โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
2 กันยายน 2554
ครบรอบ 3 ปีสังหารณรงค์ศักดิ์ กรอบไธสง เหยื่อสังเวยพธม.อันธพาลการเมืองกระหายเลือด
ดึกคืนวันที่ 1 ต่อเนื่องวันที่ 2 กันยายน2551 นชป.ที่จัดชุมนุมย่อยสนามหลวงได้เคลื่อนขบวนมุ่งหน้าไปทำเนียบรัฐบาลเพื่อ เรียกร้องให้พันธมิตรยุติการยึดทำเนียบรัฐบาลที่ยึดเอาไว้ตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2551
แต่พันธมิตรกระหายเลือดใช้อาวุธปืนยิงกระหน่ำใส่ และอาวุธหลายอย่างมีผู้ชุมนุมเสื้อแดงบาดเจ็บและถูกกระทืบซ้ำหลายราย และณรงค์ศักดิ์ กรอบไธสง เป็นศพแรกที่สังเวยความกระหายเลือดของพันธมิตร
งานศพของณรงค์ศักดิ์ผ่านไปแบบเงียบๆ ไร้เกียรติยศใดๆ แต่น่าประหลาดคือรูปหน้าศพเกิดติดไฟไหม้ขึ้นอย่างพิศวง ราวกับว่าทวงความเป็นธรรม จนบัดนี้ผ่านไป 3 ปี ยังไม่มีการจับฆาตกรที่สังหารเขาได้แต่อย่างใด ขณะที่พี่สาวของณรงค์ศักดิ์ปฏิเสธจะรับความช่วยเหลือค่าทำศพจากพันธมิตร หรือกลุ่มสว.40คน
นางชบา สิงหกลางพล อายุ 73 ปี พี่สาวของณรงค์ศักดิ์กล่าวเปิดเผยว่า ณรงศักดิ์ มีอาชีพทำไร่ทำสวน ก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับญาติที่ย่านดินแดง กรุงเทพฯทำงานรับจ้างทั่วไป ซึ่งนายณรงศักดิ์ เดินทางไปมาระหว่างจ.กาญจนบุรี และกรุงเทพฯเพราะต้องคอยดูแลตนด้วยเนื่องจากทางครอบครัวยากจนไม่ค่อยมีฐานะ เท่าที่ควร
ก่อนเกิดเหตุน้องชายโทรไปหาตนว่าจะไปเยี่ยมน้าที่จ.นครราชสีมา และกลับมากรุงเทพฯตอนเย็นวันที่ 1 กันยายน 2551 และบอกว่าจะไปรวมกับกลุ่มเพื่อนที่เป็นแนวร่วมนปช.ที่ท้องสนามหลวง เพราะน้องชายเป็นคนรักชาติบ้านเมืองมาก และเป็นคนโสดไม่มีครอบครัว และเห็นว่าการที่กลุ่มพันธมิตร มาชุมนุมทำไม่ถูกต้องเห็นว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไรเสียหายได้รับการเลือกตั้งมา จากประชาชน น้องชายเลยออกมาร่วมกับกลุ่มนปช.เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย
“เราคนไทยด้วยกัน ขอให้พันธมิตรหันหน้าเข้าหากัน ศพของน้องฉันขอให้เป็นศพสุดท้าย พอใจไหมสำหรับพันธมิตร” นางชบากล่าวในวันนั้น...แต่ความจริงเขาเป็นศพแรก ก่อนที่จะตามมาอีก 92 ศพในเวลาต่อมา
ครบ 3 ปีฆาตกรสังหารณรงค์ศักดิ์ กรอบไธสง ยังลอยนวล
งานศพคุณณรงค์ศักดิ์ที่จัดอย่างสมเกียรติ มีรายงานข่าวสื่อมวลชนช่วงนั้นว่า รูปถ่ายหน้าโลงศพของณรงค์ศักดิ์ลุกไหม้ขึ้นเอง ราวประท้วงอยุติธรรม
คุณTAN007เขียนเล่าเหตุการณ์คืนวันนั้นเมื่อ 3 ปีที่แล้วทางเว็บบอร์ดประชาทอล์ก ว่า
เวทีสนามหลวง : ณ เวลานั้น จำได้ว่าประมาณ 5 ทุ่มกว่าๆ อาจารย์ชินวัฒน์ หาบุญพาด ประธานชมรมแท็กซี่ ขึ้นบนเวทีประกาศบอกพี่น้องเราจะเคลื่อนไปสะพานมัฆวาน อ้าวแล้วนึกในใจ ชิบหายแล้ว เพราะแค่มวลชนได้ยินเสียงประกาศแค่นั้นทุกคนที่อารมณ์ค้างและแค้นอยู่แล้ว พร้อมใจกันลุกพรวดพราดขึ้นและตั้งขบวนแบบไม่ฟังเวทีแล้วทุกคนบ่ายหน้าจะไป สะพานมัฆวานทันที ซึ่งตอนนั้นอะไรก็ห้ามไม่อยู่แล้วขบวนคนนับพันนับหมื่นเดินตะโกนไปบนถนนราช ดำเนินมุ่งหน้าแยกผ่านฟ้าและไปหยุดที่หน้า สน.นางเลิ้ง แถวแยก จปร.
