ที่มา ประชาไท
Tue, 2012-08-07 22:54
ข่าวการบังคับไล่ที่ชาวบ้าน
เป็นข่าวที่พบเห็นได้ในหนังสือพิมพ์หลายๆ ฉบับในกันพูชา
ใครที่เคยมากรุงพนมเปญเมื่อสักกยี่สิบปีก่อน หากได้กลับอีกคราคงจะจำไม่ได้
ด้วยตึกรามบ้านช่องขึ้นจนแน่นขนัด พื้นที่ว่างเปล่าแทบไม่เหลือให้เห็น
จะว่าไปแล้ว
หากพิจารณาจากประวัติศาสตร์ที่เคยมีการอพยพผู้คนออกไปใช้แรงงานในยุคเขมรแดง
เรืองอำนาจ จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิตของประชาการหลายล้านคน
รวมไปถึงสงครามกลางเมืองอันเป็นการสู้รบระหว่างเขมรแดงและเจ้าสีหนุฝ่าย
หนึ่ง กับฝ่ายรัฐบาลที่สนับสนุนโดยเวียดนามที่พึ่งยุติลงในช่วงต้นทศวรรษที่
90 กัมพูชาถือว่าพัฒนาประเทศได้รวดเร็วเลยทีเดียว
กรุงพนมเปญในวันนี้ ท้องถนนสว่างไสว มีธุรกิจและร้านค้าต่างๆ
กระจายอยู่ทั่วไป ด้วยอัตราค่าจ้างแรงงานที่ต่ำ
กัมพูชาจึงเป็นเสมือนแม่เหล็กดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ
โดยเฉพาะจากเวียดนามและจีน
โดยเฉพาะจีนซึ่งเป็นประเทศที่ให้เงินสนับสนุนแก่รัฐบาลกัมพูชามากที่สุด
การเข้ามาของนักลงทุนต่างชาติ
ทำให้กรุงพนมเปญที่มีขนาดเล็กอยู่แล้วคับแคบลงในพริบตา
เมื่อการขยายตัวของเมืองมาถึงขีดจำกัด
ทางเลือกที่ทางการกัมพูชาเลือกใช้ก็คือ การบังคับไล่ที่ ”เพื่อการพัฒนา”
ในอดีต ใจกลางกรุงพนมเปญมีทะเลสาบที่เรียกว่า บองกัก
ซึ่งทะเลสาบแห่งนี้มีชุมชนชาวบ้านที่มีวิถีชีวิตผูกพันกับน้ำอาศัยอยู่นับ
พันครัวเรือน ต่อมาเมื่อการพัฒนากลืนกินพื้นที่ว่างไปหมด
ก็มาถึงคราวของพื้นน้ำ
รัฐบาลกัมพูชาตัดสินใจให้สัมปทานแก่บรรษัทเอกชนเข้าทำการถมทะเลสาบเพื่อจะ
ได้นำที่ดินมาใช้ในการพัฒนา
ซึ่งส่งผลให้ชาวบ้านหลายพันครัวเรือนต้องถูกไล่ที่ ซึ่งการไล่ที่
ไม่ได้หมายถึงการสูญเสียบ้านแต่เพียงอย่างเดียว
มันยังหมายถึงการสูญเสียวิถีชิวิตและอัตลักษณ์ไปด้วย
การบังคับไล่ที่อาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในเมืองไทย
เนื่องจากมันไม่ได้เกิดขึ้นใจกลางกรุง
รวมทั้งยังไม่มีภาพชาวบ้านที่ถูกไล่ที่ชุมนุมประท้วงโดยสันติเพื่อยืนยัน
สิทธิของเขาก่อนโดนไล่ตีหัวร้างข้างแตกแบบที่ปรากฏในกัมพูชา
ทว่าประเทศไทยก็ใช่ว่าจะปราศจากซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้
การสร้างเขื่อนรวมไปถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแห่งรัฐอื่นๆ เช่นถนน
และทางด่วน
ก็ก่อให้เกิดคำถามทั้งเรื่องการไล่ที่และสูญเสียวิถีชีวิตได้เช่นกัน
จริงอยู่การ ”พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเป็นสิ่งจำเป็นต่อรัฐและประชากรโดยรวม
(คำถามที่ว่า ใครคือประชากรโดยรวมทั้งหมด ยังเป็นคำถามที่จำเป็นต้องตอบแต่ ณ
ที่นี้จะขอแขวนไว้ก่อน) ทว่ารัฐเองก็จำเป็นจะต้องตอบคำถามให้ได้ว่า
จะประกันความยุติธรรมแก่ผู้ถูกย้ายที่อย่างไร
การบังคับเอาที่ หรือที่เรียกกันแบบน่ารักๆ ว่า การเวรคืนที่ดินนั้น
เป็นสิ่งที่ทำกันอยู่ทั่วไปในหลายๆ ประเทศ
การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ นั้น
