ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Saturday, 27 August 2011

"ปู"ปลุกข้าราชการ ทำงานเป็นทีมเวิร์ก กางนโยบายเร่งด่วน-สั้น-ยาว ดึง"ต่างชาติ"กลับมามองเมืองไทย

ที่มา มติชน




หมายเหตุ - น.ส.ยิ่ง ลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในการประชุมชี้แจงนโยบายของรัฐบาลและแนวทางจัดทำแผนบริหารราชการแผ่น ดินต่อคณะรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง ผู้บัญชาการเหล่าทัพ หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม

การประชุมวันนี้มีวัตถุประสงค์ที่อยากจะพบปะ กัน เพื่อให้รู้จักจะได้ทำงานเป็นทีมเวิร์กเดียวกัน เพราะทุกคนคือกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล สำหรับการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภานั้น หลักคิดสำคัญคือ ที่ผ่านมาประเทศยังพึ่งพาเศรษฐกิจในต่างประเทศ แต่รัฐบาลต้องการให้การเติบโตทางเศรษฐกิจมีหลักมาจากฐานรากของเศรษฐกิจใน ประเทศ เพื่อให้เกิดความแข็งแรงและยั่งยืน ดังนั้น นโยบายส่วนใหญ่ของรัฐบาลจึงเป็นการกระตุ้นการเติบโตเศรษฐกิจในประเทศ ในส่วนของโครงการเมกะโปรเจ็กต์ก็เป็นการวางรากฐานเพื่ออนาคต ที่เป็นความยั่งยืนของระบบเศรษฐกิจในประเทศ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้กับประเทศต่างๆ และอยากเห็นประเทศกลับสู่ความสามัคคีปรองดอง ซึ่งจะเป็นหนทางที่ทำให้ต่างประเทศกลับมามองเมืองไทย

นโยบายเร่ง ด่วนจะแบ่งเป็น 2 ด้าน ซึ่งรัฐบาลมองถึงวิธีการทำงาน คือส่วนไหนที่เร่งด่วนจริงๆ และสามารถทำได้เลย ก็จะบรรจุไว้ในนโยบายเร่งด่วน อีกส่วนคือ ไม่เร่งด่วน แต่อาจจะใช้เวลานาน แต่เราสามารถทำไปก่อนได้เลย เช่น การร่างรัฐธรรมนูญ สามารถดำเนินการได้เลยในปีแรก เพราะอาจจะต้องใช้เวลาในการดำเนินการแก้ไขยาวนาน โดยการยกร่างรัฐธรรมนูญนั้นจะเป็นการยกร่างโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ ที่เป็นสภาอิสระ เลือกมาจากประชาชน มีความอิสระตามหลักการเช่นเดียวกับ คอป. (คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริง เพื่อการปรองดองแห่งชาติ)

สำหรับ นโยบายเร่งด่วนนั้น แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ปัญหาปากท้องประชาชน รัฐบาลจะให้ความสำคัญมาก แต่บรรยากาศปรองดองก็จะเป็นสิ่งที่จะเอื้อให้การดำเนินการทางเศรษฐกิจดีขึ้น เราจึงบรรจุทั้งสองเรื่องไว้ด้วยกัน ด้านการเยียวยาและฟื้นฟูประชาชน ที่จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกการเยียวยาที่เกิดจากผลกระทบทางการเมือง จะเป็นการเยียวยาทั้งประชาชน ภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะดูแลทั้งหมดโดยไม่มีการแยก ส่วนที่สองการเยียวยาเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ ซึ่งก็จะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความสามัคคีปรองดองในชาติเช่นกัน สำหรับการตรวจสอบและค้นหาความจริง โดยเฉพาะการทำงานของ คอป.ที่จะให้ความอิสระและสนับสนุนการทำงาน ตามที่ คอป.ร้องขอ

