ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Thursday, 30 December 2010

จักรวรรดิโรมันกับจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์

ที่มา มติชน



โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

ขณะที่ผู้เขียนกำลังบรรยายเรื่องกฎหมายโรมันให้กับนิสิตที่กำลังเรียนวิชารัฐศาสตร์เบื้องต้นที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์อยู่นั้น ได้มีนิสิตผู้หนึ่งยกมือถามแบบทะลุกลางปล้องขึ้นมาว่า

"อาจารย์ จักรวรรดิโรมันกับจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์เป็นจักรวรรดิเดียวกันหรือเปล่าครับ?"

เจอคำถามแบบนี้เข้า ผู้เขียนจึงเกิดอาการกระอักกระอ่วนคือ ลังเลใจว่าจะตอบหรือไม่ตอบดี เนื่องจากมันเป็นคนละเรื่องเดียวกัน จึงตัดบทไปว่า

"คนละจักรวรรดิ คนละเวลา แต่ถ้าจะว่าไปหากนับจักรวรรดิโรมันตะวันออกด้วยก็อาจจะว่าเป็นจักรวรรดิร่วมสมัยกันได้แต่คนละแห่ง เรื่องนี้ยาวมากเอาไว้มาคุยกันนอกเวลาดีกว่า ใครอยากรู้ไปต่อกันที่ห้องทำงานของผมเย็นนี้ก็แล้วกัน ตอนนี้พูดเรื่องกฎหมายโรมันต่อดีกว่า !"

เย็นนั้นจึงมีนิสิต 3 คนตามมาเอาคำตอบ เลยต้องชี้แจงจนเป็นที่พอใจกันด้วยการพูดคุยกันร่วม 2 ชั่วโมง ต้องงัดแผนที่ประวัติศาสตร์มาดูกันด้วยยกใหญ่ เสร็จแล้วผู้เขียนเห็นว่าน่าสนใจดี จึงขออนุญาตเอามาแชร์กับท่านผู้อ่านที่เคารพ คงไม่ว่ากันนะครับ

เรื่องนี้เริ่มต้นที่ราชอาณาจักรเล็กๆ ชื่อโรมันที่ตั้งอยู่บริเวณกรุงโรม ประเทศอิตาลีปัจจุบันที่เป็นราชอาณาจักร (Kingdom) ก็เพราะมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประเทศ ตามตำนานอ้างว่าราชอาณาจักรตั้งขึ้นเมื่อ 210 ปีก่อนพุทธศักราช ราชอาณาจักรโรมันมีอายุประมาณ 244 ปี จึงได้เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นสาธารณรัฐ (republic) เมื่อ พ.ศ.34 (ช่วงของการเป็นสาธารณรัฐนี่เองที่พวกนักประวัติศาสตร์ รัฐศาสตร์เอาสร้างเรื่องให้ดูหรูว่าเป็นระบอบประชาธิปไตยอุดมคติสวยงาม แต่ความจริงก็คือ ระบบอภิชนาธิปไตยนั่นเอง)

ใน พ.ศ.517 สาธารณรัฐโรมันก็เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นจักรวรรดิ (Empire) จึงต้องมีจักรพรรดิเป็นผู้เผด็จการถาวรแบบสมบูรณาญาสิทธิราช (ควรดูหนังสือ "กาลานุกรม" ของพระพรหมคุณากรณ์ (ป.อ. ปยุตโต) ประกอบด้วย)

จักรวรรดิโรมันขยายอำนาจครอบครองยุโรปส่วนใหญ่และทวีปแอฟริกาตอนเหนือกับเอเชียตะวันออกกลาง แบบว่าทะเลเมดิเตอเรเนียนคือ ทะเลของโรมันโดยแท้ รวมพื้นที่ในความครอบครองของจักรวรรดิโรมันมีประมาณ 5,900,000 ตารางกิโลเมตร (ขนาดประมาณเท่ากับเนื้อที่ของสหรัฐอเมริกาปัจจุบัน) อิทธิพลวัฒนธรรมของจักรวรรดิโรมันส่งผลต่อการพัฒนาด้านกฎหมายการปกครอง ศาสนา (คริสต์) สถาปัตยกรรมและปรัชญาของโลกมาจนถึงทุกวันนี้

