ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Monday, 23 January 2012

“แต้อ๊วง”ในมุมมองลูกหลานจีนVSพระเจ้าตากสินบวชเป็นพระที่เมืองนครตามการโฆษณาชวนเชื่อ

ที่มา Thai E-News


โดย ปาแด งา มูกอ
23 มกราคม 2555


เว็บไซต์ whereisthailand อ้างรายงานจาก The Economist ว่า ประเทศไทยมีชาวจีนโพ้นทะเลจำนวน 7.06 ล้านคน ซึ่งมากเป็นอันดับสองของโลกรองจากอินโดนีเซียที่มี 7.67 ล้านคน แต่หากพิจารณาตามสัดส่วนประชากรแล้ว คนจีนในเมืองไทยคิดเป็นประมาณ 10% ของประชากร ส่วนคนจีนในอินโดนีเซียมีเพียง 3% ของประชากร ถือได้ว่าไทยมีสัดส่วนชาวจีนที่สูงที่สุดเป็นอันดับสามในโลกนอกจากดินแดนที่ เป็นของชาวจีน (แผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน) โดยเป็นรองเพียงสิงคโปร์และมาเลเซีย ซึ่งแม้จะมีจำนวนคนจีนน้อยกว่าไทย แต่ก็มีประชากรน้อยกว่าด้วยจึงมีคนจีนคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า

กลุ่มชาวจีนโพ้นทะเลไทยจึงมีบทบาททางสังคมและวัฒนธรรมเป็นอันมาก ไม่ใช่เพียงเศรษฐกิจเท่านั้น สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชก็เป็นลูกครึ่งจีน (พระนามเดิมคือแต้เจียว ราชสำนักชิงขนานพระนามว่าแต้อ๋อง-พระเจ้าแผ่นดินแซ่แต้) แม้กระทั่งพระราชวงศ์จักรีเองก็ยังยอมรับนับถือวัฒนธรรมจีนเข้าเป็นส่วน หนึ่งของพระราชประเพณี ดังปรากฏพระราชพิธีสังเวยพระป้ายสถิตวิญญาณบุรพกษัตริย์ ณ พระที่นั่งเวหาศน์จำรูญและพระที่นั่งอัมพรสถานทุกวันตรุษจีน

ผู้นำทางการเมือง สังคม และเศรษฐกิจของไทยหลายท่านก็เป็นชาวไทยเชื้อสายจีน เช่น ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร(แซ่คู) สนธิ ลิ้มทองกุล(แซ่ลิ้ม) สุทธิชัย หยุ่น(แซ่หยุ่นหรือหลุน) ชิน โสภณพนิช(แซ่ตั้ง) ธนินท์ เจียรวนนท์ (แซ่เจี๋ย) และชนชั้นกลางทางเศรษฐกิจซึ่งเป็นตลาดหลักของการบริโภคส่วนใหญ่ก็มีเชื้อสาย จีน ความเป็นจีนและความเป็นไทย จึงผสานกลมกลืนกันอยู่ในสังคมไทยปัจจุบันอย่างแยกไม่ออก
........

วันนี้วันตรุษจีนผมเลยขอนำประวัติศาสตร์อีกด้านหนึ่ง มาให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบถึงความเป็นมา ระหว่างความคิดและความยึดติดในเรื่องราวของ “พระเจ้าตาก” ของลูกหลานเหลนโหลนไทย และ ลูกหลานเหลนโหลนจีน เพื่อพิสูจน์ว่าของใครจริงของใครเท็จ

ขอนำท่านผู้อ่านติดตาม แต้อ๊วงในมุมมองลูกหลานจีน


เถ่งไฮ่ เป็นอำเภอเล็กๆ แห่งหนึ่งในเมืองแต้จิ๋ว มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน มีประชากรประมาณ ๗๑๐,๐๐๐ คน

ปัจจุบันเถ่งไฮ่เป็นเขตอุตสาหกรรมสำคัญแห่งหนึ่ง ตุ๊กตาต่างๆจากบริษัทผลิตของเล่นชื่อดังของโลก ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาบาร์บี้ หรือตุ๊กตาของวอลต์ดีสนีย์ที่ส่งไปขายทั่วโลก ผลิตมาจากโรงงานในอำเภอเถ่งไฮ่แทบทั้งสิ้น

คนไทยส่วนใหญ่อาจไม่รู้จักอำเภอเล็กๆ อย่างเถ่งไฮ่ แต่สำหรับลูกหลานชาวจีนที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเมืองไทย น่าจะคุ้นหูกับชื่อนี้ดี

