ปิยบุตร เผยนิติราษฎร์เตรียมเสนอสูตรนิรโทษกรรมแบบไม่เหมากลางเดือนนี้ คาดแรงต้านน้อยกว่า ชี้คำสั่ง ตลก.รธน. ระงับสภาแก้ รธน. คือรัฐประหารโดยรัฐธรรมนูญ
โดยปิยบุตร แสงกนกกุล แจ้งในวงเสวนาว่า กลางเดือนนี้ ทางคณะนิติราษฎร์จะเสนอสูตรนิรโทษกรรม เป็นทางเลือกให้กับสังคมนอกจาก 4 สูตรที่มีอยู่ โดยใช้การทำเป็นรัฐธรรมนูญ ล่ารายชื่อ 50,000 ชื่อยื่นสภา ซึ่งจะแยกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเกี่ยวกับการชุมนุม เรียก "นิรโทษกรรมปรองดองขจัดความขัดแย้ง" กับ กลุ่มเกี่ยวกับ คตส. เช่น กรณีคดีคุณทักษิณ ชินวัตร ก็รวมอยู่ด้วย เรียก "ล้มล้างผลพวงรัฐประหาร" ซึ่งทางคณะนิติราษฎร์เคยเสนอไว้ คาดว่าแยกแบบไม่เหมาเข่งนี้ แรงต้านจะน้อยลง คนเห็นด้วยจะมากขึ้น ย้ำการเขียนกฏหมายไม่คำนึงหน้าคน ไม่ว่าจะพันธมิตรหรือทักษิณ แต่ยึดหลักการ โดยรวมตั้งแต่ 19 ก.ย.49 เป็นต้นมา ส่วนเรื่องกรณีเกี่ยวกับ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ยังไม่ได้พิจารณา แต่รับปากกับผู้ร่วมเสวนาว่าจะนำเข้าสู่ที่ประชุมของคณะนิติราษฎร์ด้วย
ปิยบุตร แสงกนกกุล มองว่า “ตอนนี้ปัญหาที่สำคัญคือเรื่องการปรองดองการนิรโทษกรรมมันเอามาสับสนปนเปกัน ไปหมด ทั้งเรื่องคุณทักษิณ ทั้งเรื่องคดีบรรดาอดีตรัฐมตรีต่างๆ ที่โดนคดีจาก คตส. ทั้งเรื่องผลพวงรัฐประหาร ทั้งเรื่องคดี 112 ทั้งเรื่องคดีที่โดนจากการสลายการชุมนุม พรก.ฉุกเฉินต่างๆ แล้วก็กำลังมีความคิดในลักษณะที่ว่าพยายามทำให้มันง่ายที่สุด คือว่านิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง เอาทุกเรื่องมารวมให้หมดแล้วนิรโทษกรรม พอทำแบบเหมาเข่ง ในทางการเมืองก็จะเกิดอย่างที่ท่านเห็น จะมีคนที่ไม่เอากับคุณทักษิณก็ไม่ยอมในวิธีแบบนี้ ในทางกฎหมายในทางหลักการผมว่ามันก็ไม่ถูกต้องด้วย ที่ไม่แยกแยะการกระทำเอาไปปะปนกันหมดแล้วนิรโทษกรรมในลักษณะที่ว่าให้ลืมๆ เบลิกแล้วต่อกันกันให้หมดในทางหลักการก็ไม่ถูกอีก”
ปิยบุตร แสงกนกกุล ยังได้ชี้แจงหลักพื้นฐานการนิรโทษกรรมที่นิติราษฎร์เสนอว่า ประกอบด้วย
