โชว์ส.ค.ส. - นางธิดา โตจิราการ นำกลุ่มภรรยาแกนนำนปช. พร้อมด้วยนายจตุพร พรหมพันธุ์ เข้าเยี่ยมผู้ต้องขังคนเสื้อแดงที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พร้อมโชว์ ส.ค.ส.ของ 8 แกนนำที่ติดคุก |
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 30 ธ.ค. ที่ห้องพิจารณาคดี 704 ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีบุกยึดสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายธเนศร์ คำชุม กับพวก ซึ่งเป็นกลุ่มนักรบศรีวิชัย และการ์ดพันธมิตรประชาชนเพื่อประชา ธิปไตย รวม 85 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานเป็นซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง, ร่วมกันไม่มีเหตุอันสมควรเข้าไปหรือซ่อนตัวในเคหสถาน หรือสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยมีอาวุธในเวลากลางคืน, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ หรือทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธ, ร่วมกันพาอาวุธไปในเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสม ควร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91, 92, 210, 215, 309, 358, 364, 365 และ 371 พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490, พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2545 และ พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2535
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 22-25 ส.ค. 51 จำเลยทั้ง 82 คน กับพวกอีก 3 คน ซึ่งเป็นเยาวชน ร่วมกันบุกรุกอาคารสำนักงานสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีพร้อมพกอาวุธจำนวนมาก จากนั้นจำเลยได้ร่วมกันทำลายทรัพย์สิน รวมค่าเสียหายทั้งสิ้นกว่า 6 แสนบาท ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวเป็นของทางราชการ จำเลยที่ 1 มีเครื่องรับและส่งวิทยุคมนาคม ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่จำเลยที่ 39, 80 มีใบกระท่อม ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 รวมจำนวน 18 ใบไว้ในครอบครอง ในชั้นสอบ สวน จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ในข้อหาพกพาอาวุธปืนติดตัวไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนจำเลยที่ 39 ให้การรับสารภาพ เฉพาะข้อหามีใบกระท่อมไว้ในครอบครอง แต่ภายหลังกลับให้การปฏิเสธ
พิพากษาว่าศาลพิพากษาว่าจำเลยที่ 1-41 และ 43-85 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210 วรรคแรก 365 (1) (2) (3) ประกอบมาตรา 364, 83 ขณะกระทำผิด จำเลยที่ 30, 47, 81 อายุยังไม่เกิน 20 ปี เห็นสมควรลดโทษมาตราส่วนโทษ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 จำเลยที่ 83-85 อายุต่ำกว่า 18 ปี เห็นสมควรละโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ฐานเป็นซ่องโจร จำคุกจำเลยที่ 1-29 ที่ 31-41 ที่ 43-46 ที่ 48-80 ที่ 82 จำคุกคนละ 1 ปี จำคุกจำเลยที่ 30 ที่ 47 ที่ 81 คนละ 8 เดือน สั่งจำคุกจำเลยที่ 83-85 คนละ 6 เดือน ฐานบุกรุก จำคุกจำเลยที่ 1-29, 31-41, 43-46, 48-80 และที่ 82 คนละ 1 ปี จำคุกจำเลยที่ 30, 47, 81 คนละ 8 เดือน จำคุกจำเลยที่ 83-85 คนละ 6 เดือน
จำคุกนักรบ - บรรดานักรบศรีวิชัย และการ์ดพันธมิตรฯ จำนวน 85 คน ถูกควบคุมตัว หลังศาลตัดสินจำคุกคดีบุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีหรือช่อง 11 ระหว่างการชุมนุมม็อบเสื้อเหลือง โดยศาลรอลงอาญาแค่ 6 คน เมื่อ 30 ธ.ค. |
จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 เป็นการกระทำความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพ.ร.บ.อาวุธปืน ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุก 1 ปี และความผิดพ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 มาตรา 6 และ 23 สั่งจำคุก 1 ปี
จำเลยที่ 2 มีความผิดพ.ร.บ.อาวุธปืน มาตรา 7 และ 72 วรรคสอง สั่งปรับ 1 พันบาท ส่วนจำเลยที่ 39 และ 80 มีความผิดตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง 76 วรรคสอง สั่งปรับคนละ 1 พันบาท เพิ่มโทษจำเลยที่ 24 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 รวมเป็นจำคุกกระทงละ 1 ปี 4 เดือน การกระทำของจำเลยที่ 1-41 และ 43-85 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำเลยรับข้อเท็จจริงว่าได้ร่วมกันบุกรุกอาคารสำนักงานสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยและสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ความผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืน
จำเลยที่ 1 และ 2 ให้การรับสารภาพ ความผิดตามพ.ร.บ.วิทยุคมนาคม จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพความผิดตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ จำเลยที่ 39 และ 80 ให้การรับสารภาพ ซึ่งเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี 18 เดือน และจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี 6 เดือน และสั่งปรับ 500 บาท ส่วนจำเลยที่ 3-29, 31-38, 40-41, 43-46, 48-79 และ 82 มีกำหนด 1 ปี 6 เดือน จำเลยที่ 39 และ 80 มีกำหนด 1 ปี 6 เดือน ปรับ 500 บาท จำเลยที่ 30, 47 และ 81 มีกำหนด 12 เดือน จำเลยที่ 83-85 มีกำหนด 9 เดือน จำเลยที่ 24 มีกำหนด 1 ปี 12 เดือน ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 30, 47, 81, 83, 85 ได้รับโทษจำคุกมาก่อน
ขณะกระทำความผิดจำเลยที่ 30, 47 และ 81 อายุยังไม่เกิน 20 ปี จำเลยที่ 83-85 ยังเป็นเยาวชน จึงเห็นควรให้โอกาสกลับตนเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษจำเลยดังกล่าวไว้มีกำหนด 2 ปี ให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ภายในกำหนดเวลา 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากจำเลยที่ 2 ที่ 39 และ 80 ไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29 และ 30 และให้ริบของกลางโดยให้วิทยุคมนาคมไว้ใช้ในราชการของสำนักงาน คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ข้อ หาและคำร้องอื่นให้ยก
อีกคดี เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายธงชัย รุ่งเจริญวิวัฒนา พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้องนายจอน อึ๊งภากรณ์ อายุ 60 ปี ประธานมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม กับพวกรวม 10 คน เป็นจำเลยคดีบุกเข้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2550 จนต้องงดการประชุม ศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณาเป็นคดีดำที่ อ.4383/2553 และสอบคำให้การจำเลยแล้วให้การปฏิเสธต่อสู้คดี ศาลจึงนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 28 ก.พ. 2554 เวลา 09.00 น.
