คอลัมน์ เหล็กใน
มันฯ มือเสือ
|
เหลือเพียงแถลงนโยบายต่อรัฐสภาวันที่ 24-25 ส.ค. ก่อนใส่เกียร์เดินหน้าลุยงานเป็นทางการ
แล้วค่อยไปประเมินผลกันในอีก 6 เดือนข้างหน้าว่าใครสอบผ่าน-ไม่ผ่านตามที่ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขีดเส้นไว้เอง
อย่างไรก็ตามแม้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ จะยังอยู่ในช่วงการปรับตัวเข้าสู่อำนาจ แต่ดูเหมือนฝ่ายตรงข้ามจะจับ "จุดอ่อน" ของรัฐบาลได้แล้ว
เห็น ได้จากไม่ทันไรก็มีข่าวออกมาโจมตีรัฐบาลระลอกใหญ่ มุ่งไปที่การเตรียมเดินหน้าแผนช่วยเหลือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในหลายเรื่อง
เริ่มตั้งแต่การคืนพาสปอร์ตแดง การล็อบบี้ญี่ปุ่นอนุมัติวีซ่าเข้าประเทศ การแต่งตั้งเป็นทูตการค้า การถอนหมายจับของตำรวจสากล การยกเว้นภาษี เป็นต้น
ซึ่งมีทั้งข่าวจริงข่าวมั่วปะปนกันไป
อย่าง ข่าว นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.การต่างประเทศ เตรียมสั่งคืนพาสปอร์ตแดงให้ พ.ต.ท. ทักษิณนั้น ฝ่ายข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศปฏิเสธแล้วว่า ยังไม่มีเรื่องนี้
อีกเรื่องที่เป็นการปล่อยข่าวก็คือกรณีตำรวจสากลเตรียมถอนหมายจับพ.ต.ท.ทักษิณ
ซึ่ง ทาง พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติยืนยันว่า เป็นแค่ข่าวโคมลอย เนื่อง จากตำรวจสากล ไม่เคยมีหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ มาตั้งแต่แรก
จะมีก็แต่เรื่องที่ทางการญี่ปุ่นยอมออกวีซ่าเข้าประเทศให้พ.ต.ท.ทักษิณ
ที่ งานนี้นายสุรพงษ์ ดูเหมือนจะพลาดเองจังเบ้อเริ่ม เพราะดันเอาเรื่องนี้ไปคุยกับทูตญี่ปุ่น ทั้งที่ตนเองเพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้วันเดียว เลยเป็นช่องให้ฝ่ายค้านหยิบเอาไปโจมตี
ก่อนหน้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์จะ เป็นตัวเป็นตนนั้น หลายคนเตือนไว้ก่อนแล้วว่า อายุขัยรัฐบาลชุดนี้จะสั้นหรือยาว ขึ้นอยู่กับว่าจะจัดการกับปัญหา "ทักษิณ" ได้เนียนขนาดไหน
จริงอยู่ที่พ.ต.ท.ทักษิณคือ "จุดแข็ง" ช่วยให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งถล่มทลาย แต่ขณะเดียวกัน พ.ต.ท. ทักษิณก็คือ "จุดอ่อน" ของรัฐบาลเพื่อไทยเช่นกัน
การดำเนินการอะไรก็แล้วแต่ที่เอื้อประโยชน์ให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
อาจกลายเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองของรัฐบาลเพื่อไทย