- ไม่เอานิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งทั้งหมด เพราะการทำแบบนี้ มันคือการยุติการพิจารณา สืบสวนสอบสวน ข้อเท็จจริงว่าใครเป็นคนสลายการชุมนุม ใครเป็นคนสั่งฆ่าประชาชน คลายๆ 6 ตุลา 19 เลย ถ้าทำแบบนี้ คือปล่อยนักเรียน นักศึกษาออกจากคุกหมดเลย แต่ไปแลกกลับการที่ยุติหมดเลยเรื่อง 6 ตุลานี่ใครเป็นคนทำ พฤษภาทมิฬ 35 ก็ทำอย่างนี้เหมือนกัน วิธีการแบบนี้ประเทศไทยทำมาแล้วหลายครั้ง การจะทำแบบนี้มันจะย้ำว่าสิ่งที่ทำแบบนี้มันถูกต้อง วันข้างหน้ามีการชุมนุมขนาดใหญ่ เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจก็ไม่ต้องกังวลใจ เดียวก็สังหารประชาชนสั่งฆ่าไปเลย เดียวก็จะได้นิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งแบบนี้อีก ควรเลิกวิธีแบบนี้
- นิรโทษกรรม ผู้ต้องหา คนที่ติดคดีต่างๆที่มาจาก พรก.ฉุกเฉินฯ พวกนี้นิรโทษกรรมทันที โดยไม่มีเงื่อนไข ใครที่พิพากษาไปแล้วก็ถือว่าไม่ผิด รวมถึงคดีอาญาเล็กๆน้อยๆที่มีโทษไม่มากคดีลหุโทษต่างๆ พวกนนี้ปล่อยทันที
- พวกที่ไม่เข้าข้อที่ 2 ตั้งแต่ 19 ก.ย.49 จนถึงวันนี้ มันมีความขัดแย้งทางการเมืองเยอะแยะเต็มไปหมด เราจะปรองดองเพื่อยุติความขัดแย้ง เราเสนอว่าบุคคลต่างๆที่โดนคดีที่มีมูลเหตุจูงใจจากความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ 19 ก.ย.49 จนถึงวันนี้ ถ้าใครที่มีคดีที่มีมูลเหตุจูงใจมาจากความขัดแย้งทางการเมืองให้นิรโทษกรรม โดยให้คณะกรรมการขจัดความขัดแย้ง ชี้ว่าเกี่ยวข้องหรือไม่เพื่อนิรโทษกรรม โดยในระหว่างที่คณะกรรมการชุดนี้พิจารณาอยู่ ใครที่ค้างอยู่ให้ปล่อยออกมาก่อน แล้วพิจารณาที่ละกรณีไปถ้าเกี่ยวกับความขัดแย้งก็นิรโทษกรรมถ้าไม่เกี่ยวก็ ดำเนินคดีต่อไป
- กรณีที่เกี่ยวพันกับ คตส. คือกรณีคุณทักษิณ และเพื่อนๆทั้งหลาย ชุดนี้นิติราษฎร์เคยเสนอเมื่อ 18 ก.ย.ปีที่แล้ว ที่เราเรียกว่าลบล้างผลพวกรัฐประหาร เราเสนอว่าให้คำพิพากษาต่างๆ ที่เอาประกาศของคณะ คปค.มาใช้ คำพิพากษาต่างๆที่มีความเกี่ยวพันริเริ่มคดีโดย คตส. คณะกรรมการตรวจสอยทรัพย์สิน พวกนี้ ประกาศให้คำพิพากษาเหล่านี้เสียปล่าวไม่มีผลทางกฎหมาย อันนี้ไม่ใช่นิรโทษกรรม เราประกาศให้คำพิพากษาเสียปล่าว แต่การกระทำของคุณทักษิณและเพื่อนๆ ที่สงสัยว่าทุจริตยังอยู่ ใครอยากเริ่มต้นคดีก็เชิญเริ่มต้นคดีใหม่ ตามกระบวนการปกติ โดยไม่มี คตส. อีก
“..สมติว่ามีองค์กรตารัฐธรรมนูญองค์กรใดองค์กรหนึ่ง จงใจบิดผันใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญของตัวเองบิดผัน ทำผิดรัฐธรรมนูญโดยชัดเจนประจักษ์ชัด ชัดแจ้ง ทำเสร็จแล้วทำมึนเงียบๆไป โดยที่องค์กรอื่นๆไม่มีการตอบโต้ใดเลย จนการบิดผันใช้รัฐธรรมนูญแบบผิดๆกลายเป็นสิ่งที่ถูก นั้นล่ะครับคือการรัฐประหารโดยรัฐธรรมนูญเรียบร้อย..”
คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้สภาฯระงับการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 มีปัญหาตั้งแต่ขั้นที่ 1 ของกระบวนการก็ผิด ไม่มีรัฐธรรมนูญให้อำนาจ
ผู้ร้อง 5 คนที่ไปยื่น เขาไม่ได้ยื่นโดยใช้วิธีให้ศาลรัฐธรรมนูญเข้ามาตรวจสอบว่าแก้ไขเพิ่มเติมรัฐ ธรรมนูญใหม่ พวกนี้เก่งมากที่หารูไปศาลรัฐธรรมนูญได้คงมีคนแนะนำให้หาจนเจอ เขาไปใช้มาตรา 68 ซึ่งเป็นระบบป้องกันตัวเองของรัฐธรรมนูญเช่นกัน บอกว่าบุคคลหรือพรรคการเมืองใด ที่มีการกระทำอันเป็นการล้มบล้างการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ถ้ามีผู้ใดพบเห็นก็ให้ไปร้องที่อัยการสูงสุดและส่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยต่อไป ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเห็นว่าเป็นการล้มล้างจริงศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจ สั่งให้คนนั้นหยุดการกระทำที่ทารล้มล้าง ถ้าเป็นพรรคการเมืองก็ยุบพรรคการเมืองนั้นได้
5 คำร้องที่ส่งไปศาลรัฐธรรมนูญนี่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าไปช่องอื่นไม่ได้ก็ไปช่อง นี้ ด้วยการอธิบายว่าการแก้รัฐธรรมนูญโดยใช้มาตรา 291 เพื่อที่จะไปตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญและทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ แบบนี้เป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย ผมว่ามหัศจรรย์ที่สุดในโลก ฉีกรัฐธรรมนูญ 19 ก.ย.49 นี่ ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเกิดขึ้นเลย แต่พอจะแก้รัฐธรรมนูญตามกระบวนการ สภาร่างมาทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ นี่บอกว่าล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ก็ส่งไป มันมีปัญหาตั้งแต่ขั้นที่ 1 เลย กระบวนการก็ผิด ผิดตรงที่ว่า 68 นี่ เขาบอกว่าให้ไปยื่นที่อัยการสูงสุด 5 คนนี้ต้องไปยื่นที่อัยการสูงสุดก่อน อัยการสูงสุดชี้ว่ามีมูล ก็ส่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดอีกครั้งหนึ่ง อันนี้ยัวไม่ผ่านอัยการสูวสุดเบลยครับ วิ่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญเลย เพราะศาลรัฐธรรมนูญไปแปลความแบบพิศดาลว่า บุคคลที่พบเห็นนี่สามารถยื่นอัยการสูงสุดและอัยการสูงสุดไปศาลรัฐธรรมนูญก็ ได้ หรือว่ายื่นตรงไปที่ศาลรัฐธรรมนูญเลยก็ได่ ถ้าดูรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ไม่ต้องคิดเรื่องสีเสื้อเลย เด็กประถม เด็กอนุบาล เด็กปริญญาตรีที่ไหนอ่านแล้วก็ต้องเห็นอย่างนี้หมด คือต้องไปอัยการสูงสุดแล้วอัยการสูงสุดเป็นคนส่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ
ขั้นตอนต่อมาก็คือรับไปแล้ว ไม่มีรัฐธรรมนูญมาตราใดเลยบอกว่า ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้สภาหยุดการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ ศาลรัฐธรรมนูญก็ไปควาญหามาได้โดยการไปเอาประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ภาคบังคับคดี มาตรา 264 พูดเรื่องวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา เช่น มาฟ้องศาล ศาลยังไม่ตัดสินขอคุ้มครองชั่วคราวก่อน อันนี้เขาใช้ในศาลยุติธรรม ศาลปกครองก็มี ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีเรื่องนี้เลย แต่ศาลรัฐธรรมนูญไปเอามาใช้ โดยอ้างว่ามันมีข้อกำหนดอยู่อันหนึ่ง ข้อ 6 เขียนว่าถ้าไม่มีข้อกำหนดใดเขียนไว้ให้เอาวิฯแพ่งมาใช้โดยอนุโลม ทำอย่างนี้ไม่ถูก เพราะ วิฯแพ่งมาใช้โดยอนุโลมนี่จะใช้ได้ต่อเมื่อในเรื่องที่ตนเองมีอำนาจอยู่แล้ว แล้วบังเอิญว่าข้อกำหนดวิธีพิจารณาคดีศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนอะไรไว้ก็เลย ไปเอาวิฯแพ่งมาใช้โดยอนุโลม แต่กรณีนี้ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจอยู่เลย คือสั่งระงับการแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ไม่มีอะไรเขียนไว้เลยนี่ นี่เป็นการเอาวิธีการมาสร้างอำนาจ แต่ถ้าเป็นเงื่อนไขนี้ต้องมีอำนาจก่อน แล้วค่อยหาวิธีการทำอย่างไร
รัฐธรรมนูญเป็นกฏหมายสุงสุด เขียนไว้ชัดว่า คุณทำอะไรได้บ้าง แล้วคุณก็ไปเอาข้อกำหนด ซึ่งเป็นระดับรองมากๆนี่ ไปเอาวิฯแพ่งซึ่งเป็นกฎหมายระดับพระราชบัญญัติเอามาใช้เหนือรัฐธรรมนูญอีก เด็กปริญญาตรีปี 1 ก็รู้เรื่องลำดับชั้นกฎหมาย
ผิดอันที่ 3 คือว่า ต่อไปนี้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญศาลรัฐธรรมนูญก็ใช้ ม.68 ซึมเข้ามาหาทางเข้ามาเพื่อมาตรวจการแก้รัฐธรรมนูญทุกครั้ง เพราะฉนั้นคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันศุกร์เป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญเอง ออกคำสั่งมาโดยผิดรัฐธรรมนูญชัดเจน
ถ้าไม่มีใครตอบโต้คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญฉบับนี้เท่ากับศาลรัฐธรรมนูญทำรัฐประหารโดยรัฐธรรมนูญ
เวลาเรานึกถึงรัฐประหารเราจะนึกภาพรถถังออกมายึดที่ต่างๆ นี่คือการรัฐประหารโดยใช้ทหาร แต่มันมีรัฐประหารอีกแบบหนึ่งคือรัฐประหารโดยใช้กลไกตามกฎหมาย พวกนี้เนียนกว่าเยอะ ตำราที่เรียมาเขาบอกว่า ถ้าสมติว่ามีองค์กรตารัฐธรรมนูญองค์กรใดองค์กรหนึ่ง จงใจบิดผันใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญของตัวเองบิดผัน ทำผิดรัฐธรรมนูญโดยชัดเจนประจักษ์ชัด ชัดแจ้ง ทำเสร็จแล้วทำมึนเงียบๆไป โดยที่องค์กรอื่นๆไม่มีการตอบโต้ใดเลย จนการบิดผันใช้รัฐธรรมนูญแบบผิดๆกลายเป็นสิ่งที่ถูก นั้นล่ะครับคือการรัฐประหารโดยรัฐธรรมนูญเรียบร้อย ถ้าภายในไม่กี่วันไม่มีใครตอบโต้คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญฉบับนี้นั่นเท่ากับว่า ศาลรัฐธรรมนุญทำรัฐประหารโดยรัฐธรรมนูญเรียบร้อยแล้ว 1 ต่อไปนี้บุคคลทั่วไปก็วิ่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ใช้ ม.68 