วาทตะวัน สุพรรณเภษัช
ผู้เขียนรู้สึกรื่นรมย์เป็นอันมาก สาเหตุก็มาจากผู้หญิงคนดังที่ชื่อ จารุวรรณ “ยัยเป็ด หัวยักษ์” เมณฑกา ซึ่งมีข่าวเมื่อต้นสัปดาห์ว่า จะต้องถูกฟ้องร้องในคดีอาญา โดยป.ป.ช.ได้จัดส่งเรื่องไปให้ทางพนักงานอัยการ เป็นผู้ดำเนินการ
ทั้งนี้ ก็เพราะตัวเองเคยเขียน เปิดโปงพฤติกรรมทุจริตของผู้หญิงคนนี้ ตั้งแต่ 9 พฤษภาคม 2552 (กว่า 2 ปี มาแล้ว) ในคอลัมน์ ชื่อ
จารุวรรณ “เป็ด หัวยักษ์” โป๊ะเชะ!!! (http://vattavan.com/detail.php?cont_id=145)
ซึ่งมีคนเข้ามาดู เกือบ 1.6 หมื่น คน/คลิก และยังกระทุ้งต่ออีกครั้งในสองสัปดาห์ถัดมา เมื่อ 23 พฤษภาคม 2552 ด้วยคอลัมน์ชื่อ
“จารุวรรณ เมณฑกา ใสซื่อหรือ...โสโครก!?”
(http://vattavan.com/detail.php?cont_id=149)
คอลัมน์นี้ มีแฟนๆ เข้าไปอ่านกว่าครึ่งหมื่นคน/คลิก!
การทุจริตที่ผมเปิดโปง นั้น เป็นคนละกรณีกับเรื่องที่ ป.ป.ช.มีมติไปแล้ว แต่เป็นเรื่องที่ใหญ่กว่า เกี่ยวข้องกับการเดินทางไปต่างประเทศ เลยใช้เวลามากกว่า แต่ได้ข่าวว่าใกล้เสร็จเต็มทีแล้ว
คดีที่สอบโดย ป.ป.ช.ก็ดองกันจนเป็น ‘ปลาร้าค้างปี๊บ’ อย่างนี้แหละ!
การที่ข้าราชการตัวใหญ่ ที่มักแสดงตนต่อสังคมว่า เป็นผู้มีความซื่อสัตย์สูง แต่เบื้องหลังกลับมีแผลทุจริต เหวอะหวะ เน่าเฟะ จนถูกฟ้องร้องต่อศาล ในความผิดฐานเป็นข้าราชการทุจริตคอรัปชั่น จะได้เป็นเครื่องเตือนใจพี่น้องประชาชน ว่า
คราวหน้าคราวหลัง อย่าไปเชื่อใครง่ายๆ!
ที่ดีใจมาก่อนหน้านั้น ก็เป็นคนดังอีกราย ที่ผมเคยเขียนถึงด้วยความมั่นใจว่า อย่างไรเสียนักการเมืองที่ผมหมายหัวเอาไว้ ในที่สุดก็จะต้องถูกฟ้องร้องในข้อหาทุจริต มีสิทธิไปใช้ชีวิตในเรือนจำ และก็เป็นไปตามคาด นั่นคือ
เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2554 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ประทับรับฟ้องคดี ที่ป.ป.ช.เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯกทม.ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ. 2542 จากกรณีการจัดซื้อรถ และเรือดับเพลิง พร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย ตามโครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำนักป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร มูลค่า 6,687,489,000 บาท
นอกจากนายอภิรักษ์แล้ว ยังมีนักการเมืองอีกหลายคนที่ติดร่างแหเข้าไปด้วย มีดังต่อไปนี้
- นายโภคิน พลกุล อดีต รมว.มหาดไทย ซึ่งเป็นนักกฎหมายชื่อดัง มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย แต่ตอนนี้ขาข้างหนึ่งของเขา ได้แหย่เข้าไปในตะรางแล้ว อาจารย์ใหญ่คงได้ใช้วิชากฎหมายเพื่อปกป้องตัวเอง ไม่ให้ขาดอีกข้างหนึ่ง หลุดเข้าไปในตะรางร่วมกับขาข้างแรกให้จงได้
- คนต่อไปก็คือ นายประชา มาลีนนท์ อดีต รมช.มหาดไทย คนโตของช่อง 3 คงต้องภาวนาให้ตัวเองรอดให้จงได้ ไม่อย่างนั้นช่องอื่นๆจะตัดหน้า นายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ตามไปทำข่าวตอนเจ้าตัวเยื้องย่างเข้าสู่ประตูเรือนจำ
- นักการเมืองอีกคนหนึ่ง คือ นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ ต้องดิ้นรนอย่างสุดขีด เพราะปากอย่างนายวัฒนา หากเข้าไปอยู่ในคุก หากเผลอไปพูดจาอย่างที่ตัวเองเคยกระทำ เวลาอยู่ข้างนอกคุก
จะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง!
