Back Story ประจำวันที่ 6 ตุลาคม 2555
ภาพที่โหดร้ายเหล่านั้น
แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าเป็นภาพที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของคนไทยด้วยกัน
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วยากที่จะลบเลือนไปจากความทรงจำ
แม้จะมีหลายคนไม่อยากจำก็ตาม วันนี้ถือว่าเป็นวันครบ 3 รอบ 36 ปี 6 ตุลา
2519 Back Story ในวันนี้
เลยย้อนไปถึงการต่อสู้ของพลังประชาชนที่ยังต้องเผชิญหน้ากับอำนาจเผด็จการ
อย่างไม่สิ้นสุด
เหตุการณ์ 6 ตุลาคม2519
ด้วยวันเวลาที่ล่วงเลยมาถึง 36 ปี
ผ่านมาวันนี้จึงถือว่าเป็นวัยผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว แต่เหตุการณ์ดังกล่าว
กลับไม่ทำให้สังคมประชาธิปไตยเติบใหญ่ไปด้วย เนื่องจากการรัฐประหาร 6 ตุลา
2519 แม้พลังนักศึกษาวัยหนุ่มสาว
จะออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยบนความถูกต้องโดยไม่ยอมก้มหัวให้กับอำนาจเผด็จ
การ แต่การที่จะต้องเผชิญหน้ากับอำนาจเผด็จการก็ยังไม่หมดไป
เหตุการณ์ 6 ตุลา 19
สิ่งที่ปรากฏเป็นรอยด่างกลายเป็นภาพของการสังหารหมู่กลางพระนคร
หน้าพระบรมมหาราชวัง
และพระอารามหลวงรวมทั้งการกระหน่ำยิงนักศึกษาที่มีเพียงมือเปล่าอยู่ในรั้ว
ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมืองเหตุการณ์ในวันนั้น
ถูกถ่ายทอดออกโทรทัศน์ช่อง 9 อีกด้วย
เหยื่อของความป่าเถื่อน
บางส่วนถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม
บางรายก็ถูกจับเข้าคุกและในเวลาต่อมาเหล่าปัญญาชนนักสู้ต้องเปลี่ยนจากจับ
ตำรา
ไปเข้าป่าประคองปืนสังกัดพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเป็นการเตลิดทั้งที่
ไม่อยากเลือกเดินในแนวทางดังกล่าว
ส่วนผู้ที่ก่ออาชญากรรมก็ได้รับการขอบคุณยกย่องจากบุคคลระดับสูงของสังคมไทย
ผลของเหตุการณ์ในวันที่ 6 ตุลาคม 2519
คณะทหารประกาศยึดอำนาจ ทางการแถลงว่า ในวันนั้นมีผู้เสียชีวิตประมาณ 40 คน
บาดเจ็บเป็นร้อย และถูกจับกุมไปราว 3
พันคนแต่ก็เชื่อกันว่าจำนวนผู้เสียชีวิตบาดเจ็บรวมทั้งสูญหายน่าจะสูงกว่า
ที่ทางการแถลง กล่าวโดยย่อ 6 ตุลาคม 2519
ก็คือวันที่มีการรัฐประหารนำการเมืองไทยกลับไปสู่การปกครองโดยคณะทหารอีก
ครั้งหนึ่งโดยมีนายกรัฐมนตรีมาจากข้าราชการตุลาการนั่นเองซึ่งคล้ายกับการ
ผงาดของกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ในการรัฐประหาร 2549
อย่างไรก็ดี
แทบไม่น่าเชื่อว่าภาพความรุนแรงและกลเกมแห่งอำนาจจะหวนกลับมาหลอกหลอนผู้คน
ในสังคมไทยอีกครั้งเมื่อเหตุการณ์กระชับพื้นที่ในปี
2553ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ที่เป็นผู้ตัดสินใจเลือกในแนวทางการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมจนนำมาซึ่ง
ความสูญเสียซ้ำรอยประวัติศาสตร์
อีกทั้งภาพความทรงจำของคนเดือนตุลาคง
ถูกกระตุ้นตื่นอีกครั้งด้วยชุดความคิดยัดเยียดสิ่งชั่วร้ายให้กับผู้ชุมนุม
ไม่ว่าจะเป็น นักศึกษาคอมมิวนิสต์
ที่กลับมาในรูปการปรักปรำการเคลื่อนไหวของประชาชนเป็นเรื่องของขบวนการก่อ
การร้าย
การมีกองกำลังติดอาวุธของกองทัพปลดแอกที่ยุคปัจจุบันถูกเปรียบให้เป็น
ขบวนการชายชุดดำ มีสื่อสุมไฟ อย่างหนังสือพิมพ์ดาวสยาม
หรือการใช้วิทยุยานเกราะเพื่อปลุกระดม
เทียบเคียงได้กับการมีสื่อการเมืองเพื่อกล่อมผู้คนในปัจจุบัน
แต่ที่ไม่เปลี่ยนแปลงไป คือ
อำนาจเผด็จการทหารที่ยังคงฝังรากลึกอย่างยาวนาน ผ่านเหตุการณ์ทั้ง 6ตุลาคม
2519 , พฤษภาทมิฬ 2535 หรือแม้กระทั่ง 19 กันยายน 2549
ที่สำคัญทุกครั้งแห่งประวัติศาสตร์ความสูญ
เสียไม่เคยเลยที่จะมีการนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้จริงทุกอย่างยังคงเป็น
เพียงแค่การดำเนินการบางอย่าง เพื่อลดแรงกดดัน
และทำให้สังคมลืมเลือนไปเองเท่านั้นแม้ว่าเหตุการณ์ความรุนแรงในปี 2553
ต่อมาจะมี รายงานการค้นหาความจริงเหตุการณ์รุนแรงทางการเมือง
และข้อเสนอเพื่อการปรองดองฉบับสมบูรณ์ของ
คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติหรือ คอป.
ออกมา
แต่ด็มุ่งไปเรื่องเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันหาความจริงให้ได้และแสดงความ
ห่วงใยต่อปัญหาที่เกิดขึ้น
แต่สิ่งที่เหมือนกับเหตุการณ์ในอดีตทุกครั้งก็คือ
ยังหาคนรับผิดชอบความสูญเสียไม่ได้นั่นเอง
by
pakornr
6 ตุลาคม 2555 เวลา 18:06 น.