ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Sunday, 22 March 2009

คุณค่าของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ..

ที่มา thaifreenews

โดย : เสียงประชาไทย



เป็นไปตามคาดหมายของใครหลายคนในที่นี้รวมทั้ง ตัวผมด้วย
สำหรับผลโหวตซักฟอกรัฐบาล ที่ฝ่ายค้านต้องพ่ายแพ้
แม้..หลายคนอาจจะรู้สึกไม่พอใจ
แต่..ผมก็เชื่อว่าหลายคนยังยอมรับสภาพได้

และผมก็อยากให้ทุกคนได้เข้าใจตรงกันว่า..
ประโยชน์สูงสุดของการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล มิใช่อยู่ที่ฝ่ายค้านจะสามารถล้มล้างรัฐบาลได้หรือไม่

แต่..อยู่ที่ประชาชน
ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้นบ้างจากข้อมูลเดิมๆตามหน้าข่าวทั่วไป

แต่..อยู่ที่ประชาชน
ได้มีส่วนร่วมในการรับฟังกันแบบสดๆโดยไม่มีการปรับแต่งหรือบิดเบือนใดๆจากสื่อทั่วไปที่นับวันจะหมดความน่าเชื่อถือลงไปทุกที

นี่ต่างหาก!!!
คือคุณค่ามีที่อยู่การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

ถึงแม้บางเวลามันอาจจะดูน่าเบื่อ น่ารำคาญ น่าโมโห สำหรับพฤติกรรมของนักการเมืองหลายคน
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่หลายคนรัก จะเป็นฝ่ายที่หลายคนเกลียด
คำพูดเสียดสี ด่าทอ แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม การไม่ให้เกียรติกันในที่ประชุม จนมีหลายครั้งที่แย่งกันพูดจนคนฟังบางคนบางไม่รู้เรื่อง จนเป็นสิ่งที่พวกเราเห็นกันจนชินตา
หนักเข้าเลยเถิดไปถึงขั้นจะมีการวางมวยกันเลยทีเดียว
บางคนถึงกับเครียดจัดว่า..นี่หรือ คือ ตัวแทนของประชาชน..นี่หรือ คือ ผู้ได้ประโยชน์จากภาษีของประชาชน
ฯลฯ หากทำได้แค่นี้อย่ามีมันเลยดีกว่าพวก ส.ส เลยก็มี

เหล่านี้ละครับคือภาพรวมภายนอกที่ประชาชนทั่วไปเขามองเห็นกัน ผมเองบางครั้งก็เบื่อกับพฤติกรรม ส.ส.พวกนี้เช่นกัน

แต่อย่าให้อารมณ์เหล่านั้นมาครอบงำจิตใจเราให้มีใจอคติ หรือต่อต้านจนทำให้มองไม่เห็นคุณค่าของมัน

การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแต่ละครั้งจึงเป็นสิ่งที่ประชาชนไทยทุกคนต้องดู!!!
ถ้าหากประชาชนทุกคนยังคิดว่าประเทศชาติเป็นของประชาชน

-----------------------------------------------------------------
แต่สำหรับบางคนที่ยังคิดว่าประเทศนี้เป็นของใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้น หรือ ยังมองว่าเรื่องของการเมืองเป็นเรื่องน่าเบื่อ คิดว่านักการเมืองเลวทุกคนละก็ ไม่ต้องมาดูให้เสียเวลา กลับไปดูละครน้ำเน่าของท่านต่อเถอะ

และผมกล้าพูดได้เลยว่า
ชีวิตของคนเหล่านี้ก็จะวนเวียนกันไปแบบละครน้ำเน่านั่นละ
ชีวิตของคนเหล่านี้ก็จะไม่มีทางรู้จักคุณค่าของตัวเองตามระบอบประชาธิปไตยเลย

