ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Thursday, 4 August 2011

วิสา คัญทัพ:พรรคการเมืองที่ได้อำนาจจากประชาชน ต้องรอบคอบรัดกุม สุขุมและมีเหตุผล

ที่มา Thai E-News

ต้อง ใช้คำว่า “ปาดเลือดเนื้อเหงื่อนอง” ของผองพี่น้องเสื้อแดง ก้าวขึ้นมาเป็นรัฐบาล เพราะฉะนั้นจะทำอะไรควรไตร่ตรองให้ดี ไม่ใช่วูบวาบหวั่นไหวไปกับความคิดที่จะปรองดองอย่างถลำตัวถลำใจ..ไม่ใช่ใส่ ใจแต่ความรู้สึกของอำนาจพิเศษ

โดย วิสา คัญทัพ


กระบวนการกำเนิดพรรคการเมือง หากย้อนมองไปในอดีตตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 เป็นต้นมา มีแต่พรรคการเมืองที่ได้อำนาจมาจากอำนาจพิเศษ ทั้งถูกกำกับ และแทรกแซง ภายใต้คำแอบอ้าง “ประชาธิปไตย” ทั้งสิ้น


แม้รัฐบาลหลังเหตุการณ์ลุกขึ้นสู้ของนิสิตนักศึกษา 14 ตุลาคม 2516 ที่ได้รัฐบาลพระราชทานนายสัญญา ธรรมศักดิ์ กระทั่งรัฐบาลจากการเลือกตั้งชุดต่อมาคือประชาธิปัตย์ และรัฐบาลหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ก็เป็นรัฐบาลภายใต้การกำกับดูแลจากอำนาจพิเศษ

จนถึงรัฐบาล พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ยิ่งเข้าสู่ยุคแห่งการวางรากฐานให้กับความมั่นคงของพรรคการเมืองระบบขุนศึกขุนนางอำมาตย์

กระทั่งเมื่อ พลเอกเปรม ต้องลดละเลิกไปเพราะกระแสแห่งพลังประชาชนเรียกร้องต้องการให้นายกรัฐมนตรี ต้องมาจากการเลือกตั้งสูงยิ่ง อำมาตย์ที่ไม่เห็นด้วยกับกระบวนการเลือกตั้งและดูถูกว่าประชาชนโง่ จำต้องถอยออกไปวางแผนอยู่วงนอก

ท่ามกลางการต่อสู้ของประชาชนที่ต้องการประชาธิปไตยแท้จริงสืบเนื่องมาตลอด

ประชาชนเรียนรู้และเติบโตขึ้นทุกวัน ต่อสู้ผลักดันจนได้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ซึ่งสาระสำคัญกำหนดให้พรรคการเมืองหลุดพ้นจากกรอบการกำกับดูแลของอำมาตย์มาก ที่สุด ตั้งแต่เคยมีรัฐธรรมนูญมา

เป็นต้นว่าสมาชิกวุฒิสภามาจากการเลือกตั้งทั้งหมดก็ดี ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภา นายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้ง อันทำให้พรรคการเมืองที่มาจากอำนาจประชาชนแข็งแกร่งขึ้น

ต้องพูดว่าพรรคการเมืองพรรคแรกที่ได้อำนาจจากประชาชนอย่างแท้จริงคือ “พรรคไทยรักไทย”

เพราะสายธารการต่อสู้ของประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต่อเนื่องมาตลอด เรียกร้องการตรวจสอบระบบการเมืองที่เข้มข้นขึ้น จนทำให้ได้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น

เป็นครั้งแรกที่อำนาจจากประชาชนเลือกพรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาลได้ครบสี่ปี และพรรคไทยรักไทยก็นำนโยบายที่ได้ประกาศไว้มาทำให้ปรากฏเป็นจริงขึ้นได้

ประชาชนได้ประโยชน์ ประชาชนเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมว่า “ประชาธิปไตยกินได้” ตรงนี้เท่ากับไปถ่างช่องว่างอำนาจพิเศษให้ห่างไกลออกไปยิ่งขึ้น