ผมและพวกนั่งคุยกับเสธ.แดงอยู่หลังเวที ยัง งงๆ อยู่ว่าชิบหายแล้วอาแดง จะเคลื่อนไปทำไมวะนั้นไปมีปะทะแน่นอน ซึ่งก็ไม่ทันแล้ว ก็ต้องเฮตามมวลชนไป และก็ฝ่าฝูงชนมายืนด้านหน้าประจันกับพันธมิตร ซึ่งตั้งป้อมอยู่เลยหน้า บก.ทบ.ไปนิดเดียวและกลุ่มพันธมิตรยืนเต็มสะพานมัฆวานบางไปหมดบางคนปืนขึ้นไป บนต้นไม้ บนเสาปีนไปนั่งบนโค้งจั่วสะพานและส่องกล้องดูพวกเรา
ความ ฮึกเหิมของมวลชนฝ่ายเราที่มีมือเปล่าและท่อนไม้ ประกอบกับคิดว่าฝ่ายเราคนเยอะกว่าพันธมิตรเลยกรูกันไปด้านหน้ากะปะทะเต็มที่ ตอนนั้น ผมโทรรายงานห้องแคมฟรอกการเมืองแจ้งพรรคพวกสารพัดกลุ่ม ว่าเริ่มมีปะทะแล้วที่หน้า บก.ทบ. ตำรวจที่ประจันอยู่ตรงกลางเป็นไส้แซนวิสอยู่ตรงกลางน่าจะไม่เกิน 300 นายเริ่มจะเอาไม่อยู่
มวล ชนจาก 2 ฝั่งตั้งท่าจะนวดกันแล้วก็เป็นดังคาด ตำรวจคุมไม่อยู่แล้วตอนนั้นเพราะต่างฝ่ายต่างกรูเข้าหากันแต่ที่เราเสีย เปรียบคือฝ่ายพันธมิตรที่ยืนประจันด้านหน้า(พวกการ์ด)เล่นปืนลูกโม่ ส่องปั้งๆๆๆๆ มาไม่ต่ำกว่า 5 ชุด ใส่มวลชนฝ่ายเรากลุ่มแรกที่ถือไม้วิ่งเข้าไปจะปะทะต้องล้มกันระเนระนาดและ วิ่งเข้าข้างทางบ้าง วิ่งเข้าหลบข้างสนามมวยราชดำเนินก็มี ตอนนั้นวุ่นวายสุดๆ โทรศัพท์ผมหล่นแตกยังไป 1 เครื่อง และโดนพวกเราด้วยกันวิ่งมาชนจนจุกนั่งพับเพียบกับพื้น และเจอพวกเราโดนฝั่งพันธมิตรลากตัวเข้าไปฝั่งเขาไม่ต่ำกว่า 5 คน บางคนโดนตีแบบ 5 รุ่ม 1 แต่ฝ่ายเราก็ตีฝ่ายเขาเช่นกัน แต่ฝ่ายโน้นจะให้คนที่มีปืนสั้นมาประจันหน้าอันนี้เลวร้ายมาก ส่วนลุงณรงค์ศักดิ์ตอนนั้นผมยังไม่รู้จักแต่กลุ่มด้านหน้ามีแกอยู่ด้วยแน่ๆ
ปะทะ กันหนักอยู่นานพอควร เจ็บไปหลายคนรถพยาบาล รถมูลนิธิวิ่งกันสับสนไปหมด เรื่องจากคนเจ็บเยอะมาก จนสุดท้ายตำรวจเสริมทัพเข้ามาอีกและคนเสื้อแดง(ซึ่งตอนนั้นพวกเรายังไม่ใส่ แดงกันมากเท่าไหร่) ทะยอยกันมาสมทบเพราะข่าวทีวีรายงานการปะทะทั้งคืน จนรุ่งเช้ามีรถบัสจากอุดร พัทยา และหลายจังหวัดมาสมทบอีก ผมนึกในใจพังกันวันนี้ละวะ แต่สักพักไม่เกิน 7 โมงเช้านายกฯสมัครประกาศภาวะฉุกเฉิน ทุกคนเลยวางมือแยกย้ายกันกลับเท่าที่จำความได้และถ่ายภาพไปด้วยในวันปะทะก็ ประมาณนี้ครับ
เหตุการณ์ 2 กันยายน จากวิกิพีเดีย
เมื่อเวลา 00.40 น. แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) เคลื่อนพลจากสนามหลวง เพื่อขับไล่ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ชุมนุมยึดทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เส้นทางถนนราชดำเนินสู่แยก จปร. เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ฝ่าด่านตำรวจที่ตั้งแผงเหล็กมาได้ตลอดเส้นทาง ระหว่างนั้น นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ประกาศบนเวที เพื่อขอกำลังการ์ดอาสาเพิ่ม เนื่องจากทางกลุ่ม นปก.ได้เคลื่อนกำลังเข้ามาจำนวนหลายพันคน พร้อมกับเน้นย้ำให้การ์ดทำหน้าที่อยู่ในพื้นที่เท่านั้น
จนเมื่อเวลา 01.10 น. กลุ่ม นปก.เคลื่อนกำลังมาถึงบริเวณร้านลิขิตไก่ย่าง เลยสนามมวยราชดำเนินมาเล็กน้อย ได้เกิดการปะทะกันกับฝ่ายพันธมิตรฯ ที่ปักหลักอยู่ฝั่งตรงข้ามของสะพาน และฝ่าแนวกั้นเข้ามา โดยต่างฝ่ายต่างวิ่งเข้าหากัน พร้อมกับมีการปาขวดน้ำ ขวดโซดา ขว้างก้อนหินใส่กัน พร้อมกับมีการถืออาวุธไม้วิ่งไล่ตีกัน ระหว่างที่เกิดการปะทะกันทั้งสองฝ่ายได้เกิดเสียงปืนดังขึ้น 5-6 นัด และเสียงคล้ายระเบิดควันดังติดต่อกันหลายครั้ง โดยกระสุนปืนได้ถูกกลุ่มผู้ชุมนุม นปก.ล้มลงได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย เจ้าหน้าที่รีบนำตัวส่งวชิรพยาบาล
