ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Sunday, 27 June 2010

สงครามแรก หลังพฤษภา"53

ที่มา ข่าวสด


ผลัดกันชิงพื้นที่ข่าวกันแบบไม่มีใครยอมใครระหว่างข่าวฟุตบอลโลกกับข่าวการเมือง

พอสรุปได้ว่าใครหวังจะใช้กระแสฟุตบอลโลก กลบเกลื่อนกระแสการเมือง"ด้านลบ"ภายในประเทศ หลังเหตุการณ์พฤษภา"53 คงต้องผิดหวัง

ยิ่งกว่าทีมแชมป์เก่าอิตาลีพลาดท่าตกรอบแรก

ส่วนทีมอาร์เจนตินาที่นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศตัวเป็นหัวหน้ากองเชียร์ในไทยลุ้นคว้าแชมป์สมัยที่ 3 เซียนบอลดูแล้วพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูง

จะว่าไปแล้วสถานการณ์ของทีมฟ้าขาว เป็นอะไรที่แตกต่างกันลิบลับกับสถาน การณ์ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์

ที่กองเชียร์ลุ้นเท่าไหร่ก็ลุ้นไม่ขึ้น

โดยเฉพาะเมื่อดูจากผลสำรวจกรุงเทพโพล ในหัวข้อประเมินผลงาน 1 ปี 6 เดือนของรัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์ ซึ่งเก็บข้อมูลจากประชาชนทุกภาคทั่วประเทศ

คือกระจกสะท้อนว่ารัฐบาลยังไม่สามารถครองใจประชาชนได้ทั้งที่เพิ่งชนะศึกใหญ่ทางการเมือง

ถล่มทัพมวลชนเสื้อแดงจนแตกกระเจิง

ผลสำรวจดังกล่าวก็คือ ประชาชนพึงพอใจการทำงานของรัฐบาลเพียง 3.79 จากคะแนนเต็ม 10 ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกฯ ของนายอภิสิทธิ์ ได้แค่ 4.48 คะแนน

ทั้งคณะรัฐบาลและนายกฯ สอบตกทั้งคู่

ลึกลงไปกว่านั้นโพลยังระบุ ประชาชนพอใจผลงานรัฐบาลด้านการบริหารจัดการและการบังคับใช้กฎหมาย น้อยที่สุด 3.61 คะแนน

ส่วนนายกฯอภิสิทธิ์ ได้คะแนนด้านความเด็ดขาด กล้าตัดสินใจ น้อยที่สุด 3.73 คะแนน

อย่างไรก็ตาม ขนาดสั่งการเข้าปราบปรามผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง จนเกิดความผิดพลาดมีคนตายถึง 90 ศพ บาดเจ็บอีกเกือบ 2,000 คน

รัฐบาลยังฝ่ามรสุมโลหิตอยู่ต่อไปได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

กับแค่สอบตกผลงาน คะแนนลดต่ำลงไปไม่กี่จุด

รัฐบาลคงไม่เก็บเอามาคิดมาก

ถ้าหากไม่มีเงื่อนไขไฟต์บังคับที่จะต้องเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 6 กทม.ขึ้นมาเสียก่อน



ถึงจะเป็นการเลือกตั้งซ่อมเพียงแค่เขตเดียว

แต่ผลแพ้-ชนะในสนามเลือกตั้งนี้วิเคราะห์กันว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆ

เพราะถือเป็นการวัดเรตติ้งการเมืองตามกติกาประชาธิปไตยครั้งแรกภายหลังเหตุการณ์นองเลือดเดือนพฤษภา

เป็นการต่อสู้ตัวต่อตัวระหว่างแกนนำรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่ส่ง นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ลงชิงธงกับนายก่อแก้ว พิกุลทอง ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย

ทั้งคู่ไม่ใช่บิ๊กเนม แต่ไม่ถึงกับโนเนม

นายพนิช เป็นอดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ปัจจุบันผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ คอหอยลูกกระเดือกกับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ

มีผลงานตามล่าตามล้าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาบรรดากองเชียร์รัฐบาล รวมไปถึงกองแช่งรัฐบาลด้วยเช่นกัน

ฝั่งนายก่อแก้ว เป็นอดีตผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย เป็นพิธีกรร่วมรายการความจริงวันนี้ และเป็น 1 ในแกนนำ นปช.