ซึ่งอำนาจพิเศษเริ่มดิ้นรนต่อสู้ทุกวิถีทาง ปรับเครือข่าย สร้างกำลัง ปลุกระดมโจมตีตามวิธีการที่ถนัด


จากผลงานชัดเจนในสี่ปีที่พรรคไทยรักไทยบริหารชาติบ้านเมือง ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนอย่างท่วมท้น เลือกกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง ด้วยคะแนนเสียงถล่มทลาย กลายเป็นพรรคการเมืองเสียงข้างมากพรรคเดียว

จนทำให้อำนาจพิเศษลุกขึ้นมาต่อต้านโดยวาทกรรม “เผด็จการรัฐสภา” และอื่นๆอีกมากมาย ฯลฯ ที่สุดก็รัฐประหารด้วยกำลังอาวุธโค่นรัฐบาลที่มาจากอำนาจประชาชนและรัฐ ธรรมนูญ 2540 ลงไป

วางโครงสร้างใหม่ สร้างรัฐธรรมนูญปี 2550 ขึ้นมา จากรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จนถึงปัจจุบัน ประชาชนต่อสู้กับอำมาตยาธิปไตยมาจะห้าปีเต็มในเดือนกันยายน ปี 2554 นี้

สูญเสียเลือดเนื้อ ชีวิต ทรัพย์สิน และทุกสิ่งทุกอย่างมากมายมหาศาล จนที่สุดประชาชนก็สอนบทเรียนขุนศึกขุนนางอำมาตย์อีกครั้ง ด้วยการลงคะแนนเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยถล่มทลายเกือบสิบหกล้านคน ได้ สส.เกินกว่าครึ่ง

ข้อสรุปก็คือ

ต้องทบทวนว่าอำนาจที่พรรคเพื่อไทยได้มานั้น

มองย้อนไปตั้งแต่ยังเป็นพรรคไทยรักไทย

นับว่า ได้มาจาก ประชาชน อย่างแท้จริง

คือมาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย

ในขณะที่พรรคการเมืองอื่นๆส่วนใหญ่ได้มาจากอำนาจพิเศษ

หลังสุดนี่ต้องใช้คำว่า “ปาดเลือดเนื้อเหงื่อนอง” ของผองพี่น้องเสื้อแดง ก้าวขึ้นมาเป็นรัฐบาล เพราะฉะนั้นจะทำอะไรควรไตร่ตรองให้ดี ไม่ใช่วูบวาบหวั่นไหวไปกับความคิดที่จะปรองดองอย่างถลำตัวถลำใจ

การคัดสรรบุคคลที่จะเข้ามาทำงานในตำแหน่งบริหารต้องรอบคอบ รัดกุม สุขุม และมีเหตุผล ถึงที่สุดแล้วควรเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่ใส่ใจแต่ความรู้สึกของอำนาจพิเศษ อย่าลืมว่า พรรคการเมืองพรรคนี้เป็น พรรคการเมืองที่ได้อำนาจจากประชาชนอย่างแท้จริง

ประชาชนกำลังจับตามองพรรคอยู่ หากพรรคทำเพื่อประชาชน มวลมหาประชาชนก็จะยืนเคียงข้าง เป็นฐานกำลังสำคัญให้กับพรรค

เราหวังว่า ในสถานการณ์ที่มีรัฐบาลใหม่ พวกท่านทั้งหลายจะร่วมกับประชาชน เดินหน้าต่อไป ต่อยอดดอกใบประชาธิปไตยให้เต็มต้น เคลื่อนไหวให้มีการแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2550 เครื่องไม้เครื่องมือและกลไกของระบอบอำมาตย์ อุปสรรคสำคัญในการพัฒนาประชาธิปไตย ภายในเวลาไม่นานนัก

ด้วยการเป็นเจ้าภาพเสนอทำประชามติให้เป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรม.