ri, 2011-09-16 02:44
15 กันยายน 2553 ห้อง 913 ศาลอาญากรุงเทพฯ ศาลได้อ่านคำพิพากษาสั่งยกฟ้องปล่อยจำเลย 5 คน จากข้อหาฝ่าฝืน พรก.,อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด จากจำนวนหลักฐาน จำนวนกว่า 30รายการ หลังบางรายถูกขังยาวเกือบปี
การจัดกุมดังกล่าวเกิดขึ้นโดยเจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าทำการจับกุม ทำร้ายร่างกายและแจ้งข้อหาดำเนินคดีจำเลยทั้ง 5คน โดยเหตุเกิดที่วัดสะพานในช่วงบ่ายของวันที่ 21 พฤษภาคม 2553 ณ บริเวณ วัดทัศนารุณสุนทริการาม (วัดตะพาน) สามเหลี่ยมดินแดง หลังจากมีการสลายการชุมนุมในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553
ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดี นายประสงค์ ปัญญาธรรม และพวกรวม5คน ในข้อหา ร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ณ บริเวณสี่แยกราชประสงค์ และร่วมกันมี วัตถุระเบิด เช่น ระเบิดขวด ระเบิดปิงปอง ระเบิดแสวงเครื่อง และอาวุธมีดต่างๆ อาทิเช่น อีโต้ ลูกแก้ว มีดทำครัว และวิทยุสื่อสาร ไว้ในครอบครอง โดยศาลได้ตัดสินยกฟ้องจำเลยทั้ง 5 ด้วยเหตุว่าหลักฐานที่ทางโจทก์ใช้ในการกล่าวหาจำเลยไม่ได้มาพร้อมกับตัว จำเลย ประกอบกับในคดีนี้มีอัตราโทษสูง จึงยกผลประโยชน์ให้จำเลย
ในการฟังผลการพิจารณาคดีดังกล่าวได้มีครอบครัวของจำเลยและคนเสื้อแดงเข้า ร่วมรับฟังผลการพิพากษาประมาณ 20 คน อาทิเช่น นางนฤมล วรุณรุ่งโรจน์ อดีตจำเลย คดีผู้หญิงยิง ฮ.
อนึ่งนั้นนายประสงค์ ปัญญาธรรม เป็นคนเร่ร่อน ตาบอดหนึ่งข้าง มีอาชีพเก็บของเก่าขายอยู่ย่านสามเหลี่ยมดินแดง นายคำสุข คำโพธิ์ อายุ 46 ปี มีอาชีพขับแท็กซี่ , ปรีชา งามตาอายุ35 ปี เป็นเด็กวัดอยู่ในวัดตะพาน นายเฉลิมพงษ์ กลิ่นจำปา อายุ 43 ปี เป็นคนพิการ หูหนวกและเป็นใบ้ นายสุรชัย บุญเสริมทรัพย์ อายุ46 ปี มีอาชีพ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง
ทีมงานของทนายจำเลยกล่าวกับประชาไทว่ากำลังเตรียมทำเรื่องฟ้องกลับโดยจะ ให้ นายเฉลิมพงษ์ กลิ่นจำปา ที่เป็นใบ้และหูหนวก เป็นโจทก์ที่หนึ่ง และอีกสี่คนเป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้องอาญากลับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ศอฉ. และกองทัพบก เนื่องจากถูกซ้อมทรมานจนสลบระหว่างจับกุมคุมขัง และนอกจากนั้นยังทำให้ผู้เสียหายต้องคดีอาญาร้ายแรงและสูญเสียอิสรภาพโดยมิ ได้กระทำความผิดใดๆ