ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Thursday, 26 January 2012

ถึงวันนี้ผู้โต้แย้งนิติราษฎรก็ยังไม่มีเหตุผลที่พอฟังได้ เน้นการเห่าหอนข่มขู่ทั้ง

ที่มา thaifreenews

โดย Bugbunny

ประยุทธ จันทรโอชา ถามว่านิติราษฎร์เป็นคนไทยหรือเปล่า ตอบว่าเป็น รวมทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยทั้งหลายก็เป็นคนไทยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีชาวต่างชาติในสังคมอารยะอีกมากมายที่เห็นด้วยกับข้อเสนอของ คณะนิติราษฎร เพราะฉะนั้น คำพูดนี้จึงเป็นเพียงการใช้วาทกรรมแบบเสียดสีแดกดันเท่านั้น

กนก รัตน์วงศ์สกุล บอกว่าคณะนิติราษฎร์เป็นพวกพ่อแม่ไม่สั่งสอน ตอบว่าผู้ที่จะสั่งสอนใครได้นั้นมีมากมาย ตั้งแต่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ เพื่อนมิตร และการค้นคว้าหาความรู้ ฯลฯ พระพุทธองค์ท่านก็บรรลุนิพพานด้วยการบำเพ็ญเพียรภาวนาด้วยพระองค์เอง หลังผ่านการศึกษาจากมหาคุรุมาแล้วหลายรูปแบบ เชื่อได้ว่าอาจารย์คณะนิติราษฎร์นั้น พ่อแม่สั่งสอนมาอย่างดีแน่ ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีโอกาสศึกษาจนจบปริญญาเอกได้ด้วยทุนเรียนดี คน ที่พ่อแม่ไม่สั่งสอนหรือสอนให้เฉพาะเรื่องชั่ว ๆ นั้นน่าจะเป็นตัวนายกนกเองนั่นแหละ จึงได้แสดงสันดานสถุลถ่อยออกมาจนเป็นที่ชิงชังของประชาชนได้มากขนาดนี้ ด้วยความสัจจริง หากนายกนกผู้นี้มีพ่อแม่สั่งสอนมาเรื่องของเกียรติยศแห่งความเป็นลูกผู้ชาย บ้างแล้วละก็ เขาควรออกจากสถานีโทรทัศน์ช่องที่กำลังทำรายการไปทำที่อื่นได้แล้ว คนมันไร้ศักดิ์ศรี มันจึงหนังหนาหน้าด้านทำรายการอยู่ในสถานีที่เขาเปลี่ยนแปลงผู้บริหารเป็น ฝ่ายตรงข้ามกับตนเองได้หน้าตาเฉย

บวรศักดิ์ อุวรรณโณ บอกทำนองว่าให้สำนึกบุญคุณของทุนอานันทมหิดล คำตอบก็คือทุนอานันทมหิดลจะมอบให้กับผู้ที่สอบชิงทุนได้ด้วยคะแนนสูงสุด เป็นทุนสำหรับผู้เป็นเลิศทางวิชาการ ไม่ใช่องค์กรที่หวังผลในการตอบแทนใด ๆ เลย ผู้รับทุนนี้พิสูจน์ตนเองว่าเป็นผู้ที่เลิศทางวิชาการแล้วจึงจะสอบได้ ระเบียบทุนอานันทมหิดลไม่ได้บอกว่า ถ้าท่านชิงทุนได้ไปเรียนแล้วห้ามทำอย่างนั้นอย่างนี้ คำถามก็คือในเมื่อผู้ให้ทุนเขาไม่ได้ว่าอะไร แล้วนายบวรศักดิ์ “เสือก” อะไรด้วย ประวัติ นายบวรศักดิ์นั้นก็ไม่เคยได้รับทุนอานันทมหิดลหรือทุนอื่น เพราะมหาวิทยาลัยปารีสที่จบมานั้น ใครก็เข้าศึกษาได้ อยากนั่งฟังเลคเชอร์โดยไม่เอาปริญญาก็ไม่มีใครว่า ส่วนมหาวิทยาลัยเกิร์ทธิงเก้น ประเทศเยอรมนี ที่อาจารย์วรเจตน์จบด้วยคะแนนสูงสุด โดยทุนอานันทมหิดล นั้น คนเรียนกฎหมายเขารู้ดีว่าการจะได้ปริญญาเอกทางกฎหมายจากมหาวิทยาลัยเยอรมัน เป็นเรื่องที่แสนเข็ญ โดยทางวิชาการก็ไม่เห็นนายบวรศักดิ์ในฐานะศาสตราจารย์ทางกฎหมายจะชี้แจงเห็น ต่างจากคณะนิติราษฎร์ในทางกฎหมายเลยสักคำ แต่เสือกบอกใ้ห้เขาสำนึกบุญคุณทุนอานันทมหิดล เรื่อง “เสือก” แบบนี้สมุนอำมาตย์ไทยชอบกันนัก

