สัมภาษณ์พิเศษ
จนคนในและคนนอกตั้งข้อสงสัยเกิดอะไรขึ้น พร้อมคำถามมากมายที่พรั่งพรู
นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค เปิดอกไขข้อข้องใจไว้อย่างละเอียด
ปัญหาในพรรคจนต้องออกมาแสดงความคิดเห็น
ที่ผมพูดเรื่องเลขาธิการพรรคเพราะเห็นว่าหัวหน้าพรรคลาออก ทำให้กรรมการบริหาร (กก.บห.) ต้องออกทั้งหมด
หัว หน้าพรรคจะกลับมาอีกหรือไม่ ผมไม่รู้ แต่คิดว่าท่านคงกลับมา แต่สำหรับเลขาฯ พรรค นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยืนยันหลายครั้งชัดเจนว่าไม่รับตำแหน่งใดๆ จึงมีปัญหาเกี่ยวกับการเลือกเลขาฯ คนใหม่
ปกติเป็นอำนาจของหัวหน้า พรรคเสนอต่อที่ประชุมใหญ่วิสามัญเลือกให้เหลือคนเดียว แต่ที่ผ่านมามีความไม่สบายใจ 3 คน ที่ถูกเสนอชื่อจะมี 2 คนถอนตัว เหมือนล็อกไว้แล้ว
ที่ถูกต้องหัวหน้าพรรคต้องเสนอเข้ามาอีกให้เป็น 3 คน ให้ที่ประชุมเลือก แต่ที่ผ่านมาบางครั้งเมื่อ 2 คนถอนตัวเหลือคนเดียว ถือว่าไม่มีการแข่งขันก็ไม่ต้องเลือก สรุปว่าเอาคนนี้
ผมคิดว่ามัน น่าจะขัดกับข้อบังคับพรรค และถ้าไปจดทะเบียนเลขาธิการพรรคกับนายทะเบียนพรรคการเมืองน่าจะถือว่าไม่ชอบ เพราะว่าข้อบังคับคือให้ที่ประชุมเลือก แต่กรณีที่ว่าที่ประชุมไม่มีโอกาสได้เลือก
คนที่เหมาะสมเป็นเลขาฯ ได้ในพรรคมีเยอะ แล้วแต่ความเห็นของใคร แต่ความเห็นของผมจะเสนอต่อที่ประชุมพรรคเผื่อหัวหน้าพรรคจะพิจารณาคือ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ
มองกันว่าเลขาฯ คนใหม่ ต้องเป็นคนใกล้ชิดกับเลขาฯ คนเก่าด้วย
ผม ไม่ทราบเรื่องนี้ ผมมองแต่เมื่อท่านสุเทพยืนยันไม่รับตำแหน่งเลขาฯ แน่นอนแล้ว คนใหม่มีใครบ้าง ผมไม่ได้ว่าคนอื่นไม่เหมาะสม แต่ผมเห็นว่าคุณหญิงกัลยาเป็นคนหนึ่งที่สามารถเป็นได้ถึงได้ออกชื่อไป แต่ก็กลายเป็นข่าวใหญ่โต
จากนั้นมีโทรศัพท์เข้ามาหาผมเยอะ ทั้งคนในพรรคและคนนอกพรรคฮือฮากันมาก ไม่ต่ำกว่า 10 คน ดีใจที่ได้มีการเอ่ยชื่อคุณหญิงกัลยา เขาเห็นด้วยว่าเหมาะสมที่สุด เขาอยากได้คนนี้
ถ้ากก.บห.ชุดใหม่ยังเลือกวิธีเดิมจะเกิดปัญหาหรือไม่
ก็ คงมีคนไม่ยอม ถ้าถอนตัว 2 คน หัวหน้าก็ต้องเสนอชื่อมา 2 คน ให้ที่ประชุมมีโอกาสเลือก ข้อสำคัญ กกต.และนายทะเบียนพรรคการเมืองจับตาดูว่าเลขาฯ ประชาธิปัตย์คนใหม่เข้ามาถูกต้องตามข้อบังคับพรรคหรือไม่
