เมื่อวันที่ 3 ส.ค.54 เวลาประมาณ 9.00 น. ศาลอาญากรุงเทพใต้ ห้องพิจารณาคดี 501 มีการสืบพยานในคดีเลขดำที่ 2478/2553 มีพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจกท์ ฟ้องนายสายชล แพบัวกับพวกรวม 2 คน ในความผิดวางเพลิงเผาทรัพย์ และฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
โดยในวันนี้ (3 ส.ค.) มีการสืบพยานโจทก์คือ นายสถาพร เปาทอง อายุ 43 ปี ผู้จัดการฝ่ายประกันภัย สินไหมทดแทน บริษัท ไทยสิริ เขาให้การว่า บริษัท เซ็นทรัลพัฒนาฯ ได้ทำประกันกับบริษัทตนไว้ เป็นการประกันการก่อการร้ายซึ่งมีวงเงินไม่เกิน 3,500 ล้านบาท เฉพาะสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเมื่อประเมิณในขั้นต้นแล้ว ค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นเฉพาะโครงสร้างมีมูลค่าประมาณ 5,200 ล้านบาท โดยที่พยานไม่ทราบสาเหตุของเพลิงไหม้แต่อย่างใด
ในช่วงบ่าย มีการเบิกตัวพยานอีกคนคือ ร้อยตำรวจเอก พรเลิศ รัตนคาม นายตำรวจประจำสถานีตำรวจชนะสงคราม ร.ต.อ. พรเลิศให้การว่า ภายหลังจากเหตุการณ์ในวันที่19 พฤษภาคม2553 สองอาทิตย์ ตนได้รับหมายจับพร้อมมอบหมายให้ตรวจสอบบุคคลตามภาพ ตนดูภาพและจำได้ว่าเคยเห็นนายสายชลที่สนามหลวงมาก่อน จึงทำการเข้าจับกุม ภายหลังนายสายชลก็รับสารภาพว่าเป็นบุคคลตามรูปจริง ทั้งนี้ตนยอมรับว่า ในหมายจับไม่มีข้อมูลหรือรายละเอียดใดๆเลยเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัย มีเพียงรูปถ่ายใบเดียวที่ตนยอมรับว่า มองเห็นใบหน้าแค่ด้านเดียว และเห็นตา จมูก ปาก และหน้าผาก ของบุคคลในรูปไม่ชัดเจน ถ่ายที่ไหนเมื่อไรตนก็ไม่ทราบ ในการจับกุมจำเลยตนอาศัยดูรูปถ่ายเพียงอย่างเดียว แต่ดูโดยภาพรวมแล้ว คล้ายกับจำเลย ซึ่งพอจับกุมแล้ว จำเลยก็รับสารภาพและยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ
ทั้งนี้ จำเลยทั้งสองถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และไม่ได้รับการประกันตัว โดยจะมีการนัดสืบพยานโจทย์อีกในวันที่23-24 สิงหาคม2554
เดอะเนชั่น ฉบับวันที่ 2 ส.ค.54 และในเว็บไซต์* ได้เปิดเผยการสัมภาษณ์นายสายชลด้วยว่า นายสายชลอ้างว่าตนถูกซ้อมทรมาณจากตำรวจเพื่อให้รับสารภาพว่าเป็นบุคคลตามภาพ จริง
*( told The Nation yesterday afternoon that he had been forced to admit that he was the man in the photograph because "police threatened to lynch me and send me to the military" - a red-shirt guard - is illiterate. ) http://www.nationmultimedia.com/home/Confusing-testimony-from-security-guard-in-Central-30161805.html