ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Sunday, 7 October 2012

3 รอบ 6 ตุลา 19 ...เผด็จการ Never Die

ที่มา Voice TV



Back Story ประจำวันที่ 6 ตุลาคม 2555       
 
 
ภาพที่โหดร้ายเหล่านั้น แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าเป็นภาพที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของคนไทยด้วยกัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วยากที่จะลบเลือนไปจากความทรงจำ แม้จะมีหลายคนไม่อยากจำก็ตาม วันนี้ถือว่าเป็นวันครบ 3 รอบ 36 ปี 6 ตุลา 2519 Back Story ในวันนี้ เลยย้อนไปถึงการต่อสู้ของพลังประชาชนที่ยังต้องเผชิญหน้ากับอำนาจเผด็จการ อย่างไม่สิ้นสุด 
 
 
เหตุการณ์ 6 ตุลาคม2519 ด้วยวันเวลาที่ล่วงเลยมาถึง 36 ปี ผ่านมาวันนี้จึงถือว่าเป็นวัยผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว  แต่เหตุการณ์ดังกล่าว กลับไม่ทำให้สังคมประชาธิปไตยเติบใหญ่ไปด้วย เนื่องจากการรัฐประหาร 6 ตุลา 2519 แม้พลังนักศึกษาวัยหนุ่มสาว จะออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยบนความถูกต้องโดยไม่ยอมก้มหัวให้กับอำนาจเผด็จ การ แต่การที่จะต้องเผชิญหน้ากับอำนาจเผด็จการก็ยังไม่หมดไป 
 
 
เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 สิ่งที่ปรากฏเป็นรอยด่างกลายเป็นภาพของการสังหารหมู่กลางพระนคร หน้าพระบรมมหาราชวัง และพระอารามหลวงรวมทั้งการกระหน่ำยิงนักศึกษาที่มีเพียงมือเปล่าอยู่ในรั้ว ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมืองเหตุการณ์ในวันนั้น ถูกถ่ายทอดออกโทรทัศน์ช่อง 9 อีกด้วย
 
 
เหยื่อของความป่าเถื่อน บางส่วนถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม บางรายก็ถูกจับเข้าคุกและในเวลาต่อมาเหล่าปัญญาชนนักสู้ต้องเปลี่ยนจากจับ ตำรา ไปเข้าป่าประคองปืนสังกัดพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเป็นการเตลิดทั้งที่ ไม่อยากเลือกเดินในแนวทางดังกล่าว ส่วนผู้ที่ก่ออาชญากรรมก็ได้รับการขอบคุณยกย่องจากบุคคลระดับสูงของสังคมไทย
 
 
ผลของเหตุการณ์ในวันที่ 6 ตุลาคม 2519  คณะทหารประกาศยึดอำนาจ ทางการแถลงว่า ในวันนั้นมีผู้เสียชีวิตประมาณ 40 คน บาดเจ็บเป็นร้อย และถูกจับกุมไปราว 3 พันคนแต่ก็เชื่อกันว่าจำนวนผู้เสียชีวิตบาดเจ็บรวมทั้งสูญหายน่าจะสูงกว่า ที่ทางการแถลง กล่าวโดยย่อ 6 ตุลาคม 2519 ก็คือวันที่มีการรัฐประหารนำการเมืองไทยกลับไปสู่การปกครองโดยคณะทหารอีก ครั้งหนึ่งโดยมีนายกรัฐมนตรีมาจากข้าราชการตุลาการนั่นเองซึ่งคล้ายกับการ ผงาดของกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ในการรัฐประหาร 2549
 
 
อย่างไรก็ดี แทบไม่น่าเชื่อว่าภาพความรุนแรงและกลเกมแห่งอำนาจจะหวนกลับมาหลอกหลอนผู้คน ในสังคมไทยอีกครั้งเมื่อเหตุการณ์กระชับพื้นที่ในปี 2553ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เป็นผู้ตัดสินใจเลือกในแนวทางการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมจนนำมาซึ่ง ความสูญเสียซ้ำรอยประวัติศาสตร์
 
 
อีกทั้งภาพความทรงจำของคนเดือนตุลาคง ถูกกระตุ้นตื่นอีกครั้งด้วยชุดความคิดยัดเยียดสิ่งชั่วร้ายให้กับผู้ชุมนุม ไม่ว่าจะเป็น นักศึกษาคอมมิวนิสต์ ที่กลับมาในรูปการปรักปรำการเคลื่อนไหวของประชาชนเป็นเรื่องของขบวนการก่อ การร้าย การมีกองกำลังติดอาวุธของกองทัพปลดแอกที่ยุคปัจจุบันถูกเปรียบให้เป็น ขบวนการชายชุดดำ มีสื่อสุมไฟ อย่างหนังสือพิมพ์ดาวสยาม หรือการใช้วิทยุยานเกราะเพื่อปลุกระดม เทียบเคียงได้กับการมีสื่อการเมืองเพื่อกล่อมผู้คนในปัจจุบัน
 
 
แต่ที่ไม่เปลี่ยนแปลงไป คือ อำนาจเผด็จการทหารที่ยังคงฝังรากลึกอย่างยาวนาน ผ่านเหตุการณ์ทั้ง 6ตุลาคม 2519 , พฤษภาทมิฬ 2535 หรือแม้กระทั่ง 19 กันยายน 2549
 
 
ที่สำคัญทุกครั้งแห่งประวัติศาสตร์ความสูญ เสียไม่เคยเลยที่จะมีการนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้จริงทุกอย่างยังคงเป็น เพียงแค่การดำเนินการบางอย่าง เพื่อลดแรงกดดัน และทำให้สังคมลืมเลือนไปเองเท่านั้นแม้ว่าเหตุการณ์ความรุนแรงในปี 2553 ต่อมาจะมี รายงานการค้นหาความจริงเหตุการณ์รุนแรงทางการเมือง และข้อเสนอเพื่อการปรองดองฉบับสมบูรณ์ของ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติหรือ คอป. ออกมา แต่ด็มุ่งไปเรื่องเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันหาความจริงให้ได้และแสดงความ ห่วงใยต่อปัญหาที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่เหมือนกับเหตุการณ์ในอดีตทุกครั้งก็คือ ยังหาคนรับผิดชอบความสูญเสียไม่ได้นั่นเอง
6 ตุลาคม 2555 เวลา 18:06 น.