เพราะชีวิตประจำวันของคนเหล่านี้
ก็จะหวังแค่ว่าสักวันจะมีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย หรือพรหมลิขิตให้เจอเนื้อคู่ที่สมบูรณ์ทุกอย่างแบบในละครแค่นั้น มันก็เหมือนกับหลายคนชอบนั่งหน้าจอฟังศาสดาของเขาสร้างวิมานในอากาศ ว่าสักวันพวกเขาจะมีการเมืองใหม่ พวกเขาจะมีนักการเมืองที่ดีพร้อม ไม่คดโกง ไม่เอาเปรียบประชาชน ฯลฯ

ผมขอถามหน่อยเถอะ!! ว่าตั้งแต่มีประวัติศาสตร์ชาติไทยมาตั้งแต่สมัยบ้านเชียง(2500 ปีก่อน พ.ศ.) มาสมัยกรุงศรีอยุธยา เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้ มันเคยมีบ้างรึยัง? นักการเมืองหรือนักปกครองที่พวกเขาพูดถึงเนี่ย (จะมีก็แค่ในตำราเพื่อเป็นกุศโลบายให้พวกเรามีสำนึกที่ดีเท่านั้น)มันไม่มีใครที่ไหนหรอกครับที่จะไม่เห็นแก่ตัวเอง

มนุษย์เห็นแก่ตัวเองกันทุกคน
แต่ความต่างของแต่ละคนมันอยู่ที่ว่า
เห็นแก่ตัวเองแล้วเห็นแก่คนอื่นหรือปล่าว
หรือไม่เห็นแก่ใครเลยนอกจากตัวเอง แค่นั้น !!!

อย่าว่าแต่จะไม่เจอนักการเมืองตามจิตนาการของตัวเองเลย เผลอๆจะเจอไอ้ศาสดาในจอ..ทีวีเหล่านั้นละที่มันจะโกงเอาได้
-----------------------------------------------------------------

การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้จึงยังเป็นภาพสะท้อนของความขัดแย้งทางสังคมและการเมืองไทยในทุกวันนี้ด้วย

ที่ยังมีแบ่งฝ่ายทางอุดมการณ์และความคิดกันอย่างชัดเจน

โดยในขณะที่ฝ่ายหนึ่งต่อสู้เพื่อจิตนาการที่ไม่มีวันเป็นจริง
กับอีกฝ่ายหนึ่งที่ต่อสู้บนความเป็นจริงเพื่อความเสมอภาคเท่าเทียมกันและความยุติธรรมต่อทุกคน ทุกฝ่าย

ซึ่งการมีความยืดหยุ่นตามสภาพความเป็นจริงเช่นนี้เอง จึงเป็นสิ่งที่มองเห็นผลได้ชัดเจนมากกว่าความสุดโต่งดื้อดึงตามจิตนาการของตนเองที่มองยังไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้โดยเฉพาะบนโลกใบนี้ที่มนุษย์เริ่มไม่รู้จักคำว่าเพียงพอซะแล้ว

ส่วนเรื่องความพยายามจะเปลี่ยนแนวความคิดต่างๆเหล่านี้มันจึงไม่ง่ายหากประเทศไทยยังมีระบบการบริหารที่ไร้ซึ่งความยุติธรรมเช่นนี้

และสำหรับตัวผมแล้ว
ผมภูมิใจที่ตัวเองได้เลือกแนวทางที่ถูกต้อง
แม้อีกฝ่ายจะมองว่ามันเป็นแนวทางที่ไม่ถูกไม่ควรสำหรับพวกเขา
และผมก็เฉยๆกับคำดูถูกเหยียดหยามที่ว่าผมโง่จากอีกฝ่าย
ทั้งที่พวกเขาคิดว่าพวกเขาฉลาดรอบรู้ซะทุกเรื่อง
เพราะผมรู้ตัวดีว่าผมไม่ได้ฉลาดกว่าใครทั้งหมดแต่ผมก็ไม่ได้โง่พอที่จะคิดว่าตัวเองฉลาดที่สุด