เวลา 10.00 น ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ว่า วันนี้มีบรรดาคนเสื้อแดงต่างทยอยเดินทางมาเยี่ยมแกนนำที่ถูกคุมขังอยู่อย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมาก เนื่อง จากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของปีนี้ที่ทางเรือนจำจะให้เข้าเยี่ยมได้ ก่อนจะปิดทำการในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยคนเสื้อแดงได้นำส.ค.ส.มาเขียนอวยพรปีใหม่ เพื่อส่งเข้าไปให้กำลังใจกับแกนนำ โดยนางธิดา โตจิราการ พร้อมด้วยนางสิริสกุล ใสย เกื้อ ได้เดินทางเข้าเยี่ยมแกนนำตั้งแต่ช่วงเช้า พร้อมกับนำส.ค.ส. ที่ทางแกนนำให้จัดพิมพ์ขึ้นมาเพื่อแจกจ่ายให้แก่คนเสื้อแดงในช่วงปีใหม่ มาแจกให้กับผู้ที่เดินทางมาเยี่ยมแกนนำทุกคน
นางธิดายังกล่าวฝากว่า ขอสื่อสารไปถึง พี่น้องคนเสื้อแดงและประชาชนชาวไทยว่า ในปีใหม่นี้ควรจะเป็นศักราชใหม่ ขอนำคำพูดที่ นายณัฐวุฒิได้กล่าวฝากมาว่า หวังว่าปีใหม่นี้เป็นปีที่ความยุติธรรมจะเกิดขึ้นในประเทศนี้ ในส่วนของตนอยากจะฝากไปถึงทุกส่วนว่า ขอให้ช่วยกันทำให้ความจริงปรากฏขึ้นมา ขอให้มีความยุติธรรมเกิดขึ้นในแผ่นดินนี้ อย่าพยายามให้มีอุปสรรคขัดขวาง เพราะถ้าแผ่นดินนี้ไม่มีความจริงและความยุติธรรม แผ่นดินนี้จะอยู่ปกติสุขไม่ได้เลย
"สำหรับคนเสื้อแดงก็อยากให้ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์แม้จะมีความเสียใจเจ็บแค้นอย่างมากก็ตาม ขอให้อดทน ใช้เหตุผลในการจะอธิบายให้คนที่ไม่ใช่เสื้อแดงเข้าใจว่า การต่อสู้ของคนเสื้อแดงมีความชอบธรรมอย่างไร ฉะนั้นแม้เป้าหมายเราจะสูงส่งและดี วิธีการก็จะต้องถูกต้องด้วย ถ้าวิธีการเราไม่ถูกต้อง ก็จะทำให้ความชอบธรรมเราหมดไป จึงขอให้มีความอดทนและทำความชอบธรรมนี้ให้ถึงที่สุด ตอนนี้สังคมไทยและสังคมโลกเข้าใจเรามากขึ้นทุกวัน จึงขอความอดทนของพี่น้องและขอให้เคลื่อน ไหวอย่างมีเหตุผล เพราะว่าความจริงสำคัญและมีพลานุภาพมากกว่าการใช้อาวุธ และใช้ความรุนแรง" นางธิดากล่าว
ต่อมาเวลา 13.00 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ เดินทางมาที่เรือนจำพิเศษเพื่อเข้าเยี่ยมแกนนำอีกครั้งพร้อมกับนางธิดาและนางสิริสกุล โดยนายจตุพรกล่าวว่า วันนี้มาเยี่ยมเพื่อนๆ โดยวันนี้เป็นวันสุดท้ายของปีนี้ที่เปิดให้เยี่ยม ความจริงก็อยากจะเข้าไปอยู่ด้วยเหมือนกัน เพราะเพื่อนๆติดมา 7 เดือน ตนเคยอยู่ในเรือนจำเข้าใจความรู้สึกดี ตอนนี้ยังไม่เห็นความจริงใจใดๆ ออกมาที่จะปล่อยตัวเพื่อนๆ
นายจตุพรกล่าวต่อว่า ในเรื่องคำวินิจฉัยตอนนี้ทางทีมทนาย กำลังดูอยู่ว่าจะขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่เบื้องต้นศาลห้ามชุมนุมทางการเมือง 5 คน และห้ามพูดเรื่องคดีความ แต่พรรคประชาธิปัตย์กลับบอกว่า ตนห้ามพูดเรื่องการเมือง จึงเป็นคนละเรื่องกัน เรื่องคดีเรื่องการชุมนุมทางการเมืองก็จะยื่นอุทธรณ์ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับที่จะไปปราศรัยกับพรรคเพื่อไทย หรือที่ไปจัดรายการวิทยุตนก็ทำได้ เพราะการห้ามการชุมนุมเกิน 5 คน เป็นอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งได้ถูกยกเลิกไปแล้ว
"แต่คนพรรคประชาธิปัตย์กลับมีอาการร่าเริง นายสุเทพบอกว่าผมคงอึดอัด ขอบอกว่าไม่มีใครโชคดีไปกว่าพรรคประชาธิปัตย์อีกแล้ว ชอบชกกับคนถูกมัดมือมัดเท้า แต่ก็ไม่เคยชนะซักครั้งเดียว ในส่วนของนายเทพไทจะฟ้องเป็นคดีที่ 3 ที่เมื่อวานออกมาให้สัมภาษณ์หมิ่น ประมาทผมอีก ฝากบอกนายสุเทพว่า แม้ศาลจะห้ามพูดเรื่องนี้ ก็พูดเรื่องอื่นๆ ได้อีก" นายจตุพรกล่าว
นายจตุพรกล่าวด้วยว่า ปีใหม่นี้จะขอพรจากพระแก้วมรกตและพระสยามเทวาธิราช ให้คนที่เผาบ้านเผาเมืองตัวจริง คนที่ฆ่าประชาชนตัวจริง ให้ได้รับโทษทัณฑ์ และคนบริสุทธิ์ได้รับการปล่อยตัวออกมา คิดว่าดีเอสไอคงไม่ถอนประกันตนเรื่องขอพรจากพระแก้วมรกต และยืนยันว่าจะใช้สิทธิ์ความเป็นมนุษย์ของตนต่อไป