คนจีนที่อพยพข้ามน้ำข้ามทะเลเข้ามาทำมาหากินบนแผ่นดินไทยในอดีตส่วนใหญ่มา จากเมืองแต้จิ๋ว โดยเฉพาะจากอำเภอเถ่งไฮ่ ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเล การเดินทางข้ามมาเมืองไทยสะดวกกว่า ด้วยเหตุนี้คนจีนในเมืองไทยส่วนใหญ่จึงพูดภาษาแต้จิ๋ว

บุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคนนับตั้งแต่ ปรีดี พนมยงค์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ รวมถึงคนในตระกูล รัตตกุล ตระกูลหวั่งหลี ตระกูลเจียรวนนท์ ก็ล้วนมีบรรพบุรุษที่อพยพมาจากอำเภอเถ่งไฮ่



สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือที่เรามักเรียกกันว่า พระเจ้าตาก ก็ทรงมีเชื้อสายแต้จิ๋ว พระบิดาของพระองค์เป็นชาวแต้จิ๋ว เกิดในตระกูลแต้ ชื่อนายแต้เจียว อพยพจากอำเภอเถ่งไฮ่เข้ามาค้าขายในเมืองไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ส่วนพระมารดาเป็นคนไทยชื่อนางนกเอี้ยง มีอาชีพค้าขาย พระ

เจ้าตากทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๒๗๗ (หนังสือบางเล่มกล่าวว่าทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๒๗๗)

มีเรื่องเล่าว่าเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ พระเจ้าตากทรงได้กลับไปศึกษาที่ประเทศจีนระยะหนึ่งด้วย

พระสุสานด้านในมีแผ่นหินจารึกพระนามแปลเป็นไทยว่า

"สุสานในพระเจ้าตากสินแห่งราชตระกูลแต้จิ๋วสร้างในพระเจ้าแผ่นดินจีนเฉียนหลงฮ่องเต้พ.ศ.2339"


นายนิ้ม แซ่ตั้ง วัย ๗๙ ปี ชาวจีนซึ่งเกิดในอำเภอเถ่งไฮ่ และอพยพมาตั้งรกรากในเมืองไทยเมื่อ ๖๐ปีก่อน เล่าให้ฟังว่า
“สมัย ที่ผมอยู่เมืองจีน คนเถ่งไฮ่รู้จักเมืองไทยดี เพราะเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้วที่คนเถ่งไฮ่เดินทางมาค้าขายที่เมืองไทย ที่มาตั้งรกรากอยู่เมืองไทยเลยก็มีมากความสัมพันธ์ไทย-จีนนั้นแน่นแฟ้นมาก ถึงกับมีคำไทยที่กลายเป็นภาษาแต้จิ๋ว คือคำว่า ตลาด ชาวแต้จิ๋วเอาไปใช้โดยออกเสียงว่า ตั๊กลัก


เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองไทย คนจีนที่นั่นก็รับรู้กันโดยตลอด
คนเถ่งไฮ่รู้จักและรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพระเจ้าตากดี เขาเรียกกันว่า แต้อ๊วง แปลว่า พระเจ้าแผ่นดินตระกูลแต้ บ้านเกิดของผมก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านของท่าน จำได้ว่าตอนเด็กๆ เคยไปเที่ยวบ้านหลังหนึ่งที่เก่าทรุดโทรมมาก เชื่อกันว่าเป็นบ้านเกิดของพระเจ้าตาก ผมยังเคยได้ยินเรื่องเล่าว่าเมื่อ แต้อ๊วงเกิด พ่อของท่านก็พาท่านกลับมาเรียนภาษาที่เมืองจีน จนอายุได้ ๑๐ ขวบจึงส่งมาอยู่เมืองไทย


นายนิ้มกล่าวว่าคนจีนที่อพยพมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองนิยมส่งลูกหลานกลับมา เรียนหนังสือที่บ้านเกิด เพราะต้องการให้ลูกหลานได้เรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมจีน และที่สำคัญคือเมื่อกลับมาเมืองจีนยังมีครอบครัว และญาติพี่น้องที่ใกล้ชิดคอยดูแล ซึ่งต่างจากเมืองไทยที่อาจต้องใช้ชีวิตตามลำพัง

จากการศึกษาประวัติพระบิดาของพระเจ้าตาก ก็พบว่า ไม่มีญาติพี่น้องอยู่เมืองไทยมากนัก บริเวณแหล่งดูดทรายแห่งหนึ่งในอำเภอเถ่งไฮ่ มีฮวงซุ้ยหรือสุสานเล็กๆแห่งหนึ่ง ทางเข้าทำเป็นซุ้มขนาดใหญ่ สุสานแห่งนี้เป็นสุสานเก่าแก่ สร้างมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเฉียนหลงฮ่องเต้ (พ.ศ.๒๒๗๘-๒๓๓๙) มีป้ายหินจารึกไว้ว่า

