ความเชื่อแบบเก่าคือความเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของกษั
ตริย์และผู้นำอื่นๆ หรือความเชื่อที่ไม่เป็นวิท
ยาศาสตร์ ดังนั้นการเสื่อมสลายของควา
มคิดประเภทนี้ในยุคสมัยใหม่
หมายความว่าการสร้างชาติไม่
สามารถยึดถือการกลับไปสู่สั
งคมเก่าดั้งเดิมเป็นเป้าหมา
ยได้ สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสื่อ
มในความเชื่อเก่าๆในเอเชียต
ะวันออกเฉียงใต้ คือการทำลายหรือลดบทบาทของส
ถาบันกษัตริย์ในหลายประเทศโ
ดยตะวันตก เช่นในพม่า มาลายู หรือ ชวา ในกรณีเขมร เวียดนาม และลาว ฝรั่งเศสใช้กษัตริย์เป็นเครื่องมือจนประชาชนหมดศรัทธาใ
นการเป็นผู้นำการปลดแอกได้ และในช่วงแรกๆหลังเอกราช เราจะเห็นว่าเจ้าสีหนุ ต้องถึงกับลาออกจากการเป็นก
ษัตริย์เขมรเพื่อมีบทบาททาง
การเมืองอย่างจริงจัง
หลังการเจรจาสันติภาพ ระหว่างเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศ
สกับขบวนการปลดแอกเวียดนาม ที่เจนีวาในปี ค.ศ. 1954 ซึ่งเป็นผลมาจากชัยชนะของขบ
วนการเวียดมินห์ในการต่อสู้
กับฝรั่งเศสที่เดียนเบียนฟู เจ้าสีหนุขึ้นมาเป็นนายกรัฐ
มนตรีกึ่งเผด็จการและตั้ง “พรรคสังคม” ขึ้นมาเพื่อเป็นฐานอำนาจ โดยมีการอ้างว่าจะใช้แนว “สังคมนิยมพุทธ” ที่สืบทอดความคิดมาจากนครวั
ด แต่ในรูปธรรมไม่มีการใช้แนว
สังคมนิยมหรือแนวพุทธในการบ
ริหารประเทศสักเท่าไร
สีหนุพยายามใช้นโยบายเป็นกล
างไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในสงครามเย็น และโดยเฉพาะในสงครามเวียดนา
ม นโยบายนี้เป็นประโยชน์กับขบ
วนการคอมมิวนิสต์เวียดนามเพ
ราะเป็นการกีดกันไม่ให้สหรั
ฐเข้ามามีอิทธิพลในเขมร และเปิดโอกาสให้ขบวนการชาติ
นิยมเวียดนามลำเลียงเสบียงจ
ากเวียดนามเหนือลงมาให้ขบวน
การปลดแอกชาติในเวียดนามใต้
ผ่านเส้นทางโฮจิมินห์ โดยที่สีหนุทำเป็นไม่รู้ไม่
เห็น
จุดยืนของสีหนุบวกกับความอ่
อนแอของพรรคคอมมิวนิสต์เขมร
มีผลให้พรรคคอมมิวนิสต์เวีย
ดนามให้ความสำคัญกับการสร้า
งแนวร่วมกับสีหนุมากกว่าการ
สนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์เขม
ร ยิ่งกว่านั้นพรรคเวียดนามพย
ายามยับยั้งการต่อสู้ของพรร
คเขมรกับสีหนุเพื่อเอาใจสีห
นุ ซึ่งเป็นนโยบายคล้ายคลึงกับ
นโยบายของสตาลินต่อพรรคคอมม
ิวนิสต์จีนในปี ค.ศ. 1926 หรือนโยบายต่อกรณีสเปนในปี ค.ศ. 1936
สีหนุปกครองในรูปแบบเผด็จกา
ร มีการโกงการเลือกตั้งและคุก
คามฝ่ายค้าน การจำกัดพื้นที่ประชาธิปไตย
แบบนี้ส่งผลให้ฝ่ายซ้ายเขมร
หนีเข้าป่าในปี ค.ศ. 1962 และร่วมสู้รบกับเวียดมินห์