หลังปิดฉากม็อบเสื้อแดง นายก่อแก้ว ตกอยู่ในฐานะผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำคลองเปรม

ยังดีที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ออกจากเรือนจำ 1 วันเพื่อไปกรอกใบสมัครรับเลือกตั้งได้ ก่อนต้องไปลุ้นอีกขยักว่าศาลจะให้ประกันตัวออกมาหาเสียงหรือไม่

อย่างไรก็ตามความสำคัญของการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคล

แต่อยู่ที่ความเป็น "สงครามตัวแทน" ระหว่างรัฐบาลกับเสื้อแดง นปช.

การที่พรรคเพื่อไทยไม่ส่งนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ หรือนายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ ลงสมัคร แต่กลับส่งนายก่อแก้ว ซึ่งเป็นแกนนำ นปช.ลงแทน

พรรคประชาธิปัตย์อ่านเกมว่าพรรคเพื่อไทยต้องการพลิกฟื้นกระแสคนเสื้อแดงให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง

ข้อได้เปรียบของนายก่อแก้ว ในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ก็คือแกนนำนปช.ไม่มีอะไรต้องเสีย

ถ้าแพ้ก็ถือว่าเสมอตัวเพราะที่นั่งเดิมเป็นของพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว

แต่หากเกิดพลิกล็อกเอาชนะได้ก็เท่ากับเป็นการตบหน้ารัฐบาลฉาดใหญ่

และนั่นเป็นคำตอบว่าทำไมหัวเด็ดตีนขาดรัฐบาลและศอฉ.

ถึงได้ไม่ยอมยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน



ช่วงเวลาที่ผ่านมาสังคมต่างรับรู้โดยทั่วกัน

การคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ ไม่ได้มีประโยชน์กับรัฐบาลแต่เฉพาะในด้านความมั่นคงเท่านั้น

แต่ยังถูกใช้เป็นเครื่องมือขุดรากถอนโคนการเมืองฝ่ายตรงข้ามได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเลือกตั้งซ่อมที่กำลังจะมีขึ้นอีกไม่กี่วันข้างหน้า

ในทางกลับกันการบังคับใช้กฎหมายจนเกินความพอดี อย่างเช่นการกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้ก่อการร้าย ร่วมขบวนการล้มล้างสถาบัน โดยไม่มีหลักฐานยืนยันแน่นหนา

หรือการบังคับใช้กฎหมายแบบ 2 มาตรฐานที่ปรากฏชัดเจนในคดีบุกยึดสนามบิน หรือกระทั่งคดีคนในรัฐบาลถูกแจ้งความกล่าวหาสั่งฆ่าประชาชนก็ไม่มีอะไรคืบหน้าให้เห็น

เหล่านี้ทำให้ประชาชนสัมผัสได้ถึงความไม่ยุติธรรม

ผลคือคนที่อยู่ตรงกลางเริ่มเคลือบแคลงสงสัยรัฐบาล เพราะเห็นการบังคับใช้กฎหมายที่เลือกปฏิบัติ และใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือจัดการฝ่ายตรงข้าม

อย่างที่โพลระบุในตอนต้นว่าประชาชนพอใจผลงานด้านการบริหารจัดการ และการบังคับใช้กฎหมายน้อยที่สุด 3.61 คะแนนเต็ม 10

แม้รัฐบาลจะพยายามเสนอแผนการปรองดองออกมาเพื่อตัดกระแสต่อต้าน

ฉุดกระชากบรรดาบุคคลมีชื่อเสียงเด่น-ดัง เข้ามาเป็นประธานคณะกรรมการอิสระชุดต่างๆ ซึ่งบางคนมีประวัติพฤติกรรมโน้มเอียงไปทางใดก็รู้ๆ กันอยู่

จึงทำให้เกิดคำถามตามมาว่ากรรมการเหล่านี้จะสามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในสังคม นำพาคนไทยไปสู่ฝั่งฝันความปรองดองได้จริงหรือไม่

บางทีคำตอบอาจอยู่ที่การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ก็เป็นไปได้

ผลที่ออกมาจะเป็นสิ่งยืนยันความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลชุดปัจจุบัน