ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Saturday, 24 July 2010

"เงื่อนไขแห่งความรุนแรง" โดย กาหลิบ

ที่มา thaifreenews

โดย Porsche



เขียนโดย Nangfa

คอลัมน์ : เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง : เงื่อนไขแห่งความรุนแรง
โดย : กาหลิบ

ไม่ เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว
สิ่งที่ระบอบเผด็จการโบราณของไทยกำลังบีบคั้นฝ่ายประชาชนอยู่ในขณะนี้
กำลังนำบ้านเมืองไปสู่ความรุนแรงและการเผชิญหน้ารอบใหม่

รู้ตัวหรือ ไม่รู้ตัวก็ไม่ทราบได้
แต่คำสั่งลับๆ ในรูปการพยักหน้า และคำพูดสั้นๆ สองสามคำจากปากของคนแก่บางคน
กำลังทำให้บ้านเมืองที่ปริร้าวอยู่แล้วใกล้จะถึงคราวแตกแยกออกเป็นเสี่ยง
คนนี้เขาไม่พูดอะไรเยอะหรอกครับ
เพราะเขาใช้เวลาหลายสิบปี
สร้างเครื่องมือแห่งอำนาจมาจนอยู่ตัว ถึงเวลาก็นำมาใช้ได้อย่างแนบเนียน

ควบคุมอำนาจได้อย่างแน่นแฟ้น แต่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย
เพราะไม่เคยปรากฏหลักฐานว่าสั่งการให้ไปฆ่าฟันใคร

ระบอบก็เลยอยู่ได้มาตลอด

ปัญหาคือต่อไปจะรวมสังขารได้ติดหรือไม่

ขณะ นี้คนไทยนับล้านกำลังถูกข่มขู่คุกคามราวกับอยู่ในบ้านป่าเมืองเถื่อน
โดยเฉพาะที่ภาคอีสานและภาคเหนือ
ซึ่งเป็นฐานเคลื่อนไหวหลักสำคัญของขบวนการ ประชาธิปไตย
ต่างส่ายหน้ากันอย่างคับแค้นใจ เพื่อนฝูงพี่น้องถูกฆ่าตาย
บางคนถูกลากตัวไปคุมขังชนิดขังลืม
บางคนถูกยัดคดีไม่รู้จักกี่คดีชนิดไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน ถูกข่มขู่
บางคนต้องหนีตายหรือไปกบดานเสียที่อื่น

บ้านเมืองระส่ำ ระสายเพียงเพราะคนแก่บางคนเกิดความไม่มั่นคงทางใจ
และสั่งการอย่างต่อเนื่อง ให้ล้มทำลายขบวนการภาคประชาชนเสียให้จงได้
จนข้าราชการผู้รับคำสั่งจำนวนมากรู้สึกละอายใจไม่อยากทำ
และแอบเอาข้อมูลมาบอกกล่าวให้ฝ่ายประชาชนฟังกันทั่วเมือง
หลายคนรอดตัวรอดตายได้ก็เพราะข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหารแตงโมเหล่านี้

ผู้ เฒ่าผู้แก่ฝ่ายประชาธิปไตยบางคนถูกขู่ถึงบ้าน
เพราะมีลูกหลานไปพลีชีพเพื่อประชาธิปไตยอยู่กับเขา
นี่ได้ข่าวว่ายายที่อุบลราชธานีท่านหนึ่งได้รับจดหมายด่าประณามหยามเหยียด ว่า
“โง่ เป็นขี้ข้าทักษิณ” เพียงเพราะยายแกมั่นคงอยู่ในฝ่ายประชาธิปไตย
และไม่เอาด้วยกับระบอบโบราณ
และ ซากเดนของคนเหล่านั้น

การข่มขู่บุคคลที่หาตัวไม่ได้ ก็ไปกระทำกับครอบครัวเขา
เพราะรู้ว่าครอบครัวเป็นแก้วตาดวงใจของแต่ละคน
อย่างกรณี “หรั่ง” เสแสร้งว่าดีกับแม่และพี่น้องของเขา จะกันตัวเป็นพยาน ไม่เอาโทษ
แต่ความหมายอันแท้จริงคือ
การข่มขู่ว่าข้าจะเล่นงานครอบครัวพ่อแม่พี่น้องของ เอ็งเสียเมื่อไหร่ก็ได้
ความตื้นเขินแบบนี้นอกจากจะตบตากันไม่ได้แล้ว ประชาชนยังรู้สึกสะอิดสะเอียน
ทำร้ายเขายังไม่พอ ยังเห็นว่าเขาเป็นคนโง่เง่าเต่าตุ่นอีกหรือนี่

ต่อไปพฤติกรรมเยี่ยง นี้จะหนักขึ้น
เขารู้ดีว่าครอบครัวไม่ได้เห็นคล้อยตามกันไปทุกคน อันเป็นสิ่งธรรมดาสามัญเสียเหลือเกิน
เขาก็จะจี้ลงบนแผลนั้น เพื่อทรมานใจคนเป็นพ่อเป็นแม่
และอาจรวมไปถึงญาติผู้ใหญ่ที่มีบารมีในบ้าน ให้รู้สึกถึงความไม่ลงรอยกันในครอบครัว
ทำให้เกิดความเศร้าใจ
ในที่สุดก็อาจออกปากขอร้องให้ลูกหลานในฝ่ายประชาธิปไตยยอม “ถอย”
จากจุดยืนทางการเมืองโดยเห็นแก่ประโยชน์สุขของครอบครัวตัวเองก่อน

