โดย RED USA-LA
23 มกราคม 2555
เผยจดหมายเปิดผนึกเสื้อแดงแอลเอถึงปธน.โอบาม่าและทางการสหรัฐฯชื่นชมกรณีไม่อนุมัติวีซ่าให้DSIเข้าไปสอบสวนคดี112กับคนไทยในสหรัฐฯ
กรณีทางการสหรัฐฯไม่รับคำร้องขอวีซ่าแก่ พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองผู้อำนวยการกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เพื่อเดินทางไปสอบปากคำคนไทยในสหรัฐอเมริกาเสริมรูปคดีแก่การตั้งข้อหานาย จักรภพ เพ็ญแข เคยไปอภิปรายที่นั่น โดยกล่าวหา่อ้างว่ามีเนื้อความหมิ่นสถาบันกษัตริย์ไทย
อันเนื่องจากรายงานข่าวทางสื่อมวลชน เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ศกนี้ที่ว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอนำโดย พ.ต.อ.ประเวศน์ได้ยื่นขอวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าสหรัฐในวันที่ ๒๒ มกราคมโดยอ้างว่าเพื่อไปดำเนินสอบสวนบุคคลที่เคยไปฟังการปาฐกถาของนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งนี้อ้างว่ามีความสำคัญในการดำเนินคดีต่อนายจักรภพข้อหาจาบจ้วงสถาบัน แต่ปรากฏว่า “สถานทูตสหรัฐฯแทงเรื่องกลับโดยระบุว่าหากจะสืบสวนสอบสวนประเด็นนี้ สหรัฐฯไม่ให้ความร่วมมือ” อันทำให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษให้สัมภาษณ์ว่า “การไม่อนุมัติวีซ่าเป็นปัญหาเรื่องของถ้อยคำที่ไม่สมบูรณ์หรือไม่ครบถ้วน ของเอกสารการขอวีซ่า” และ “ขณะนี้ได้มีการปรับปรุงถ้อยคำให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นเพื่อนำไปยื่นขออนุมัติทำ วีซ่าใหม่แล้ว” (ตามรายงานข่าว น.ส.พ.กรุงเทพธุรกิจ และไทยรัฐ) นั้น
กลุ่มคนไทยที่อยู่อาศัยในสหรัฐฯซึ่งรวมตัวกันภายใต้สมัญญา RED USA-LA “เร็ดยูเอสเอ-แอลเอ” กระทำกิจกรรม และรณรงค์เพื่อประชาธิปไตยแท้จริง และสิทธิมนุษยชนภายในประเทศไทยมาเป็นเวลาหลายปี เห็นควรที่จะแสดงความชื่นชมต่อการตัดสินใจไม่รับคำร้องวีซ่าของกงสุลสหรัฐ ดังกล่าว เนื่องจากต้องตรงกับหลักการสิทธิมนุษยชนทางการเมืองในการรับฟัง เลื่อมใส และแสดงออก อันเป็นสิทธิพื้นฐานที่ประชาชนไทยพึงมี และสอดคล้องกับหลักการไม่ล่วงล้ำสิทธิสภาพนอกอาณาเขต รวมทั้งคำประกาศของประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า เมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เกี่ยวกับการสงวนสิทธิไม่อนุญาตบุคคลเดินทางเข้าประเทศสหรัฐ บทที่ ๑ ข้อ (เอ) อันมีใจความเข้าข่ายให้ถือว่าจุดมุ่งหมายของดีเอสไอในการขอวีซ่าขัดแย้งต่อ คำประกาศนี้
ข้อความดังกล่าวกล่าวว่า
(a) Any alien who planned, ordered, assisted, aided and abetted, committed or otherwise participated in, including through command responsibility, widespread or systematic violence against any civilian population based in whole or in part on race; color; descent; sex; disability; membership in an indigenous group; language; religion; political opinion; national origin; ethnicity; membership in a particular social group; birth; or sexual orientation or gender identity, or who attempted or conspired to do so.
(หมายเหตุ เรานำเสนอข้อความเป็นภาษาอังกฤษตามต้นฉบับแท้จริงของคำประกาศโดยไม่แปลเป็น ภาษาไทยเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาข้อโต้แย้งที่มักมีอ้างเป็นทางเลี่ยงกันอยู่ เสมอว่าภาคภาษาไทยไม่ตรงกับเป้าหมายแท้จริง ทำนองเดียวกับที่ดีเอสไออ้างว่าคำร้องขอวีซ่าไม่ผ่านเพราะถ้อยคำไม่สมบูรณ์ ดังกล่าวข้างต้น)
การเขียนจดหมายถึงทางการสหรัฐฯ และบุคคลทางการเมืองต่างๆ ตั้งแต่ประธานาธิบดีลงไปถึงเจ้าหน้าที่กงสุลประจำประเทศไทย ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความพึงพอใจในการวินิจฉัยอย่างสมเหตุสมผล ต้องตรงต่อแนวทางการปฏิบัติราชการอย่างเที่ยงตรง และมั่นคงในหลักการสิทธิมนุษยชน
หากแต่ยังต้องการย้ำเตือนว่า แม้ดีเอสไอจะแก้ไขถ้อยคำเสียใหม่เพื่อให้คำร้องขอวีซ่าได้รับการยอมรับ ทางการสหรัฐฯก็มิบังควรอนุมัติเพียงเพราะถ้อยคำสละสลวยยิ่งขึ้นแต่เจตนาใน การรบกวน และ/หรือ อาจถึงขั้นคุกคามสวัสดิภาพ และการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในสหรัฐอเมริกาของบุคคลเชื้อชาติไทย ดังที่เคยปรากฏมาแล้วครั้งหนึ่งในกรณีที่กงสุลคมกฤต จองบุญวัฒนา จากสถานกงสุลไทยประจำนครลอส แองเจลิส กระทำต่อชาวไทยท่านหนึ่งเมื่อเดือนกุมภาพันธุ์ ๒๕๕๔ เนื่องจากวิธีการแอบแฝง และบิดเบือนเพื่อใช้กำหราบ ลงโทษ และกล่าวหาผู้มีความเห็นต่างทางการเมืองถูกนำมาใช้จนเป็นนิสัยเสื่อมทราม อย่างบ่อยครั้งในรัฐบาลไทยชุดที่แล้ว
นอกเหนือจากนั้นกลุ่มยังเห็นว่าการไม่ยอมรับคำร้องวีซ่าของกงสุลสหรัฐฯครั้ง นี้เป็นนิมิตหมายที่ดีต่อการเจริญเติบโตในทางสร้างสรรค์แก่หลักการ ประชาธิปไตยอันแท้จริงในประเทศไทย เมื่อทางการสหรัฐฯวินิจฉัยนิติกรรมอย่างหนึ่งอย่างใดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ กับประเทศไทยโดยคำนึงถึงหลักนิติธรรม และสิทธิมนุษยชนในหมู่ประชาชนมากขึ้น มิได้จมปลักอยู่กับมารยาท และทางปฏิบัติอันเป็นจารีตที่จะเชิดชูกลุ่มผู้ปกครอง และบุคคลชั้นสูงของไทย เลยไปถึงกรณีที่ปรากฏในเอกสารวิกิลี้คที่ว่า สถานทูตสหรัฐฯจะไม่เข้าไปแตะต้องประเด็นที่เป็นข้อถกเถียง และอื้อฉาวอันเกี่ยวพันไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยใดๆ ทั้งสิ้น
