนั้นได้พิจารณาแล้วว่าการกระทำดังกล่าวกระทบต่อความมั่นคงและสถาบัน
กษัตริย์จึงได้ หากดำเนินการล่าช้าจะยิ่งมีการเผยแพร่วงกว้าง
จึงได้นำกำลังรุดไปตรวจสอบที่บ้านของผู้ต้องหาทันทีโดยไม่มีหมายค้นและผู้
ต้องหาเป็นผู้นำไปเอง พบเครื่องไรท์ซีดี 1 เครื่อง ซีดีที่ไรท์แล้ว 69 แผ่น
ที่ยังไม่ได้ไรท์อีกจำนวนหนึ่ง และเอกสารวิกิลีกส์ฉบับต่างๆ อีก 10 ฉบับ
พ.ต.ท.สมยศกล่าวด้วยว่า ผู้ต้องหายอมรับว่าของกลางทั้งหมดนั้นเป็นของตนเอง
แต่เมื่อแจ้งข้อกล่าวหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ โดยให้เหตุผลว่า
ตนเองมีเจตนาที่จะเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่รอบด้านให้กับประชาชนเท่านั้น
และหากมีข้อมูลที่ไม่เหมาะสมก็เป็นส่วนของพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรี
รัศมิ์ มิใช่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
พ.ต.ท.สมยศ
ตอบทนายจำเลยถามค้านว่าเนื้อหาส่วนใหญ่ของสารคดีดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยว
กับการดำเนินคดีตามมาตรา 112 และมีการสัมภาษณ์จำเลยหลายคนจริง
ส่วนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความผิดมาตรา 112
จำไม่ได้ว่ามีช่วงเดียวหรือไม่ แต่จำได้ชัดเจนในนาทีที่ 3.30
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า
นอกจากนั้นยังมีการซักถามเกี่ยวกับข้อความในส่วนคำบรรยายของคลิปวิดีโอสำนัก
ข่าว ABC ในส่วนที่พาดพิงสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นการเลี้ยงฉลองวันเกิดส่วนพระองค์
นอกจากนี้ยังมีการสอบถามข้อความที่ปรากฏในเอกสารวิกิลีกส์ฉบับวันที่ 1
ต.ค.51 ซึ่งปรากฏถ้อยคำของนายสมัคร สุนทรเวช
ที่ระบุถึงผู้อยู่เบื้องหลังการรัฐประหารปี 2549
โดยพ.ต.ท.สมยศตอบทนายจำเลยถามค้านว่า
ไม่สามารถยืนยันได้ว่าข้อมูลตามฟ้องทั้งในสารคดี ABC และเอกสารวิกิลีกส์
เป็นความจริง แต่เชื่อว่าทำให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีเสื่อมเสียพระเกียรติยศ
ขณะที่ดาบตำรวจนคร คงกลิ่น เบิกความถึงการล่อซื้อแผ่นซีดีและการจับกุม
โดยระบุว่าผู้ต้องหาให้การรับสารภาพและให้ความร่วมมืออย่างดี
เมื่อเจ้าหน้าที่ถามว่าที่บ้านยังมีซีดีอีกไหม ผู้ต้องหาก็ตอบว่ามี
และนำเจ้าหน้าที่ไปตรวจค้นที่บ้านพักย่านลาดพร้าวโดยดี