ตั้งแต่เวลา 01.30 น. หลังการปะทะกันบริเวณสะพานมัฆวานฯ หน้าอาคารที่ทำการสหประชาชาติ สำนักงานกรุงเทพฯ ระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่ม นปก. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้ขึ้นกล่าวบนเวที สั่งระดมการ์ดและผู้ชุมนุมให้ไปตั้งขบวนอยู่ที่หน้าเต้นท์กองทัพธรรม ถนนพิษณุโลก เพื่อยกกำลังไปช่วยผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณสะพานมัฆวานฯ จากนั้นกลุ่ม ผู้ชุมนุมนับร้อยพร้อมด้วยอาวุธครบมือ ได้ไปรวมตัวกันที่บริเวณเต้นท์หน้ากองทัพธรรม โดยพล.ต.จำลอง และนายสมศักดิ์ ได้เดินลงมาสั่งการด้วยตัวเอง
จนกระทั่งเวลา 05.00 น. มีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ 1 คน คือ นายณรงศักดิ์ กรอบไธสง ผู้ชุมนุมกลุ่ม นปก. และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 40 คน ซึ่งทั้งหมดถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล
ต่อมาเมื่อเวลา 07.00 น. สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ได้เผยแพร่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ที่ลงนามโดย นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เนื่องจากเหตุการณ์เกิดการปะทะกันระหว่าง กลุ่ม นปก. กับกลุ่มพันธมิตรฯ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก พร้อมกันนี้ในประกาศดังกล่าวได้มีการแต่งตั้ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและแม่ทัพภาคที่ 1 เป็นรองหัวหน้า นอกจากนี้ยังออกคำสั่งนายกรัฐมนตรี ห้ามชุมนุมเกินกว่า 5 คนในเขตกรุงเทพมหานคร รวมทั้งห้ามการเสนอข่าวที่อาจกระทบต่อความมั่นคงทั่วราชอาณาจักร
หลังจากนั้น กลุ่ม นปก.ได้ถอนการชุมนุมกลับไปที่ท้องสนามหลวง ส่วนผู้ชุมนุมแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรฯ ยังคงปักหลักชุมนุมในทำเนียบต่อไป และมิได้ตื่นตระหนกกับการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแต่อย่างใด
พล.อ.อนุพงษ์เพิกเฉย และไม่ได้บังคับใช้กฎหมายตามที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกฯสมัครแต่อย่างใด ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านขณะนั้นเดินทางไปให้กำลังใจกลุ่มพันธมิตรในทำเนียบ
*********
เหตุการณ์ผ่านไป 3 ปี ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆว่าใครเป็นฆาตกร แน่นอนว่าไม่มีใครโดนดำเนืินคดีเลย
ชินวัฒน์ หาบุญพาด ผู้นำเสื้อแดงออกจากสนามหลวงมาปะทะพันธมิตร ได้รับแต่งตั้งเป็นข้าราชการการเมือง
พลเอกอนุพงษ์ในเวลาต่อมารับบัญชารัฐบาลอภิสิทธิ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 มีผู้เสียชีวิต 92 ศพ บาดเจ็บกว่า 2,000 ราย
นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ที่ระัดมพันธมิตรให้การ์ดพธม.ไปปะทะเสื้อแดงวันนั้นกลายเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่และสอบตก
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ยังไปทำบุญที่สำนักสันติอโศก และรับศีลห้า รวมทั้งศีลข้อแรกคือไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเป็นปกติ
สำหรับณรงค์ศักดิ์ ยังมีใครจดจำเขาได้ไหมในวันนี้่.....และหากจดจำเขาได้ จดจำในฐานะใด วีรชนรายแรกของเสื้อแดงที่สูญเสีย...เหยื่อของอันธพาลการเมือง
หรือเหยื่อของระบบยุติธรรมจัญไรไฟไหม้?!