"สุสานของ แต้อ๊วง ทำการบูรณะซ่อมแซมใหม่ในปี ค.ศ. ๑๙๘๕ ฤดูใบไม้ผลิ"

คนเถ่งไฮ่เชื่อกันว่า หลังจากที่พระเจ้าตากสิ้นพระชนม์ได้ไม่นาน บรรดาญาติพี่น้องได้นำฉลองพระองค์กลับมายังบ้านเกิด และฝังไว้ที่สุสานแห่งนี้เพื่อเป็นการแสดงความเคารพ

คนเถ่งไฮ่ภูมิใจใน แต้อ๊วง มากว่า เป็นคนบ้านเราที่มีวาสนาเป็นถึงพระเจ้าแผ่นดินของประเทศไทย และมีความกล้าหาญยิ่ง เสี่ยงชีวิตไปรบกับพม่าเพื่อกอบกู้ชาติไทย
นายนิ้มกล่าว

บริเวณสุสานยังมีป้ายหินอีกแผ่นจารึกไว้ว่าสุสานแห่งนี้เป็นที่ฝังฉลอง พระองค์ของ แต้อ๊วง ที่นำมาจากเมืองไทย ห้ามผู้ใดทำลายเด็ดขาด ลงชื่อโดยรัฐบาลท้องถิ่นแห่งอำเภอเถ่งไฮ่

ปัจจุบัน สุสานแห่งนี้ยังมีผู้นำดอกไม้ธูปเทียนมาแสดงความคารวะอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะจากบรรดาลูกหลานคนจีนจากเมืองไทยที่มีโอกาสไปเยี่ยมญาติในประเทศจีน

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ผู้ทรงคุณอันประเสริฐต่อแผ่นดินไทย พระมหากษัตริยาธิราชเจ้าผู้ทรงมีพระราชประวัติหายไปกับหน้าประวัติศาสตร์ ชาติไทย

สิ่งที่ท่านจะได้เห็นนี้... คือพระสุสานพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ในต่างแดน

คำถาม...ที่ว่า...?

จะเป็นแค่สุสานเก็บฉลองพระองค์ หรือ พระบรมสรีระของพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ความลับที่เก็บซ่อนมาเกือบ 230 ปียังคงต้องรอการพิสูจน์ต่อไป…

ทีนี้เรากลับมาเมืองไทยกันบ้าง สำหรับประเด็นการโฆษณาชวนเชื่อว่า พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 แห่งพระราชจักรีวงศ์นั้นไม่ได้ทำรัฐประหารยึดอำนาจและประหารชีวิตพระเจ้า ตากสินมหาราชแต่ประการใด แต่เป็นข้อตกลงลับของพระเจ้าตากสินกับพระพุทธยอดฟ้าที่จะให้พระเจ้าตากสินลง จากบัลลังก์เพื่อแก้ไขปัญหาที่ไทยไม่มีเงินไปชำระหนี้จีนในช่วงยืมเงินมากู้ ชาติ หลังเสียกรุงครั้งที่ 2 จากนั้นพระเจ้าตากได้แอบหนีไปบวช และมีชีวิตต่อมาในเพศภิกษุที่นครศรีธรรมราช

ประเด็นนี้น่าคิดครับ ถ้าหากเป็นจริง ก็ต้องขอชมเชยบรรพบุรุษยอดนักวางแผนและกุศโลบายที่เยี่ยมยอดที่สุดหาใดปานของไทยเรา

ทางภาคใต้ มีร่องรอย ที่อ้างว่า พระเจ้าตากได้ทรงผนวชและใช้ชีวิตในบั้นปลายของพระองค์ท่านที่จังหวัดนครศรี ธรรมราช จนแตกหน่อออกกอมาเป็นสกุล “ณ นคร” จนถึงปัจจุบันนี้

เรื่องนี้ผมเคยถามพรรคพวกที่ใช้นามสกุล “ณ นคร” ว่านามสกุลนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร บุคคลใดเป็นต้นสกุลตัวจริง ร้อยทั้งหลายต่างยืดอกอย่างภาคภูมิใจว่า พระยาตาก คือ บรรพบุรุษต้นสกุลของเขา แต่พอถามต่อว่า แล้วมีหลักฐานอะไรยืนยัน มันก็ตอบว่า ประวัติศาสตร์ไทยเขียนไว้ตั้งนานแล้ว จบ...!!!