จำเลยทุกคน ล้วนเป็นคนดังในสังคม ผู้คนจึงให้ความสนใจอย่างมาก ถึงกับมีการเล่นพนันขันต่อกันว่า
จะ ‘ติดคุก’ กี่คน!?
เรื่องการทุจริตของนายอภิรักษ์ นั้น ผมได้เคยเขียนถึงหลายครั้งแล้ว เพราะผมมั่นใจว่า อย่างไรเสีย จะต้องมีวันนี้แน่ คือวันที่นายอภิรักษ์ฯต้องเดินขึ้นศาล ในฐานะจำเลยคดีทุจริต
นอกจากเรื่องทุจริตเรือและรถดับเพลิง นายอภิรักษ์ฯ ก็ยังถูกอดีตปลัด กทม. คือ คุณหญิง ณัฐนนท์ ทวีสิน ร้อง เรียนกล่าวหาว่าทุจริต การจัดซื้อรถโดยสารประจำทาง ชนิดใช้ก๊าซเอ็นจีวี ในโครงการรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ (บีอาร์ที) เมื่อปี 2547 ของกรุงเทพมหานคร จำนวน 45 คัน วงเงิน 368 ล้านบาท
ซื้อกันในราคา...แพงเกินจริง!
คดีนี้ ผู้อำนวยการสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เดินไปยื่นสำนวนการไต่สวนและหลักฐานการทุจริตการจัดซื้อ ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้วตั้งแต่ 3 กรกฎาคม 2552
เวลาล่วงมาเป็นเวลานานกว่า 2 ปี แต่ทาง ป.ป.ช. ยังเก็บเรื่องดองไว้ ไม่กระดิกกระเดี้ยไปถึงไหน
ทุเรศมาก!
ดัง นั้น ไอ้หน่วยงานที่ไร้สมรรถภาพอย่าง ป.ป.ช. ที่ทำให้การปราบปรามคอรัปชั่นของประเทศ ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงนั้น ยังทำให้ผมจะต้องวิพากษ์วิจารณ์ ถึงอย่างถึงพริกถึงขิงต่อไป โดยมีทีเด็ดซ่อนไว้อีก
หากท่านอยากทราบ ขอให้ติดตามต่อไป!!
ผมอยากชี้ให้ท่านผู้อ่านเห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์นั้น ไม่เคยสนใจใยดีว่าคนของตน จะมีเบื้องหลังจากทุจริตอย่างไร ขอเพียงให้พรรคได้ประโยชน์ พรรคดักดานก็สนับสนุนอย่างเต็มที่ ไม่ฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนในบ้านนี้เมืองนี้
จึงไม่น่าแปลก ที่คนอย่างนายอภิรักษ์ ซึ่งมีแผลทุจริตเหวอะหวะเต็มตัวอย่างนี้ จนเจ้าตัวเองยังต้องลาออกจากตำแหน่งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร แต่พรรคประชาธิปัตย์กลับไม่สำนึก หัวหน้าพรรคอย่างนายมาร์ค มุกควาย ยังผลักไสให้นายอภิรักษ์ไปลงเลือกตั้ง เป็น ส.ส.กทม. อีกครั้ง ในสมัยรัฐบาลที่แล้ว โดยให้ลงเลือกตั้งซ่อม
ผมทนไม่ไหว เขียนคอลัมน์ วันเสาร์ ที่ 27 พ.ย. 2553 ถามพรรคดักดานไปตรงๆว่า
ทำไมพวกมึงเอา ‘ขี้โกง’ ลงเลือกตั้ง ส.ส.กรุงเทพ!?”
(http://www.vattavan.com/detail.php?cont_id=263)
แต่ไม่ได้ผล ไอ้พรรคเวรนี่ยังทำหน้าหนา ส่งลงเลือกตั้งอีก และเมื่อมีการยุบสภา ก็โยกเอานายคนนี้ ไปลงแบบสัดส่วนอีก
ผมได้วิพากษ์วิจารณ์ว่า นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯนั้น ไม่ได้ไปแต่ตัว แต่ได้ทิ้งภาระหนี้สินที่เป็นปัญหา ไว้ให้ กทม. แก้ไขอย่างมากมาย แถมยังเพิ่มค่าอนุญาโตฯและค่าทนายความ อีกกว่า...ค่อนพันล้านบาท
น่าตกใจจริงๆ!
ผลพวงการกระทำของนายอภิรักษ์ฯ ไม่ผิดอะไรกับการทิ้ง “ขี้กองโต” เอาไว้ให้ "สุขุมพันธุ์ไวน์" ต้องมาล้างตามเช็ด จนเวลาผ่านมาหลายปี แต่เราก็ยังมองไม่เห็น ‘จุดจบ’ ของมหากาพย์แห่งการทุจริต ที่น่าเกลียดน่าชังนี้ แต่อย่างใด
ที่แทงใจชาวบ้านทุกวันนี้ “ซากรถรถดับเพลิง” ที่จะกลายเศษเหล็กกองมหึมา เอาไว้ให้คนกรุงดูเป็น ‘อนุสาวรีย์’ ผลงาน “โลซก” ของพรรคดักดานต่อไป!
เงินของชาติจำนวนหลายพันล้านบาท กำลังกลายเป็นเศษเหล็กกองพะเนินเทินทึก
น่าเศร้าใจจริงๆ เพราะเงินหลายพันล้าน ต้องสูญเปล่าไปโดยไร้ประโยชน์
อยากจะเอาไปกองกันให้เป็นภูเขาเลากา ในสวนสาธารณะของ กทม. เพื่อเตือนใจพี่น้องประชาชนว่า นี่คือ
“ภูเขาแห่ง...ความอัปยศ”
เป็นผลงานอัปรีย์ของไอ้พวกกาลี ที่มันรุมกัน “แดกบ้านและผลาญเมือง” ของพวกเราคนไทยนั่นเอง
ดังนั้น การที่พรรคเพื่อไทย จะทำตามคำแนะนำของผม (หรือความเห็นมาสอดคล้องกัน) ในได้เวลา…ล้างกาลี!!! (http://vattavan.com/detail.php?cont_id=308) โดยจะตรวจสอบ172 โครงการของรัฐบาลเก่า จึงเป็นเรื่องที่ถูกต้องชอบธรรม เพราะต้องมีเรื่องราวทุจริต หมกเม็ด ซุกซ่อนอยู่มากมาย โดยเฉพาะโครงการ
ไทยเข้มแข็ง!
โครงการดังกล่าว นอกจากเรื่องที่ผมเคยวิพากษ์วิจารณ์ไปแล้ว ยังมีการใช้จ่ายที่ไร้สาระ เอาเงินไปอุดหนุนบริษัทภาพยนตร์ อย่างไม่มีเหตุผล เช่น
ให้เงินสหมงคล ที่ร่ำรวยอยู่แล้ว ไปเป็นเงินถึง 8 ล้านบาท เพื่อเอาไปสร้างหนังเรื่อง “คนโขน” ออกมา
หนังที่สร้างออกมา ก็ไม่ได้ดีเด่แต่อย่างใด เป็นหนังธรรมดาเท่านั้น ขนาดมีเงินช่วยมา 8 ล้านแล้ว
แต่...
