บทความ โดย Bugbunny
นับตั้งแต่ขบวนการตุลาการภิวัฒน์รับเข้ามาแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองจนถึงวันนี้ประมาณสามปีเศษ ขอสรุปผลงานต่าง ๆ ของขบวนการตุลาการภิวัฒน์ ดังต่อไปนี้
สร้างบรรทัดฐานใหม่ว่าการเลือกตั้งหันหลังออกจากคูหาผิดกฎหมายเลือกตั้ง
สร้างบรรทัดฐานใหม่ว่าต้องยุบพรรคไทยรักไทยและลงโทษกรรมการบริหารผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดให้ต้องรับผิด เพราะบังอาจเป็นพรรคการเมืองที่ประชาชนเลือกตั้งมามากที่สุด
สร้างบรรทัดฐานใหม่ว่า ต้องยุบพรรคพลังประชาชน ชาติไทย และมัชฌิมาธิปไตย ลงโทษกรรมการบริหารผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดให้ต้องรับผิด เพราะบังอาจเข้าร่วมรัฐบาลที่ตั้งขึ้นโดยฝ่ายตรงข้ามกับขบวนการตุลาการภิวัฒน์
สร้างบรรทัดฐานใหม่ว่ากฎหมายลงโทษย้อนหลังได้แม้ตอนที่กระทำการใดนั้น กฎหมายไม่ได้บัญญัติว่ามีความผิดแต่ก็มีสิทธิไปลงโทษจำเลยได้ถ้าบังเอิญอยากจะลงโทษ
สร้างบรรทัดฐานใหม่ในการพิจารณาคดีว่าเพียงแต่ผู้ตัดสินมีความเห็นส่วนตัวว่า “มีความเป็นไปได้ว่า” จะเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ก็มีความผิด
สร้างบรรทัดฐานใหม่ว่าต้องตีความกฎหมายตามพจนานุกรม ไม่ใช่คำจำกัดความของกฎหมาย
สร้างบรรทัดฐานใหม่ว่าการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ถือว่าสามีภรรยาเป็นบุคคลคนเดียวกัน การทำนิติกรรมใด ๆ ต้องได้รับการยินยอมจากคู่สมรสเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และลงโทษสามีได้ทั้ง ๆ ที่ภรรยากระทำถูกต้องตามกฎหมายการประมูลทุกประการและได้รับการตัดสินว่าไม่มีความผิด
สร้างบรรทัดฐานใหม่ว่า ข้าราชการตุลาการเท่านั้นที่สมควรเข้ามาควบคุมและเกี่ยวข้องกับการเมือง โดยตั้งเข้ามาเป็นสารพัดกรรมการอิสระ ทั้ง ๆ ที่ข้าราชการตุลาการก็เป็นเพียงหนึ่งในสารพัดอาชีวะที่สร้างสรรค์ประเทศไทยขึ้นมา
สร้างบรรทัดฐานใหม่ว่าการรับใช้ผู้มีอำนาจด้วยขบวนการตุลาการภิวัฒน์เป็นผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่ เพราะบางคนได้ตำแหน่งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นปลัดกระทรวง หรือเป็นอะไรอีกมากมายได้ทุกอย่าง ขอให้รับใช้แบบไม่ต้องคำนึงถึงวิชาการ ความถูกต้องเป็นธรรมได้มากที่สุดเท่านั้น
สร้างบรรทัดฐานใหม่ไปทั่วโลกว่า ประเทศไทยมีระบบกฎหมายแบบที่ไม่ต้องพึ่งพิงหลักนิติธรรม เป็นกฎหมายที่ตีความตามใจผู้มีอำนาจได้เสมอ หากมีเมฆลอยมาอย่างไรก็ให้ทำตามเมฆก้อนนั้น
ขบวนการข้าราชการตุลาการภิวัฒน์และผู้อยู่เบื้องหลังทุกระดับต้องรับผิดชอบต่อการที่ประเทศไทยแตกแยกเป็นเสี่ยง ๆ ที่สุดตั้งแต่หลังกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าเป็นต้นมา ในวันนี้ วันที่ผู้คนแตกแยกเป็นก๊กเป็นเหล่าเข้าห้ำหั่นกันทั้งด้วยกำลัง อาวุธ และคำพูด ต่างก็ใช้สารพัดวิธีเอาชนะกันโดยไม่คำนึงถึงระเบียบและกฎหมาย เพราะไม่อาจหาความยุติธรรมตามระบบได้ มันหายไปกับขบวนการตุลาการภิวัฒน์และขบวนการอยุติธรรมที่กำลังมัวเมากับอำนาจ อาชญากรรมกลายเป็นความถูกต้องและการต่อต้านอาชญากรรมที่กระทำต่อชาติกลายเป็นอาชญากรรม
สามปีเศษของขบวนการตุลาการภิวัฒน์ทำให้ประเทศนี้พินาศฉิบหายได้ขนาดนี้ ตกต่ำจนการด่าทอขบวนการตุลาการภิวัฒน์เป็นเรื่องที่ประชาชนชื่นชอบ ศรัทธาไม่มีเหลือ และผู้นำขบวนการต้องถึงกับวิ่งหา รปภ.ส่วนตัว เพราะไม่แน่ใจว่าความชั่วที่ทำต่อผู้อื่นนั้นจะตอบสนองตนเองในระดับรุนแรงขนาดไหนในวันอันไม่ไกลนี้ คนพวกนี้ต้องได้รับโทษ และต้องเป็นโทษในแบบ Capital Punishment แบบเจ็ดชั่วโคตรเท่านั้นจึงจะสาสมกับความผิดที่สุมหัวกันกระทำ