................
( แถลงการณ์ฉบับภาษาอังกฤษถึงประธานาธิบดีโอบาม่า,รัฐมนตรีต่างประเทศ ฮิลลารี่ คลินตัน ,เอกอัคราชทูต และกงสุลใหญ่สหรัฐฯประจำประเทศไทย และวุฒิสมาชิกที่เกี่ยวข้อง )
January 20, 2012
President Barack Obama, Secretary of States Hillary Clinton, Senator Dianne Feinstein, Senator Barbara Boxer, Los Angeles Mayor Antonio Villaraigosa, Ambassador to Thailand Kristie Kenney, Consul general Elizabeth Pratt and et, all.
In support of the decision not to grant a visa to enter the United States for a Deputy Director of the Department of Special Investigation from Thailand.
We are a group of American citizens with Thai ethnic descendant living in and around Los Angeles county in the State of California, who would like to express our gratification on the news received from Thailand the other day that the American Consular in Bangkok rejected an application to travel to the U.S. by a deputy director of the Thai Department of Special Investigation, Police Colonel Praves Mullpramook.
We are in full support of the decision for its justification according to the presidential proclamation on August 4, 2011, SUSPENSION OF ENTRY AS IMMIGRANTS AND NONIMMIGRANTS OF PERSONS WHO PARTICIPATE IN SERIOUS HUMAN RIGHTS AND HUMANITARIAN LAW VIOLATIONS AND OTHER ABUSES.
Section 1. The entry into the United States, as immigrants or non-immigrants, of the following persons is hereby suspended:
(a) Any alien who planned, ordered, assisted, aided and abetted, committed or otherwise participated in, including through command responsibility, widespread or systematic violence against any civilian population based in whole or in part on race; color; descent; sex; disability; membership in an indigenous group; language; religion; political opinion; national origin; ethnicity; membership in a particular social group; birth; or sexual orientation or gender identity, or who attempted or conspired to do so.
The decision is also a humanitarian act in protection of the rights of American peoples who are members of the Thai ethnic community of greater Los Angeles for which they are the target of investigation by the Thai DSI on a matter irrelevant to their well being. The Thai DSI wants to interrogate Thai ethnics in Los Angeles to build up a case against a former Minister under the Taksin Shinawatra government who fled the country on lese majeste charge.
In February last year, a consular official from Thai Consulate Office in Los Angeles names Mr. Komkrich Chongbunwatana went to one Thai ethnic political activist at his apartment and presented himself as an agent from the Thai DSI asking questions about the activist’s opinion in Thai politics and the monarchy. This incident prompted for anguish that Thai authority could send an official to the U.S. and interrogate a suspect of unfaithfulness to the monarchy. Many people in Thailand, so far almost 500, were jailed for an offence which anyone else can report to the authority that he or she defamed the monarchy as the Thai criminal code 112 was used by political opponents.
The law is wide open for anyone to charge anyone under the code. The accused will be incarcerated and put in jail waiting for a closed trial or sentenced to a minimum of three years and up to fifteen years for each count.
A recent infamous case for which a sixty-two years old man was charged for sending messages through telephone service deemed violating the law, though the prosecutor could not prove beyond reasonable doubt the man was sentenced to spend 20 years in jail as guilty only upon circumstantial evidences. Another well publicized case involved an American citizen of Thai ethnic origin was sentenced to fifteen years in prison for an accusation he posted a translated version of a banned book, The King Never Smile, which is a historical report academically written by Paul Hanley. The two cases are inglorious examples of Thai justice system grossly disregarding universal human right conducts.
We are writing this letter with appreciation for the U.S. consular for making us feel secure being a law abiding U.S. citizen. We also want to express our concern that we could live peacefully and in harmony with other U.S. citizens not having to fear about being persecuted by our home country.
Respectfully Yours,
Red USA-LA