เมื่อ พ.ศ.873 จักรวรรดิโรมันได้ย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่กรุงคอนแสตนติโนเปิ้ล (ปัจจุบันนี้คือ กรุงอีสตันบูล ของตุรกี) ซึ่งต่อมาจึงได้มีการแบ่งจักรวรรดิโรมันออกเป็น 2 จักรวรรดิคือ จักรวรรดิโรมันตะวันตกมีเมืองหลวงคือ กรุงโรม กับ จักรวรรดิโรมันตะวันออกมีเมืองหลวงคือ กรุงคอนแสตนติโนเปิ้ล

จักรวรรดิโรมันตะวันตกล่มสลายลงเมื่อ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ.1019 (ตอนนั้นยังไม่ได้ตั้งประเทศไทยที่กรุงสุโขทัยเลยนะครับ) ส่วนจักรวรรดิโรมันตะวันออกยังคงยืนยงอยู่ได้อีกร่วมพันปีจนถึง พ.ศ.1996 (สมัยพระบรมไตรโลกนาถ แห่งกรุงศรีอยุธยา) จึงเสียให้แก่ตุรกีไป

ครับ ! ในช่วงประมาณหนึ่งพันปีที่จักรวรรดิโรมันตะวันตกล่มสลายไปแล้วแต่ยังคงมีจักรวรรดิโรมันตะวันออกอยู่นั้น ในบริเวณที่เป็นยุโรปตะวันตกตอนกลางนั้น พวกเยอรมันที่ทำลายจักรวรรดิโรมันตะวันตกนั่นแหละได้ร่วมมือกับพระสันตะปาปาแห่งศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกตั้งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา

ยุโรปตะวันตกช่วงนั้นคือ ช่วงยุคมืดหรือยุคกลาง (Medieval period)

เมื่อตั้งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาแล้ว พวกเยอรมัน (ที่พวกโรมันแท้ๆ เรียกว่า "บาเบเรี่ยน" เนื่องจากไว้ผมและหนวดเครายาวรุงรังไม่ตัดผมโกนหนวดให้เรียบร้อยเหมือนพวกโรมัน) ก็เลยไปตั้งแง่กับจักรวรรดิโรมันตะวันออก เนื่องจากพวกนี้ไม่ยอมรับนับถือสันตะปาปาที่กรุงโรมว่าเป็นประมุขของศาสนาคริสต์ว่าเป็นพวกกรีกไม่ใช่โรมัน (พวกเยอรมันก็ไม่ใช่โรมันเหมือนกัน) เลยเรียกจักรวรรดิโรมันตะวันออกว่า ไบแซนไตน์ (Byzantine) ไปเสียเลย

จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ถูกยกเลิกโดยจักรพรรดินโปเลียนแห่งฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ.2349 (หลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองไป 39 ปี คือปลายสมัย ร.1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)

ครับ ! เรียนประวัติศาสตร์ต้องใจเย็นๆ แต่จะเลี่ยงไม่เรียนประวัติศาสตร์ไม่ได้หรอก เพราะว่าหากไม่รู้ประวัติศาสตร์แล้วไปเรียนวิชาอะไรก็ได้แค่ก็สุกๆ ดิบๆ เอาดีไม่ได้หรอก

ยิ่งถ้าไปเรียนไปรู้ประวัติศาสตร์กำมะลอผิดๆ มั่วๆ แบบ "เขาเล่าว่า" เข้าไปด้วยยิ่งเสียผู้เสียคนไปใหญ่เลยนะครับ