ยื่นศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรงทันที ทั้งๆที่ต้องผ่านอัยการสูงสุดก่อน อันที่ 2 ต่อไปนี้ศาลรัฐธรรมนูญก็จะตรวจสอบการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้โดยอาศัย ช่องมาตรา 68 ทั้งๆที่รัฐธรรมนูญไม่ให้ทำ อันที่ 3 ต่อไปนี้ศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะมีอาวุธพิเศษเพิ่มขึ้นมาคือสั่งระงับคนโน้นคนนี้ได้ชั่วคราว พูดง่ายๆภาษากฏหมายคือ วิธีการชั่วคราว อย่างนี้มันก็กลายเป็นการรัฐประหารโดยรัฐธรรมนูญเรียบร้อย คือ ไปทำผิดรัฐธรรมนูญโดยชัดเจน โดยที่ไม่มีใครไปตอบโต้เลย นี่ไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญด้วย คือศาลรัฐธรรมนูญเป็นคนบอกขึ้นมารเอง เพราะฉะนั้นผมถึงบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องร้ายแรง มันผิดทฤษฎี ผิดระบบกฎหมายรัฐธรรมนูญทั้งหมด
ศาลรัฐธรรมนูญเป็นยามเฝ้ารัฐธรรมนูญถ้าไม่ตีกรอบจะกลายเป็นรัฐธรรมนูญเสียเอง
ศาลรัญธรรมนูญเขาก่อตั้งเพื่อเพื่อพิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญเอาไว้ เช่น ถ้ามีใครละเมิดรัฐธรรนูญ กฎหมายฉบับนี้เขียนไว้ขัดกับรัฐธรรมนูญ คนนี้จะมาล้มล้างการปกครอง ก็จะมีศาลรัฐธรรมนูญเป็นคนเข้าไปตรวจสอบ เป็นยามเป็นการ์เดียนเฝ้ารัฐธรรมนูญ แต่คนที่รักษารัฐธรรมนูญนี่ถ้าไม่ตีกรอบคนรักษารัฐธรรมนูญเลยนี่นานวันเข้า จะกลายเป็ยรัฐธรรมนูญเสียเอง เพราะคนรักษารัฐธรรมนูญจะเป็นคนบอกว่าอันนี้ผิดรัฐธรรมนูญไหม และบอกไปมีผลผูกพันทุกองค์กรอีก องค์กรอื่นๆต้องปฏิบัติตามอีกอำนาจมหาศาล
รัฐสภาต้องโต้กลับคำสั่ง ตลก.รธน.โดยการแก้ รธน.ต่อ เพื่อไม่ให้คำสั่งกลายเป็นวัตรปฏิบัติ
เพราะฉะนั้นเขาจึงสอนหนังสือมาตลอดว่าศาลรัฐธรรมนุญต้องมีเขตอำนาจแบบ จำกัด ถ้ารัฐธรรมนูญบอกมีอำนาจ 10 ก็มีอำนาจ 10 ขยายไป 10.2 10.5 เติมออกไปเองไม่ได้ นานวันเข้าขยายแดนออกไปเรื่อยๆตัวเองก็จะใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญเสียอีก เป็นระบบที่ไม่พึงประสงค์ เพราะฉะนั้นเมื่อมีคำสั่งวันศุกร์ที่ผ่านมาผมเห็นว่าชัดยิ่งกว่าชัด ดังนั้นองค์กรที่มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญด้วยกัน เช่น รัฐสภาคุณก็พอฟัดพอเหวียง แต่ประเทศไทยมีบรรยากาศปกคลุมว่าศาลเป็นใหญ่ตลอดเวลา คุณ(รัฐสภา)มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญที่จะโต้กลับไปได้ สิ่งที่เขาสั่งคุณมามันเป็นคำสั่งที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ คือคำสั่งนี้มันไม่มีผล ก็มีสิทธิไม่ปฏิบัติตาม ในฐานะรัฐสภาองค์กรที่แก้รัฐธรรมนูญนี่ ก็ดำเนินการแก้ต่อไป นี่คือการใช้อำนาจที่ตัวเองมีโต้กลับไป ถ้าไม่โต้แบบนี้ก็จะกลายเป็นวัตรปฎิบัติ มันจะถูกใช้ไปอีกเรื่อยๆ
คลิป ปิยะบุตร นิติราษฎร์ ตอบประเด็นคำถาม ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้สภาผู้แทนราษฎรระงับการพิจารณาร่างแก้ไข รธน.มาตรา 291