กลุ่ม ที่ 2 การแก้ไขปัญหาค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่เร่งด่วนจริงๆ ซึ่งเราจะต้องสร้างโอกาสสร้างรายได้ให้เข้าถึงแหล่งทุน โดยจะมีการเพิ่มเงินในกระเป๋าเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศก็จะมีนโยบาย เรื่อง 300 บาท และรายได้ของปริญญาตรี 15,000 บาท รวมไปถึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาน้ำมัน ที่เป็นตัวกำหนดราคาสินค้าต่างๆ ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาระยะสั้น ในส่วนของระยะยาวคือ การลดค่าใช้จ่าย ด้วยการวางระบบขนส่งทั้งหมด รัฐบาลจะเน้นการสร้างอาชีพและช่วยเหลือในระยะยาว โดยเปิดโอกาสให้เข้าถึงกองทุนเพื่อให้ตั้งตัวได้ในระยะยาวและพัฒนาเรื่อง ประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นวัตถุประสงค์ของกองทุนทุกกองทุน

กลุ่มที่ 3 คือนโยบายเร่งด่วน เพื่อวางโครงสร้างในระยะยาว อาทิ การวางระบบน้ำ อย่างเรื่องน้ำท่วมที่ทำให้รัฐบาลต้องเจอปัญหาเฉพาะหน้า เราจะต้องบูรณาการการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำอย่างแท้จริง รวมทั้งการช่วยเหลือภาคผู้ประกอบการ คือจะทำอย่างไรที่จะลดภาษีนิติบุคคล ซึ่งปัจจุบันภาษีตัวนี้ยังอยู่ที่ 30% ซึ่งถือว่าเสียภาษีสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน หากเราลดภาษีได้ 23% ในปีแรก และ 20% ในปีที่สอง ทำให้เกิดการแข่งขันและกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศได้

สำหรับด้านอื่นๆ อย่างนโยบายด้านความมั่นคง คืออยากเห็นการเทิดทูนและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งต้องขอความร่วมมือกับทุกคน รวมไปถึงการเสริมสร้างศักยภาพของกองทัพให้เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ นโยบายด้านเศรษฐกิจก็ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเร่งด่วน แต่อยากเห็นการลงทุนทางเศรษฐกิจในภาคเศรษฐกิจและบริหาร รวมไปถึงภาคเกษตรที่เป็นการส่งเสริมการผลิต ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มและการต่อยอด โดยเฉพาะในส่วนของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ส่วนนโยบายด้านสังคมคุณภาพและอาชีพนั้นอยากเห็นการพัฒนาการศึกษาทั้งระบบ สำหรับด้านสังคมอื่นๆ อยากจะแตะในเรื่องนโยบายสตรี ซึ่งอยากเห็นหน่วยงานที่รับผิดชอบบูรณาการเกี่ยวกับเรื่องเด็กและสตรีอย่าง จริงจังทั้งระบบ การพัฒนาของแม่และลูกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ รวมไปถึงสตรีที่ถูกรังแกในเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จึงอยากขอให้ทุกหน่วยงานมาทำงานบูรณาการ

นโยบายด้านทรัพยากรธรรมชาติ อยากเห็นการรณรงค์และเสริมสร้างการป้องกันการแก้ไขปัญหาในอนาคต ซึ่งอยากจะเห็นหน่วยงานที่เข้ามาทำหน้าที่ในการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นใน อนาคต นโยบายด้านวิทยาศาสตร์ อยากสร้างนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ อีกทั้งโลกที่เปลี่ยนแปลงไป จึงอยากให้พิจารณาศาสตร์ใหม่ๆ เข้ามาเรียนรู้ อีกทั้งการพัฒนาของประเทศ อาเซียนและโลกนั้นอาจจะต้องเข้ามาปรับนโยบายให้สอดคล้อง แต่ต้องระวังไม่ให้เทคโนโลยีต่างๆ มาทำลายความเป็นไทย

ส่วนโยบาย ด้านต่างประเทศ โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งละเอียดอ่อนและรอบคอบ คงต้องฝากทุกหน่วยงานในการเร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์ ซึ่งอยากเห็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความร่วมมือต่างๆ เพื่อสร้างความแข็งแรง และในภูมิภาคอาเซียนเราควรยืนให้ได้ในฐานะของผู้นำ สำหรับนโยบายด้านการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีนั้นก็จะต้องพัฒนาบุคลากร เพราะอยากจะเสริมเครื่องมือเครื่องไม้และบุคลากร และอยากเห็นความเป็นมืออาชีพในการบริการประชาชน