อาจทำให้คนนอกมองว่าประชาธิปัตย์ขัดแย้ง เป็นกลุ่ม เป็นก๊ก
คำว่ากลุ่มก็มีเป็นธรรมดา เพราะเรามีส.ส.ต่างวัยกันเยอะ พ่อ-ลูกกันก็มี เวลาทำอะไรก็มักจะจับกลุ่มฝ่ายผู้สูงอายุ ฝ่ายคนหนุ่ม
ส่วน ที่แบ่งเป็นกลุ่มของนายชวน หลีกภัย กลุ่มของนายสุเทพ มีหรือไม่ ผมไม่ทราบว่าคนอื่นคิดอย่างนั้นบ้างหรือเปล่า แต่ที่ผ่านมาบทบาทในพรรคส่วนหนึ่งคือคนที่นำเสนอตัวเอง ออกสื่อเยอะ ไม่ได้จากการแต่งตั้งก็นำเสนอตัวเอง
อีกส่วนหนึ่งคือตำแหน่งที่ได้ รับการแต่งตั้งจาก กก.บห. กระจุกตัวกันอยู่ในคนแค่กลุ่มหนึ่ง เมื่อพ้นจากหน้าที่หนึ่งก็จะเอาไปสู่อีกตำแหน่งหนึ่ง รวมถึงมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปเป็นรัฐมนตรี
พ้นจากรัฐมนตรีก็มาสู่อีกตำแหน่งหนึ่ง ไปเป็นเลขาธิการนายกฯ พ้นจากเลขาธิการนายกฯ ก็มาอีกตำแหน่งหนึ่ง หมุนเวียนกันอย่างนี้
กก.บห.ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคนรุ่นเก่า
อะไรทั้งหมดมาจากกก.บห.พรรคหรือเปล่า หรือใครเป็นคนกำหนดตัวขึ้น ทุกตำแหน่งหมุน เวียนกันอยู่ในกลุ่มนี้
หวน นึกถึงสมัยรัฐบาล 'ชวน 2' ภาพในห้อง ครม.ข้างซ้ายเป็นใคร ข้างขวาเป็นใคร รู้สึกว่าผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคหายไป 20 คน คนที่เคยเป็นหลักทั้งนั้น หลังจากนั้นคนใหม่ที่เข้ามาก็ออกไปหลายคน
อย่าว่าแต่คนใหม่เลย คนเก่าอย่างพล.ต.มนูญกฤต รูปขจร ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ทำไมต้องลาออกจากพรรค คุณรักษ์ ตันติสุนทร ก็ลาออก ทั้งที่คนเหล่านี้ถ้ายังเป็นหลัก และอยู่วันนี้มาช่วยกันเป็นองค์ประกอบของพรรคยุคนี้เราจะเห็นความยิ่งใหญ่ แต่หากว่าปล่อยไว้ก็น่าเป็นห่วง
สมัยที่นายชวนเป็นหัวหน้าพรรค ท่านสามารถระดมคนทุกรุ่น ทุกวัย ช่วยงานทุกด้าน ทั้งคนนอก คนใน แต่ขณะนี้รู้สึกคนน้อย คนที่ยังอยู่ในพรรคที่เป็นผู้ใหญ่แล้วถ้าไม่มอบหมายหน้าที่ ไม่เรียกใช้ก็ไม่มีใครอยากไปเสนอหน้า ก็จะมีคนรุ่นหนึ่งวิ่งกันอยู่ทั่วไป
พอ มีวิกฤต ช่วงตอนเม.ย. พ.ค. มีโทรศัพท์เข้ามาเอะอะว่าทำไมผู้ใหญ่ในพรรคหายหัวไปไหนหมด ปล่อยให้นายกฯ รับหน้าที่ ถ้าท่านนายกฯ เอ่ยปากสักนิดว่าคุณหญิงครับผมจะไปกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ไปเป็นเพื่อนผมนะ หรือผมจะไปกระทรวงการคลัง พี่พิเชษฐช่วยไปเป็นเพื่อนผม หรือจะไปมหาดไทย ท่านบัญญัติ (บรรทัดฐาน) ช่วยไปเป็นเพื่อนสักคน ไปกระทรวงสาธารณสุข ก็ท่านเทอดพงษ์ ไชยนันทน์