ร่องรอยประวัติศาสตร์ของพระองค์ มีปรากฏให้เห็นจนถึงทุกวันนี้ ก็ไม่ทราบว่า ลูกอีช่างคิดตนใด ที่ล่วงรู้ถึงเรื่องราวของพระองค์ยังกับเหตุการณ์เพิ่งเกิดเมื่อปีกลาย

"กษัตริย์ผู้เกรียงไกร พระเจ้าตากสินมหาราช เป็นกษัตริย์ที่สร้างกรุงธนบุรีหลังจากที่ไทยต้องเสียกรุงศรีอยุธยาให้กับ พม่า นักประวัติศาสตร์ไทยบางคนกลับไม่เชื่อว่า พระองค์ถูกสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ แต่เสด็จหนีลงเรือมาประทับ ณ วัดเขาขุนพนม ทรงดำรงพระองค์อย่างสมณเพศ ทรงสั่งสอนสมถะวิปัสสนา และทรงรับบิณฑบาตจากราษฎรและสวรรคต ณ ที่ประทับวัดเขาขุนพนม"
เป็น ข้อความที่จารึกอยู่ ณ ปากถ้ำบนภูเขา วัดเขาขุนพนม แต่ไม่ยักบอกว่านักประวัติศาสตร์คนไหน เพราะที่ผ่านๆมาก็มักเป็นเรื่องเล่าปรำปรา หรือแม่ชี หรือพระเกจิอาจารย์ท่านบอกว่านิมิตเห็นบ้าง หรือนั่งทางในพบบ้างเป็นพื้น

นอกจากนี้ยังมี เรื่องเล่ากันในหมู่สมาชิกตระกูล "ณ นคร" บางกลุ่มในปัจจุบัน ที่บอกว่าหลังจากที่พระเจ้าตากสินทรงผนวชที่วัดเขาขุนพนมระยะหนึ่งแล้ว ก็ได้ประชวรด้วยพระโรคอย่างหนึ่ง จึงจำเป็นต้องทรงลาผนวช แล้วเสด็จไปประทับอยู่ในจวนของเจ้าพระยานคร (น้อย) ในสมัยรัชกาลที่ ๓ มีการอ้างด้วยว่า เมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีเสด็จสวรรคตแล้ว ได้มีใบบอกเข้าไปแจ้งรัฐบาลในกรุงเทพฯ ว่า "ท่านข้างใน" สิ้นแล้ว ส่วนพระบรมศพนั้นก็ได้ไปตั้งทำการพระเมรุที่ชายทะเลแห่งหนึ่งในจังหวัด นครศรีธรรมราช

ทั้งนี้ มีการอ้างถึง "หลักฐาน" เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของเรื่องนี้อีกว่า ที่วัดแจ้งและวัดประดู่ซึ่งมีเก๋งไว้อัฐิของเจ้านคร (หนู) หม่อมทองเหนี่ยวชายา และของเจ้าพระยานคร (น้อย) นั้น มีศิลาจารึกภาษาจีนอยู่ ๓-๔ หลัก หนึ่งในนี้มีผู้อ้างว่า มีข้อความกล่าวถึงว่าเป็นหลุมศพของ "ผู้เป็นใหญ่แซ่เจิ้ง" เนื่องจากพระบิดาของสมเด็จพระเจ้าตากสิน "แซ่เจิ้ง" สมเด็จพระเจ้าตากสินจึงทรงใช้ "แซ่เจิ้ง" ด้วย สำเนียงแต้จิ๋วเรียก "แต้" เรื่อง นี้เป็นความจริงเพราะมีหลักฐานชั้นต้นยืนยันจำนวนมาก รวมทั้งพระราชสาส์นของพระเจ้าตากสินที่ทรงมีถึงพระเจ้ากรุงจีนก็ใช้ "แซ่เจิ้ง"

ก็เหมือนเดิมครับ พอถามว่า พระราชสาส์น และหลักฐาน ที่อ้างมันมีอยู่ที่ไหน หอสมุดแห่งชาติก็ไม่มี นักประวัติศาสตร์ก็ไม่มี แล้วนี่ผมจะเชื่อใครดี..???

สุดท้ายนี้ผู้เขียน ขอน้อมเกล้าคารวะต่อพระดวงวิญญาณของพระองค์ท่าน “แต้อ๊วง” ถ้ามีจริง ขอได้โปรดเมตตาช่วยเหลือให้ประเทศชาติไทย จงพ้นภัยจากภัยพิบัติธรรมชาติและมหันตภัยทางการเมือง ดั่งเช่นที่พระองค์ท่านได้ทรงกอบกู้เอกราชชาติไทยให้พ้นจากภัยพิบัติมาแล้ว ในประวัติศาสตร์ จนอยู่รอดปลอดภัย


เพื่อให้ลูกหลานเหลนโหลนในประเทศไทยมาฟัดกันเองในปัจจุบัน ด้วยเทอญ............

*******
เรื่องเกี่ยวเนื่อง:

-229ปีตากสินมหาราช:กฤษฎาภินิหารอันบดบังมิได้