คอลัมน์ เหล็กใน
มันฯ มือเสือ
ข้อ กังวลว่าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งแล้วจะไม่ได้เป็นรัฐบาล หรือ "ยิ่งลักษณ์" จะไม่ได้เป็นนายกฯ ที่เคยมีมาในช่วงก่อนและหลังเลือกตั้ง ได้หายไปจนหมด
ส.ส.ที่เป็นแกนนำนปช.ซึ่งโดนกกต.สั่งแขวนไว้ในล็อตแรก ต่างก็ทยอยผ่านการรับรองจนครบ
รวม ถึง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่บางคนในกกต.พยายามยื้อสุดฤทธิ์ แต่ไม่สำเร็จ เพราะเห็นแตกต่างกับกกต.คนอื่นๆ ที่ต้องการยื้อไว้แค่พอเป็นพิธี
นายจตุพร เลยป็นนปช.คนสุดท้ายที่ผ่านการรับรองเป็นส.ส.
ขณะเดียวกันการเมืองในสภา หลังรัฐพิธีเปิดเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ถัดมารุ่งขึ้นก็มีการประชุมเลือกประธานสภาและรองประธานทันที
นาย สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ได้รับเลือกเป็นประธานสภาตามที่พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อ หลังจากก่อนหน้านั้น 2 วัน พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย หนึ่งในแคนดิเดตได้ขอถอนตัวเพื่อยุติบรรยากาศความขัดแย้งในพรรค
เซอร์ไพรส์อยู่บ้างตรง นายเจริญ จรรย์โกมล และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ได้รับการเสนอเป็นรองประธานสภาคนที่ 1 และคนที่ 2
เนื่องจากทั้งคู่ไม่เคยมีชื่อในโผมาก่อน ดังนั้นการได้รับตำแหน่งจะเรียกว่าเป็น "ม้ามืด" ก็คงไม่ผิด
จบ จากฝ่ายนิติบัญญัติมาถึงคิวฝ่ายบริหาร ไฮไลต์อยู่ตรงการโหวตเลือกนายกฯ แต่คาดว่าไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเพราะ "ยิ่งลักษณ์" แบเบอร์ล้านเปอร์ เซ็นต์
ที่น่าจับตาคือโผรัฐมนตรี
ตามมีที่เสียงกล่าวกันว่า "ทักษิณ" คือผู้มีบทบาทสูงสุดในการจัดวางคนลงในตำแหน่งต่างๆ
ถึง ว่าที่นายกฯยิ่งลักษณ์ จะเพียรพยายามปฏิเสธ แต่คงไม่มีประโยชน์ ฉะนั้นควรเลิกตอบโต้ในประเด็นนี้ เพราะถึงอย่างไรคนเขาก็ไม่เชื่ออยู่ดี
อีก อย่างคือ "ทักษิณ" จะเกี่ยวข้องหรือไม่กับการจัดครม. ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ขอเพียงเป็นคนดีมากฝีมือ ประวัติความเป็นมาไม่กระดำกระด่างจนเกินไปนัก เท่านี้ประชาชนก็พอยอมรับได้
และที่สำคัญการที่รัฐบาลชุดก่อนได้สร้างมาตร ฐานการทำงานไว้ในระดับต่ำมาก
ได้กลายเป็นต้นทุนความได้เปรียบอย่างหนึ่งในการจัดตั้ง"รัฐบาลยิ่งลักษณ์"อีกต่างหาก