ถ้านายกฯ ถูกขนาบด้วยคนเหล่านี้ ความเป็นผู้ใหญ่ของท่านจะเกิดขึ้นทันที แต่ท่านนายกฯ ไม่เคยเรียกหา ไม่เคยใช้ใครเลย มีแต่กลุ่มเด็กๆ ที่วันๆ ก็เฝ้าแต่สืบเสาะว่าวันนี้นายกฯ จะไปไหน มีโปรแกรมตรงไหนก็วิ่งไปล้อมหน้าล้อมหลัง ก็ไปออกสื่อ
ทำ ให้คนที่คาดหวังกับพรรคตำหนิผู้ใหญ่ว่าทำไมทุกคนโดดเดี่ยวท่านนายกฯ ผู้ใหญ่บางคนในพรรคพูดว่า ไม่ได้โดดเดี่ยวท่านนายกฯ ท่านนายกฯ โดดเดี่ยวตัวท่านเอง พวกเราเข้าไม่ถึง
เหมือนกับนายกฯ ไม่ให้ความสำคัญกับพรรค
ผม ไม่อยากใช้คำว่า ไม่ให้ความสำคัญ เป็นรัฐบาลท่านก็อยู่ที่ทำเนียบฯ เด็กๆ ก็อยากไปทำเนียบฯ แต่ผู้ใหญ่ที่เคยอยู่ทำเนียบฯ มาแล้วถ้าไม่มีธุระอะไร เขาก็ไม่อยากเข้าไป
เขาตั้งใครต่อใครเยอะแยะ คณะต่างๆ ที่อยู่ในกลุ่มเดียว เช่น ยุทธศาสตร์ ทำไมนายกฯ เชื่ออย่างนั้น และเลขาฯ ก็เชื่อด้วยความมั่นใจ เช่น เราว่าไทยรักไทยแล้วเราก็เหมือนไทยรักไทย เป็นฝ่ายค้านโจมตีคัดค้านนโยบายประชานิยม แต่หลายเรื่องเราก็มีเหมือนกัน
การ อ่านเกมการเมืองต้องมีประสบการณ์จริงๆ คนใหม่ๆ จะเก่งมาจากที่ไหนเขาขาดประสบการณ์ ผู้ใหญ่จะรู้ว่าเมื่อนั้น ปีนั้น มีเหตุการณ์อย่างนั้นแล้วเป็นอย่างนี้ เราเคยแก้อย่างนั้นแล้วไม่ได้ เพราะอะไร
ความรอบรู้ในความเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ต้องมี เช่น เอารูปนายกฯ ดำนา ไปส่งให้ส.ส.ภาคใต้แจกประชาชน วันแรกที่ไปแจกโดนด่ากลับมาเลย ภาคใต้ที่ไหนเขาทำนากัน เขาอยากเห็นนายกฯ ยืนกับต้นปาล์ม หรือยืนกับต้นยางพารา
คาดการณ์ที่ไม่ถูก เช่น 3 เดือนที่แล้วเห็นชัดเจนว่าถ้าเป็นไปตามยุทธศาสตร์เช่นนี้ พรรคแพ้ยับเยิน ใครต่อใครก็เห็น โพลทุกโพลก็รู้ แต่ไปมั่นใจว่าฝรั่งทำโพลแม่นยำ เราจะได้ส.ส.เกิน 200 เสียง ฝรั่งจะมารู้การเมืองไทย รู้จักคนไทย ดีกว่าคนไทยได้อย่างไร
หนังสือพิมพ์ไปถามคนในพรรคคาดหมาย แพ้ไม่น้อยกว่า 50-60 เสียง บัญชีรายชื่อจะมีพรรคที่ได้ 1 คน 2 คน หลายพรรค แต่ประชาธิปัตย์น่าจะได้ไม่ถึง 45 เสียง
มิตรของเราเป็นศัตรูไป เยอะแยะ ศัตรูของเรายิ่งคั่งแค้น แรงพยาบาทถาโถมมาเยอะ คนที่เคยยืนตรงกลางก็มักจะไม่สะใจกับเราเยอะ มันต้องปรับกระบวนการหลายเรื่อง ปรากฏว่าเลขาฯ ไม่พอใจว่าใครพูดอย่างนั้น
3 เดือนต่อมาตลอดเวลาหาเสียง เราอยู่ในภาคประชาชนแม้กระทั่งภาคใต้พรรคก็แพ้ เพราะมีคนโหวตโนเยอะ ตอนหลังโหวตโนลดน้อยลงไม่ใช่เพราะคนเปลี่ยนใจ แต่ไม่พอใจพันธมิตรฯ ที่ด่าประชาธิปัตย์ ไม่อยากไปโหวตเสริมก็ใช้วิธีทำบัตรเสีย ทำให้ภาคใต้บัตรเสียเยอะ บัตรเสียหลายบัตรเขียนระบายอารมณ์ลงในบัตรด้วย
ที่พ่ายแพ้ยับเยินเกิดจากนายกฯ ประกาศยุบสภาเร็วเกินไปหรือไม่
มี ส่วน ซึ่งไม่ทราบว่ามีคนทักท้วงหรือไม่ แต่สงสัยว่าทำไมถึงต้องให้วันนี้เป็นเงื่อนตาย เมื่อคุณกำหนดวันนี้สิ่งที่จะต้องทำให้จบก่อนวันนี้ ก็ไม่มีเวลาแล้วก็ต้องรีบเร่ง เช่น การผ่านงบประมาณใน ครม. เพราะมันไม่มีเวลา ไม่ใช่มีเจตนาที่จะทำอะไรไม่ถูกต้อง แต่ก็กลายเป็นจุดอ่อนทั้งที่ไม่ควรจะเป็น
อะไรที่มันผิดพลาดไปก็ บอกว่าคาดไม่ถึงตลอด การที่เราเป็นผู้นำประเทศแล้วคาดการณ์ผิดๆ ตลอด ใครเขาจะมั่นใจ เพราะฉะนั้นเปลี่ยนกางเกงแบบท่านชวนดีกว่า เพราะกางเกงท่านไม่มีเข็มขัด มีแค่หู ถ้าใช้เข็มขัดก็หาว่าเข็มขัดสั้นเพราะคาดไม่ถึง
ผิดพลาดมาตั้งแต่ต้นหรือไม่ที่เอาแต่เฉพาะกลุ่มไปทำงาน
บาง คนอยากแสดงความคิดเห็นแต่รู้สึกว่าไม่มีประโยชน์ เราเห็นอยู่แล้วว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญคราวนั้น เราเคยพูดไว้จะไม่มีการแก้ไข แต่อยู่ๆ กระโดดไปแก้ ก็มีคำตอบว่าเราไปรับปากกับเขาจนท่านชวนต้องพูดว่าหวังว่าคงไม่ไปรับปากถึง กับว่าให้คอร์รัปชั่นกันได้นะ
สุดท้ายพิจารณาเรื่องนี้กันที่ จ.กระบี่ มีผู้อภิปราย ไม่เห็นด้วย 31 คน เห็นด้วยเพียงคนเดียวก็ยังพยายามจะโหวต คนอีกจำนวนหนึ่งเขาเตรียมทำอะไรไว้ จนท่านชวนต้องตัดสินใจโยนมาที่กรุงเทพฯ
เมื่อมาโหวตกันในพรรค เสียงออกมาไม่เห็นด้วย 82 เห็นด้วย 48 ก็มีปรากฏการณ์บางอย่างเกิดขึ้น มีการล็อบบี้ มีการคาดโทษเกิดขึ้น สุดท้ายพลิกผันได้เพราะคนที่เขียนว่าเห็นด้วย เมื่อผ่านการตรวจแล้วก็เติมคำว่าไม่ลงไปข้างหน้า โดยเจ้าตัวเป็นคนเติมลงไปเอง และอ้างว่าเป็นมติพรรค
อย่างนี้ถ้าเด็กๆ อาจจะสนุก แต่คนที่เป็นผู้ใหญ่ในพรรคหลักการไม่เป็นอย่างนี้ บรรพบุรุษเราก็ไม่เป็นอย่างนี้
เหมือนอุดมการณ์หายไป
มี ข้อบกพร่องในทางปฏิบัติ และสิ่งที่ผมพูดก็พูดด้วยความบริสุทธิ์ใจ คนจำนวนมากในพรรครู้สึกอย่างนี้ เขาโทร.หาผม คุยกับผม เขาอาจคิดว่าผมใกล้ชิดท่านชวน จะถ่ายทอดไปยังท่านชวน แต่ส่วนตัวของท่านชวนไม่เคยพูดอะไรถึงใคร ท่านไม่ชอบให้ใครมาเที่ยวตำหนินินทาใครจึงไม่เคยพูดในเรื่องเหล่านี้
