ข่าวที่โทรทัศน์ของเยอรมันนำเสนอ ในท้ายข่าวนี้จะเห็นพระราชพาหนะเมอร์ซีเดสเบ๊นซ์SLKของสมเด็จพระบรมฯอยู่ ด้วย สื่อเยอรมันรายงานว่า ทรงนำไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัยแล้ว
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
18 กรกฎาคม 2554
เยอรมนี ตัดสินกรณีอายัดโบอิ้ง 737 วันที่ 20 ก.ค.นี้
นายคริสตอฟ เฟลล์เนอร์ รองประธานศาลแขวงแลนด์ชัต เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี เปิดเผยว่าจะยังไม่ตัดสินคดีอายัดเครื่องบินโบอิ้ง 737 ส่วนพระองค์ หลังจากบริษัทวอลเตอร์ บาว ได้ร้องขอให้อายัดเครื่องบินลำดังกล่าว เพราะเข้าใจว่าเป็นเครื่องบินของรัฐบาลไทย โดยจะตัดสินภายในวันพุธที่ 20 ก.ค.นี้เวลาประมาณ 05.00น.ตามเวลาประเทศไทย ทั้งนี้ เพื่อให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายมีโอกาสชี้แจงคือฝ่ายของบริษัทวอลเตอร์บาวและ ฝ่ายรัฐบาลไทย
ความล่าช้าในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวของรัฐบาลไทย อาจเสี่ยงที่จะกระทบกระเทือนต่อพระเกียรติยศ ซึ่งทำให้พสกนิกรชาวไทยไม่สบายใจอย่างยิ่ง เพราะตอนนี้สื่อของเยอรมันรายงานว่า มีความกังวลว่าอาจจะมีการอายัดพระราชทรัพย์อื่นๆ จนทำให้พระองค์ท่านต้องทรงแก้ไขปัญหาด้วยพระองค์เอง
เวบไซต์ Interaksyonรายงาน พระราชภารกิจในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร ว่า มกุฎราชกุมารของไทยได้ทรงนำรถยนต์เมอร์ซิเดสเบ๊นซ์ของพระองค์ไปเก็บรักษาไว้ ในที่ปลอดภัย เพื่อไม่ให้เยอรมนีอายัดพระราชทรัพย์อีก หลังจากทางการเยอรมนีได้อายัดเครื่องบินของพระองค์ไว้ที่สนามบินมิวนิกเมื่อ สัปดาห์ก่อน ทั้งนี้จากการรายงานของหนังสือพิมพ์ Bild am Sonntag weekly สื่อของเยอรมัน
เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ มกุฏราชกุมารผู้ทรงมีสิทธิในการสืบทอดพระราชสมบัติได้"เก็บ"พระราชพาหนะ เมอร์ซิเดสเบ๊นซ์SLKในที่จอดรถส่วนพระองค์ ณ โรงแรมหรูแห่งหนึ่งของมิวนิค ทางตอนเหนือของเยอรมัน และมีบอดี้การ์ดร่วม 10 คนคอยเฝ้ารักษา หนังสือพิมพ์ระบุ
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช พระชนมายุ 58 ชันษา เพิ่งใช้พระราชวโรกาสมาเก็บผลสตรอเบอรี่ในเยอรมัน โดยใช้พระราชพาหนะเมอร์ซีเดสเบ๊นซ์ดังกล่าวไปยังพื้นที่แห่งนั้น
ฐมนตรีว่าการฯ ถวายรายงานความคืบหน้ากรณีศาลเยอรมนีมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินรัฐบาลไทย
เวบไซต์กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยในวันนี้(18 กรกฎาคม) ว่าเช้าวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ที่ท่าอากาศยานแฟรงเฟิร์ต เยอรมนี นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อถวายรายงานเกี่ยวกับการดำเนินการทั้งทางด้านการทูตและทางด้านกฎหมาย กรณีศาลเยอรมนีมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินรัฐบาลไทย ซึ่งนำไปสู่การอายัดเครื่องบินพระที่นั่ง ซึ่งจอดอยู่ที่ท่าอากาศยานนครมิวนิค ตั้งแต่วันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔ สาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบหารือกับรักษาการรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี (นาง Cornelia Pieper) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี (นาย Werner Hoyer) ที่กรุงเบอร์ลิน ซึ่งรัฐมนตรีฯ ได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งและย้ำถึงความละเอียดอ่อนของการดำเนินการของฝ่าย เยอรมนีในเรื่องนี้ ซึ่งถือว่าเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงที่มีการอายัดเครื่องบินลำดังกล่าว ซึ่งเป็นเครื่องบินส่วนพระองค์ มิใช่ทรัพย์สินของรัฐบาลไทย จึงจำเป็นที่ทั้งสองฝ่ายต้องร่วมกันหาทางแก้ไขโดยทันที
โดยพิจารณาถึงประเด็นความสำคัญทางการเมืองและกฎหมายควบคู่กัน ซึ่งทางฝ่ายเยอรมนีรับทราบข้อห่วงกังวลของไทยและเห็นพ้องว่าไม่ควรให้เรื่อง ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่ดีของสองประเทศ พร้อมทั้งแสดงความเสียใจที่เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเหตุให้ระคายเคืองเบื้อง พระยุคลบาท
๒. สำหรับการดำเนินงานด้านกฎหมายนั้น คณะทำงานด้านกฎหมายของไทยนำโดยอัยการสูงสุดพร้อมด้วยอธิบดีกรมสนธิสัญญาและ กฎหมายและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ โดยจะนำเสนอข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมตามที่ศาลร้องขอ ทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษรและรูปถ่าย พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงความไม่ถูกต้องของหลักฐานของทนายความของบริษัท Walter Bau และจะมีการเบิกความต่อศาลโดยอธิบดีกรมการบินพลเรือน ในวันจันทร์ที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๔ นี้