ในปี ค.ศ. 1960 สล็อท ซาร์ หรือที่ใครๆรู้จักในภายหลัง
ในนามของ “พอล พต” รวมถึงผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์
เขมรอื่นๆ ประกาศแถลงการณ์ที่เจาะจงว่
าภาระหลักของพรรคคือการต่อสู้กับระบบศักดินาเพื่อปลดแอ
กประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นการโจมตีเจ้า
สีหนุโดยตรง แถลงการณ์นี้สะท้อนความไม่พ
อใจของคอมมิวนิสต์เขมรต่อนโ
ยบายพรรคเวียดนามที่คอยยับยั้งการต่อสู้ของชาวคอมมิวนิ
สต์เขมรมาตลอด อย่างไรก็ตามพรรคเขมรยังต้อ
งเข้าไปอาศัยพื้นที่ชายแดนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพร
รคเวียดนาม เพื่อความปลอดภัย ด้วยเหตุนี้ สล็อท ซาร์ จึงเดินทางไปผูกมิตรไมตรีกั
บจีน
ระหว่างปี ค.ศ. 1965-1966 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดการปฏิวัติวัฒนธรรมในจีน
หลังจากที่กลับจากจีน สล็อด ซาร์ ย้ายที่ทำการพรรค
จากดินแดนภายใต้การดูแลของท
หารคอมมิวนิสต์เวียดนามทางใ
ต้ไปสู่ป่าเขาของเขตรัตนคีรีซึ่งติดพรมแดนลาวและเวียดน
ามทางตะวันออกเฉียงเหนือของ
เขมร
ในปี ค.ศ. 1970 สหรัฐหนุนการทำรัฐประหารล้ม
เจ้าสีหนุและส่งกองทัพและเค
รื่องบินรบเข้าไปทิ้งระเบิด
ในเขมร ซึ่งเป็นการขยายสงครามเวียด
นามเข้าไปในดินแดนเขมร ประธานาธิปดีนิคสันพยายามจั
ดการกับสายส่งเสบียงของเวีย
ดนามเหนือที่ผ่านลาวและเขมร
(เส้นทางโฮจิมินห์) สหรัฐสนับสนุนการทำรัฐประหา
รของนายพลลอนนอล เพื่อล้มรัฐบาลที่เป็นกลางข
องเจ้าสีหนุ หลังจากนั้นรัฐบาลฝ่ายขวาให
ม่ของลอนนอลก็ “เชิญ” กองทัพสหรัฐให้บุกเข้าไปในเ
ขมรและทิ้งระเบิดประเทศอย่า
งหนัก งบประมาณที่สหรัฐช่วยเหลือล
อนนอลสูงถึง 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี ค.ศ. 1971 นอกจากนี้สหรัฐยังขยายพื้นที่สงครามไปสู่ประเทศลาวและมีการส่งกองกำลังทหารเวียดนา
มใต้เข้าไปในลาวอีกด้วย ในที่สุดลาวก็ได้ขึ้นชื่อว่
าเป็นประเทศที่ถูกถล่มด้วยระเบิดมากที่สุดในประวัติศาส
ตร์โลก
การกระทำของสหรัฐมีผลให้พรร
คคอมมิวนิสต์เขมรขึ้นมาเป็น
องค์กรนำของขบวนการชาตินิยม
เขมร และยังปูทางไปสู่นโยบายของ “เขมรแดง” อีกด้วย หลังจากที่เขมรแดงยึดอำนาจไ
ด้ ก็เชิญเจ้าสีหนุมาเป็น “ประมุข” แต่ในไม่ช้าก็ทะเลาะกันและแ
ยกทาง ต่อมาสีหนุได้ขึ้นมาเป็นกษั
ตริย์อีกครั้งหลังจากที่ฮุน
เซนและกองทัพเวียดนามขับไล่
เขมรแดงออกไป
สรุปแล้วสีหนุเป็นนักฉวยโอก
าสชั้นยอดที่ใช้ความฉลาดในก
ารมีบทบาททางการเมืองในเขมร
เป็นเวลานาน แต่เขาไม่เคยทำอะไรเพื่อพัฒ
นาประชาธิปไตยและความอยู่ดี
เป็นสุขของชาวเขมรแต่อย่างใ
ด