รัฐบาลอยากให้ทุก ท่านสบายใจ รัฐบาลนี้ไม่แก้แค้น เพราะอยากเห็นความสามัคคีปรองดองเกิดขึ้น ขอให้ทุกท่านทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อสนองความต้องการของพี่น้องประชาชน ทำงานเพื่อสนองการบริการอย่างมืออาชีพ และที่สำคัญคือ อยากจะขอให้ทำตามนโยบายที่รัฐบาลได้สัญญาไว้กับประชาชน และอยากให้ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และโปร่งใส ยุติธรรม เพราะวันนี้ ตัวเลขบางตัวดูน่ากลัวสำหรับคนไทย โดยเฉพาะดัชนีความโปร่งใสของประเทศไทยในปี 2553 อยู่ที่ 3.5 จาก 10 จึงต้องมาแก้ไขตรงนี้โดยเร่งด่วน เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงคนไทยกลับคืนมา โดยไม่มีการทุจริตคอร์รัปชั่น และระบบการตรวจสอบการทุจริตต่างๆ จะทำอย่างจริงจัง และให้สบายใจ เพราะจะไม่มีระบบการซื้อขายตำแหน่ง และดิฉันพร้อมที่จะเปิดรับคำร้องเรียนจากทุกท่าน ขอให้สบายใจและทำงานอย่างเต็มที่ เราพร้อมให้การสนับสนุน เนื่องจากวันนี้เราเป็นทีมงานเดียวกัน

สำหรับปัญหาเร่งด่วนขณะนี้คือ ปัญหายาเสพติด ที่เราจะต้องป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นมาอีก รวมทั้งปัญหาภาคใต้ ที่เราจะเน้นการสร้างเศรษฐกิจ ส่งเสริมให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น เพื่อบรรเทาปัญหาความวุ่นวายที่เกิดขึ้นได้ โดยยึดแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนาร่วมกัน

ประเด็นเร่งด่วนขณะนี้คือ การจัดทำนโยบายของบใหม่ และจัดทำงบประมาณและแผนการบริหาราชการแผ่นดิน จึงต้องขอร้องนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เร่งการประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบ บูรณาการ (กนจ.) โดยยึดนโยบายที่แถลงไว้กับสภาเป็นที่ตั้ง และขอให้ผู้ว่าฯซีอีโอต่างๆ ไปทบทวนดูว่าแผนที่ได้จัดทำเอาไว้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลหรือไม่ และส่วนไหนที่ไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจก็ต้องขอร้องให้ประหยัดงบประมาณ นอกจากนี้กลไกการทำงานของรัฐบาล ซึ่งล่าสุดได้ทราบมาว่า มีคณะกรรมการด้านต่างๆ กว่า 282 คณะ จึงขอให้ส่วนราชการต่างๆ ไปทบทวนปรับลดจำนวนคณะทำงานต่างๆ เพราะจะต้องเสียเวลาไปกับการประชุมแต่ละคณะมากมาย ขอให้เน้นประสิทธิภาพมากกว่าปริมาณ จึงขอให้หัวหน้าส่วนราชการทบทวนและหารือกับเจ้ากระทรวง แล้วให้ยืนยันกลับมาก่อน 13 กันยายน 2554

นอกจากนี้อยากจะขอให้ทุก ฝ่ายมีเอกภาพในการแต่งผ้าไทยมาปฏิบัติงาน จึงอยากจะปรึกษาว่า ควรใส่ผ้าไทยวันไหน ซึ่งอาจจะเป็นทุกวันอังคาร หรือวันใดวันหนึ่ง เพราะเดิมเคยมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 7 มิถุนายน 2554 แล้วว่าเห็นชอบให้ ครม. ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจและเจ้าหน้าที่ของรัฐ นำรูปแบบเสื้อกระดุม 5 เม็ด หรือตัดเย็บผ้าไทยมาใช้ในโอกาสต่างๆ อยู่แล้ว