ไม่น่าเชื่อว่า รอบที่ผมไปดู มีคนอยู่ไม่ถึง 10 คน ทั้งๆที่หนังเพิ่งเข้าแท้ๆ!
รายได้โรงใหญ่เขาบอกว่า ได้แค่ 4 ล้านบาท เท่านั้นเอง!
“คนโขน” เลยกลายเป็น “คนขำ” แต่ขำไม่ออก เพราะไม่รู้ว่ารัฐบาลจะเอาเงินไปให้บริษัทเอกชน สร้างหนังพื้นๆออกมาทำไม? ได้ประโยชน์โภคผลอันใด? และดูเหมือนจะทำให้ “ไทยเข้มแข็ง”
กลายเป็น “ไทยขี้เปี้ย” ไปเลย!!
(ใครไม่รู้ว่า “ขี้เปี้ย” แปลว่าอะไร ให้ไปถามคนเหนืออย่างนายกฯปู เอาเอง)
ขอแนะนำอีกอย่างหนึ่ง ที่เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ในการตรวจสอบทุจริต คือ
ให้ทางรัฐบาลพรรคเพื่อไทย นำนายตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (บก.ปปป.) มาทำดำเนิน ในการค้นหาการทุจริตของโครงการต่างๆ ของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะนายตำรวจจากกองบังคับการนี้ หลายคนมีฝีมือในทางแคะไค้เรื่องการทุจริต ดีกว่า ป.ป.ช.หลายเท่า หากทำตามผม รับรองว่า...
จะได้เห็นอะไรดีๆกันแน่!
นอกจากนั้น ขอทางชุดสืบสวนความกาลีของรัฐบาลเก่า ช่วยตีข่าวให้ประชาชนทราบ เป็นรายสัปดาห์ ตลอดระยะเวลา 4 ปี ของการบริหาร เพื่อให้ประชาชนคนบ้านเรา ได้รับรู้เรื่องราว การทุจริตของพรรคดักดานกันอย่างเต็มที่
ผู้คนจะได้ไม่เลือกพวกมัน!!!
ขอเรียนว่า
www.vattavan.com พร้อมจะนำข้อมูลการทุจริตเหล่านั้น มาย่อยให้แฟนๆฟัง เพื่อจะได้ช่วยกันเผยแพร่ การโกงกินกันอย่างมูมมาม แต่ผลงานห่วยแตก ให้กว้างขวางออกไป อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ก่อนจบบทความนี้ ผมขอทิ้งท้ายว่า
รัฐบาลนายกฯปูโชคดี สามารถมุ่งหน้าทำงาน แก้ไขปัญหาบ้านเมืองไปได้ ด้วยความสบายใจ เพราะไม่ว่าจะบริหารอย่างไรก็ตาม
ไม่มีทางจะเลวเกินไปกว่า...รัฐบาลชุดที่แล้วได้!
หากท่านอ่านบทความ ที่ผมวิพากษ์วิจารณ์พรรคดักดานนี้ ตามคอลัมน์ที่ได้แนะนำไว้ก่อนหน้านี้แล้ว จะพบว่า การบริหารของพรรคกาลีนี้
มันจังไร...สมบูรณ์แบบจริงๆ!!!
***************
***ท้ายบท ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ “วาทตะวัน” มายาวนาน บอกให้ผมช่วยวิพากษ์วิจารณ์ เรื่อง “รัฐบาลเงา” ของนายมาร์ค มุกควาย สักหน่อย เพราะอยากอ่าน
เลยบอกท่านไปว่า ถ้าจะเขียน จะต้องตั้งชื่อเรื่องที่ฟังดูแล้วขึงขัง ตึงตัง เข้มแข็งสักหน่อย
ชื่อเรื่องที่คิด ได้โดยฉบับพลันทันที ในขณะนั้น คือ
“นายกฯเงา-นายกฯเงี่ยน” (เงี่ยนจะเป็น ‘นายกฯ’ อีกครั้ง!!!)
อยากอ่านไหมครับ!