บรรเจิด สิงคเนติ คนนี้พูดแบบ วกวนเหวี่ยงแหจนไม่รู้ว่าจะต้องการสื่ออะไรกันแน่ พยายามอ้างหลักการโน้นหลักการนี้ แต่ตอบคำถามสื่อมติชนแบบลอยคอหมุนคว้างอยู่กลางทะเล จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่เชื่อไปอ่านดู คือเดี๋ยวเห็นด้วย เดี๋ยวไม่เห็นด้วย ตอนหนึ่งก็พูดถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่อีกสองสามคำต่อมาก็อ้างเรื่องการคุ้มครองพิเศษตามกฎหมายมหาชน อาจารย์ควรพูดตรง ๆ ออกมาเลยว่า ไม่เห็นด้วยกับนิติราษฎร์ตรงไหน ประเด็นใด จะได้เสวนากันให้ตรงจุด พูดวกวนแบบนี้ น่า สงสารนักศึกษาที่เรียนกับนายบรรเจิด คงสอบตกกันหมด เพราะสอนห่วย ๆ แบบนี้ แถมถ้าคนเขาจะคล้อยตามนายบรรเจิดบ้าง เขาก็ควรรู้ว่านายบรรเจิดจะใช้หลักการกฎหมายไหนโต้แย้งกับคณะนิติราษฎร์ตรง จุดไหน จะได้เอาไปโต้แย้งบ้าง ถ้าโชว์วกวนแบบนี้ ก็ถือได้ว่ากลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ของนายบรรเจิดนั้น จัดตั้งขึ้นมาดื้อ ๆ เพียงเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของอำมาตย์ว่ามีนักกฎหมายที่ไม่เห็นด้วยกับ คณะนิติราษฎร์เท่านั้น ซึ่งในอนาคตบอกได้ว่าอาจารย์ทุกคนในกลุ่มของนายบรรเจิดนั้นเปลืองตัวโดยใช่ เหตุ ไม่รู้ว่านำเสนอเรื่องอะไร เสื่อมเกียรติการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยอย่างสูง เพราะพวกคุณเป็นอาจารย์ ไม่ใช่ สส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่มันไร้เกียรติกันทั้งพรรคแล้ววันนี้

จะ คอยติดตามการโต้แย้งอื่น ๆ แล้วเอามาวิเคราะห์สู่กันฟังต่อไป ยกเว้นเห่ยมาก ๆ แบบบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ หรือหมอตุลย์เท่านั้น พวกนี้เป็นพวกคลั่ง พูดอะไรไม่ต้องไปฟังมากนักหรอก


Re:

โดย ลูกชาวนาไทย



ผมอ่านข้อโต้แย้งของ นายบรรเจิด สิงคเนติ ไม่จบ เพราะวกไปวนมาอย่างที่ว่า
แต่ ก็ยังพอจับหลักได้ว่า "เป็นแนวคิดของพวกอนุรักษ์นิยม" ตามปรัชญาของพวกคอนเซอร์เวทีฟ ที่เน้นเรื่อง "คุณค่าของสิ่งของเก่าๆ (ทำนองของยิ่งเก่ายิ่งมีคุณค่า เพราะมันอยู่มานานย่อมมีคุณค่า อะไรประมาณนั้น)

แต่ บรรเจิด สิงคเนติ ยังไม่แตกฉาน อย่างเต็มที่ และไมีมีความกล้าหาญที่จะสนับสนุนในสิ่งที่ตัวเองเชื่อด้วย
เลยพยายามลากเอาหลักการประชาธิปไตย ไปพันกับหลักการอนุรักษ์นิยม แล้ว กลัวว่าหากบอกว่าตัวเองเห็นด้วย
กับรัฐประหาร จะโดนคนด่า ก็เลยพูดว่าไม่เห็นด้วย สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าเสนออะไร

อัน ที่จริงแนวคิดเรื่อง อนุรักษ์สิ่งเก่าเอาไว้นั้น พวกเสรีนิยม ก็ไม่ค้านถึงที่สุด เพราะเห็นว่า "ให้สถาบันเก่าๆ "พิสูจน์ตัวเอง ว่าหากมีประโยชน์ต่อสังคมก็ดำรงต่อไปได้ หากไม่เป็นประโยชน์หรือขัดแย้งกับสังคม สังคมก็คงโยนทิ้งเอง เรียกว่าให้โอกาสพิสูจน์ว่างั้นเถอะ ส่วนสังคมนิยม เขาโล๊ะทิ้งไปเลย

ผมว่าพวกล้าหลังในเมืองไทยกำลัง หลังพิงเชือกทางอุดมการณ์ ตอนนี้ไม่สามารถอธิบายเพื่อชักจูงประชาชนให้คล้อย
ตามได้ ก็เลยออกอาการฟาดหัวฟาดหางไปมา

ทำอย่างนี้ในสังคมสมัยใหม่ยิ่งตายเร็วขึ้นเท่านั้น เพราะในที่สุด การใช้โปรประกันดา กับอำนาจ ในสังคมสมัยใหม่
ยุคอุตสาหกรรมนั้นไม่ได้ผล คุณต้องมี "ชุดคำอธิบายที่มีพลัง" มีชุดคำอธิบายทางด้านอุดมการณ์ที่หักล้างการโต้แย้งได้หมด

แต่เรื่อง 112 ยิ่งสู้กับคณะนิติราษฎร์ พวกนี้ยิ่งจนมุม เพราะหาคำอธิบายไม่ได้
เลยพาลว่า "ล้มเจ้า" ไปโน้น ยิ่งจนมุมมากขึ้นกว่าเดิม

เพราะขัดแย้งกันมา 5 ปี จนประชาชนทั่วไปเบื่อการใช้กำลัง ม็อบปะทะกันแล้ว การปลุกระดมแบบไม่มีเหตุผล
คนจึงไม่ออกไปอีก (ได้ข่าวว่า หมอตุนล่ารายชื่อค้าน 112 ได้แค่ 2,000 ชื่อเท่านั้น ยังห่าง 50,000 ชื่ออีกไกลมาก)

ปี 2555 ประเทศไทยกำลังเข้าสู่โหมดการต่อสู้กันด้วยปัญญา หลังจากปี 2553-2554 ที่สู้กันด้วยกำลัง

และสังคมเปิดกว้างขึ้นกับเหตุผลใหม่ ๆ