หลังจากรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคประชาธิปัตย์ โดนตีกระหน่ำอย่างหนักจากฝ่ายตรงข้ามทั้งในและนอกสภา
ถูกถล่มทั้งภาคพื้นดินและทางอากาศเป็นระลอกๆคลอด 3 เดือนที่ผ่านมา
ภาคพื้นดินเจอม็อบเสื้อแดงภายใต้การนำ ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จ การแห่งชาติ หรือ นปช. ระดมพลคนเสื้อแดง ชุมนุมต่อต้านหลายกระทอก
ประเดิมตั้งแต่การเคลื่อนพลปิดล้อมสภาฯ ในวันโหวตเลือกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
การปิดล้อมกระทรวงการต่างประเทศใน วันที่รัฐบาลแถลงนโยบาย ตามด้วยการชุมนุมใหญ่ปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลเรียกร้องให้นายกฯ อภิสิทธิ์ยุบสภา
ล่าสุดมีการจัดหน่วยจรยุทธ์เสื้อแดงตาม ประกบนายกฯและรัฐมนตรี ในช่วงลงพื้นที่ตรวจ ราชการและพบปะพี่น้องประชาชนในต่างจังหวัด
เพื่อแสดงปฏิกิริยาต่อต้านสารพัดรูปแบบ ทั้งรัวตีนตบ โห่ไล่ ขว้างขวดน้ำ ร่อนรองเท้าแตะ ปาไข่ใส่ สกัดกั้นไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างสะดวกโยธิน
พร้อมทั้งจัดชุมนุมเสื้อแดงสัญจรในพื้นที่จังหวัดต่างๆ เปิดเวทีให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โฟนอินข้ามประเทศ
ทิ้งบอมบ์ทางอากาศแบบถี่ยิบ ไม่ เว้นแม้แต่งานวัด
ปลุกกระแสเสื้อแดงต่อต้านรัฐบาล วิพากษ์ วิจารณ์การแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ล้มเหลวของนายกฯอภิสิทธิ์ และความไม่เป็นธรรมของกระบวนการยุติธรรมในเมืองไทย
ปฏิบัติการมวลชน ดิสเครดิตรัฐบาล เป็นรายวัน!!!
กระหน่ำซ้ำด้วยมาตรการตรวจสอบใน สภาฯ อาศัยเครือข่าย ส.ส.ฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจถล่มนายกฯอภิสิทธิ์และ 5 รัฐมนตรี พร้อมยื่นถอดถอน
ตามด้วยการระดมมวลชนคนเสื้อแดง ชุมนุมใหญ่ปิดล้อมทำเนียบฯขับไล่รัฐบาล
ล่าสุด คณะทำงานปฏิบัติการทางการเมือง หรือวอร์รูม ของพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองที่กำลังข้นคลั่กอยู่ในขณะนี้
โดยได้ข้อสรุปว่า สถานการณ์ทางการเมือง ยังไม่น่าไว้วางใจ เพราะมีการเคลื่อนไหวที่ไม่ เป็นไปตามปกติของระบอบประชาธิปไตย
มีความพยายามที่จะสร้างเงื่อนไขเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ 2 อย่าง คือ
1. สร้างอำนาจต่อรองเพื่อนำไปสู่การให้ อดีตนายกฯทักษิณ พ้นผิดจากความผิดที่เกิดขึ้นในอดีต ด้วยการออกกฎหมายนิรโทษกรรมหรืออภัยโทษ
2. เพื่อล้มรัฐบาล โดยดำเนินการเปลี่ยนแนวรุกจากเดิม 4 ด้าน ได้แก่
แนวรุกด้านมวลชนของ นปช.ที่เปลี่ยนจากชุมนุมใหญ่ไปเป็นการเพิ่มความรุนแรงในการต่อต้านโดยใช้คนกลุ่มย่อย เพิ่มระดับความขัดแย้ง แถมพูดไปถึงสงครามประชาชน
แนวรุกผ่านพรรคเพื่อไทย โดยใช้กลไกแกนนำใกล้ชิดและเครือญาติของ พ.ต.ท.ทักษิณ และแรงผลักดันจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อนำไปสู่การแทรกแซงการปฏิรูปการเมือง เพื่อนำระบอบทักษิณกลับคืนมา
ใช้แนวร่วมจากนอกประเทศ สร้างพันธ- มิตรกับประเทศ องค์กรและบุคคลที่ไม่มีจุดยืน ที่ให้ความสำคัญกับระบบยุติธรรมหรือประชาธิปไตย
ทำสงครามสื่อสารมวลชน มีการปลุกระดม โดยใช้สื่อทั้งบนดินและใต้ดิน บิดเบือนประเด็นด้านเศรษฐกิจ เพื่อลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล ซ้ำเติมประเทศ
ทั้งนี้ วอร์รูมพรรคประชาธิปัตย์ยังวิเคราะห์ ด้วยว่าเงื่อนไขเหล่านี้จะไม่บรรลุผลสำเร็จ ถ้ารัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาของประเทศ และประชาชนได้ใน 5 ด้านหลัก คือ
การแก้วิกฤติเศรษฐกิจ การช่วยเหลือ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบทั้งเกษตรกรและผู้ว่างงาน การเริ่มต้นปฏิรูปการเมือง
การแก้ปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัด ชายแดนใต้ การแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาชญากรรม
วิเคราะห์ได้เป็นฉากๆ แต่สำคัญอยู่ ที่ว่า มีปัญญาทำได้รึเปล่าล่ะโยม??
“พ่อลูกอิน”