สิ่งเหล่านี้จะเกิดแล้วเกิดอีก เพราะฝ่ายทรราชโบราณเชื่อว่าแบบนี้จะได้ผล

หารู้ไม่ว่าฝ่ายประชาชนเขาก็มีขีดจำกัดของเขาอยู่ด้วย

การ แพร่พิษร้ายของเผด็จการไปทั่วประเทศขณะนี้
สุดท้ายจึงเป็นเงื่อนไขแห่งความรุนแรงที่ช่วยกันสร้างขึ้นในบ้านเมืองโดยตรง
นานเท่าไหร่กว่าพิษร้ายจะไหลซึมไปทั่วตัวนั้น บอกได้ยาก
รู้เพียงว่าไม่นานนักก็จะเห็นผลตอบกลับแล้ว

เมื่อถึงวันนั้นอย่ามาถามว่า
อุบัติเหตุทางสังคมและการเมืองในประเทศนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร

ไม่มีเวลาให้แกล้งโง่ครับ.

http://democracy100percent.blogspot.com/2010/07/blog-post_23.html


โดย game001

เมื่อถึงวันนั้นอย่ามาถามว่า
อุบัติเหตุทางสังคมและการเมืองในประเทศนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร

ไม่มีเวลาให้แกล้งโง่ครับ.
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ผมว่านี่ละเป็นสิ่งที เจ้า...นายทั้งหลายต้องการ ภาวะวุ่นวาย
เพื่อเป็นเงื่อนไขบริหารอำนาจพิเศษ (เช่น พรบ.พรก.ทั้งหลาย)
เพื่อไม่ให้มีการเลื่อกตั้ง และต่างชาติก็ช่วยไม่ได้เพรามีข้ออ้างอยู่

สิ่งนี้ฟังดูตลกฟ่ายรัฐบาลอยากให้วุ่นวาย แต่ฟ่ายต่อต้านอยากให้สงบ
แต่นี่คือความจริง ผมไม่รู้ว่าส่วนบนของพรรคเพื่อไทยทำไมไม่สื่อสารให้เข้าใจกัน
ส่งสัญญาณให้มันชัดเจนหน่อย


โดย dreamcatcher

กระทู้นี้น่าสนใจมากครับ เพราะช่วงนี้เรากำลังเริ่มมีกิจกรรมกันใหม่

ผมอยากให้ช่วยระดมความคิดว่า เราจะทำอย่างไรที่จะหลีกเลี่ยงเงื่อนไขความรุนแรง

เห็นด้วยกับคุณ game 001 ว่าบางฝ่ายต้องการให้เกิดความรุนแรง

ผมเสนอว่า

การชุมนุมไม่ควรทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ในทุกแง่

ความคิดนี้เกิดจากเมื่อไม่นานผมไปทาน ข้าวที่ร้าน แบล็คแคนย่อน
พอดีได้คุยกับน้องที่เป็นเด็กเสริฟที่คุ้นเคยกัน แต่ผมไม่ได้แวะไปร่วมปี
เค้าก็บ่นว่าคนน้อย ยิ่งช่วงชุมนุมคนน้อยมากพี่เขยเค้าที่ทำโรงแรม
ก็โดนปลดช่วงนั้นยังหางานไม่ได้
ส่วนรัฐบาลนี้เค้าก็ว่ากู้ไปเรื่อยๆยังมองไม่เห็นทางว่าอะไรจะดีขึ้นเลย

ผมก็เลยรู้ว่าคนบางกลุ่มเค้ายุ่งในชีวิตมาก ไม่ได้เป็นแดงหรือเหลือง
แต่เค้าต้องหาปัจจัยสี่ที่ทำให้ชีวิตเค้ารอด
การที่จะบอกว่า เค้าต้องเสียสละ งานเสียทุกๆอย่างเพื่ออนาคตที่ดีในวันหน้าผมว่ามันดูลอยๆไปครับ
ถ้าเราจะช่วยแก้ปัญหาสังคมเราต้องรู้ก่อนว่าปัญหานั้นคืออะไร ต้องฟังคนที่เค้ามีปัญหา

คราวนี้ชุมนุมที่ไหน ไม่ให้ชาวบ้านเดือดร้อน ถ้าจุดมุ่งหมายเราเพื่อ
อธิบายบอกเล่าความจริงที่เกิด รวมทั้งอธิบายแบบโยนิโสมนสิการ
ก็น่าจะลองติดต่อขอใช้ที่วัดเช่นวัด พระธรรมกาย หรือ พุทธมณทล
หรือที่เอกชนต่างๆ

ต้องกำหนดวัตถุประสงค์การชุมนุมให้ชัดเจนว่าเพื่อแผยแพร่ข่าวสาร
เพื่อมุ่งหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

ไม่ใช่ชุมนุมเพื่อกดดันให้เปลี่ยนแปลงทางการเมืองโดย
การปิดล้อมบางสถานที่ ไม่ว่าจะโดยตรง หรือทางอ้อม
เพื่อให้เป็นเงื่อนไขสู่การเปลี่ยนแปลง
แต่ก็จะเป็นเงื่อนไขไปสู่ความรุนแรงได้เช่นกัน