การพูดถึงบอนไซผู้ใหญ่ในพรรคหมายถึงอะไร
มี บทความในหนังสือพิมพ์ว่า 111 คน 109 คน และบอนไซ 40 ในพรรคประชาธิปัตย์ มีคำอธิบายว่าประชาธิปัตย์ได้เปรียบที่สุดแล้วในขณะนั้น เพราะไม่ถูกยุบ เป็นโอกาสที่พรรคต้องเข้มแข็งเพราะมีคนที่มีความรู้ ความสามารถ มีผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรค
แต่เหมือนให้ความเป็นธรรมกับพรรคอื่น เมื่อคนของเขาถูกพักเราก็ต้องเอาผู้ใหญ่มาพักบ้าง จึงมีคนรู้สึกว่ามีผู้ใหญ่ในพรรคถูกบอนไซ อยู่ที่บ้านเลขที่ 67 ไม่มีโอกาสออกมาแสดงบทบาท
หลายคนที่ได้อ่านบทความทุกคนก็รู้สึก โดนใจ เช่น ที่ผ่านมานายไพฑูรย์ แก้วทอง คุณหญิงกัลยา ถูกปรับออกจากการเป็นรัฐมนตรี ซึ่งทั้งคู่อายุประมาณ 70 ปี เรามองไม่เห็นเหตุผลว่าทำไม บางคนก็ไปสรุปว่าเพราะเขาแก่ ทั้งที่เขายังสามารถทำงานได้
ยิ่งมีผู้บริหารบางคนมาบอกว่าคนเหล่านี้เป็นยาหมดอายุ หมดสภาพแล้ว เขาพูดทำนองนี้ท่านชวนก็เงียบไป
คาดหวังกับกก.บห.ชุดใหม่แค่ไหน
ต้อง หวัง ถ้าเราคิดว่าพรรคเราจะมีโอกาสดีก็ต้องหวัง ที่มาต้องดี คนที่มาต้องมาด้วยใจที่อยากจะทำงาน มุ่งมั่นและมีความสามารถ ผมอยากให้มีคนอย่างนายวิรัช ร่มเย็น เยอะๆ ที่ไม่ยอมอะไรที่ไม่ถูกต้อง ขณะที่คนอื่นเงียบกริบกันหมด
ผมไม่อยากให้มีบางอย่างเกิดขึ้นกับ พรรค เหมือน คุณสัมพันธ์ ทองสมัคร ส.ส. 13 สมัย อยากลงส.ส. นครศรีธรรมราช แต่พรรคให้ขึ้นบัญชีรายชื่อลำดับ 48 เขาจะรู้สึกอย่างไร กลืนเลือดหรือไม่
ทำไม พรรคต้องสูญเสียคนเก่าคนแก่อย่างนายสัมพันธ์ และหลายคนที่ตกไป หลายคนเป็นคนใหม่ๆ ทำไมอยู่ลำดับที่ 10 กว่า 20 กว่า ก็ไม่มีคำตอบ คิดว่าอย่างไรน่าจะให้อยู่ลำดับที่ 30 ก็ยังดี คุณสัมพันธ์จึงรู้สึกว่าเหมือนถูกกำจัดออกไป
บางคนเริ่มรู้สึกว่า ถ้าเราไม่ตามใจ เราแข็ง เราพูดมาก วันหนึ่งจะถูกกำจัดแบบเดียวกัน แต่ผมไม่แคร์เพราะไม่กี่วันก็อายุ 70 ปีแล้ว มาถึงบั้นปลายทางการเมืองแล้ว
สิ่งที่พูดจะทำให้เกิดความขัดแย้งในพรรคหรือไม่
ถ้าใจนักเลงเราพูดสิ่งที่เราควรแก้ไข ถ้าใจนักเลงพอไม่ควรจะเคืองกัน แต่ถ้ามาเคืองกันเมื่อมีใครพูดความจริง ถือว่าไม่นักเลงพอ
แล้วคนที่ไม่นักเลงพอก็ไม่ต้องเกรงใจอะไรกันหรอก เพราะเขาไม่ใช่นักเลง