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีการเรียกคืนที่ดิน เพราะหลายต่อหลายครั้ง
การสร้างโครงสร้างพื้นฐานก็ต้องทำในพื้นที่ที่มีผู้อาศัยอยู่แล้ว
หากไม่มีการเวนคืนที่ดิน โครงการพัฒนาก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้
ซึ่งในบางโครงการก็คงก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ได้ก่อให้เกิดความเจริญและการพัฒนา
อย่างไรก็ดีหากจะมีการเวนคืนที่ดิน
คำถามอย่างน้อยสองข้อที่ควรจะต้องตอบให้ได้เสียก่อนก็คือ หนึ่ง
โครงการพัฒนานั้นเป็นประโยชน์ต่อใคร และสอง
หากอ้างหลักประชาธิปไตยที่ต้องรักษาผลประโยชน์เพื่อคนส่วนมาก
(การพัฒนา)แล้วคนส่วนน้อยที่ถูกบังคับให้เป็นผู้เสียสละย้ายที่
รัฐมีมาตรการดูแลพวกเขาเหล่านั้นเช่นไร
นี่ยังไม่นับรวมไปถึงคำถามด้านสิ่งแวดล้อมที่ว่า
ผลได้จากการพัฒนาและราคาที่ต้องจ่ายในแง่ความเสียหายของระบบนิเวศน์
สิ่งแวดล้อมในระยะยาวนั้นมันคุ้มกันไหม
ในกรณีกันพูชานั้น คำตอบของคำถามทั้งสองข้อ ดูจะไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ
ประการแรกที่ว่า การพัฒนานั้นเป็นผลประโยชน์ต่อใคร
ในกรณีของการบังคับย้ายที่ชุมชนทะเลสาบบองกักนั้น เห็นได้ชัดว่า
เป็นประโยน์ต่อนายทุนโดยแท้ เนื่องจากเป็นการสัมปทานที่ดินให้แก่เอกชน
มิใช่ถมเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแห่งรัฐ
รัฐอาจอ้างว่าการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจจะส่งผลดีต่อประเทศโดยรวม
หากแต่เมื่อพิจารณาโดยใกล้ชิดแล้วก็จะเห็นได้ว่า มันเป็นเพียงข้ออ้าง
เพราะแท้ที่จริงแล้ว
ผลประโยชน์ทางธุรกิจในกัมพูชาก็กระจุกตัวอยู่แต่ในหมู่นายทุนและผู้นำระดับ
สูงในพรรครัฐบาลเท่านั้น จริงอยู่การขยายตัวของภาคธุรกิจ
อาจก่อให้เกิดการจ้างงานและรายได้
แต่เมื่อพิจารณาถึงค่าจ้างแรงงานที่ต่ำในกัมพูชาแล้วการจ้างงานที่เกิดขึ้น
ก็เป็นแต่เพียงการขยายตัวของการสะสมทุนและขูดรีดแรงงานโดยที่ผลประโยชน์ทาง
ธุรกิจไม่ได้ตกถึงมือและท้องของผู้ใช้แรงงานแม้แต่น้อย
ในส่วนของคำถามที่ว่า รัฐมีการดูแลผู้ที่ต้อง ”เสียสละ”
ย้ายที่ออกไปมากน้อยหรือไม่อย่างไรนั้น ในกรณีชุมชนบองกัก
สิ่งที่ชาวบ้านได้รับจากรัฐบาล ไม่ใช่การจ่ายเงินชดเชย
หากแต่เป็นความแห้งแล้งและความรุนแรง
ชาวบ้านส่วนหนึ่งถูกย้ายไปอยู่ใกล้ๆ กับเมืองพนมอุดง
เมืองหลวงเก่าของกัมพูชา ซึ่งปัจจุบันเป็นเพียงพื้นที่แห้งแล้ง
ลองจินตนาการดูว่า คนที่เคยอาศัยทำมาหากินกับน้ำ
เมื่อต้องมาอยู่ในพื้นที่แห้งแล้ง พวกเขาจะทำอย่างไร
จริงอยู่ชาวบ้านบางส่วนที่ยอมย้ายแต่โดยดี อาจได้รับค่าตอบแทนบ้าง
แต่มันคงเป็นเงินจำนวนไม่มากนัก และเมื่อเทียบกับวิถีชีวิตที่สูญเสียไป
ค่าชดเชยนั้นคงเป็นได้แค่เศษกระดาษที่ช่วยให้พอประทังชีวิตได้ไปอีกไม่กี่
มื้อ ส่วนชาวบ้านที่รวมตัวกันคัดค้านการย้ายที่โดยสันติก็ได้รับแจกท็อปบูท
ลูกกระสุนและทัวร์ห้องกรงจากทางรัฐไปตามระเบียบ
กรณีการบังคับไล่ที่ในกัมพูชาอาจจะดุเดือดรุนแรงเกินไปหากจะนำมาเปรียบ
เทียบกับการเวนคืนที่ดินเพื่อการพัฒนาในเมืองไทย
แต่มันก็เกิดคำถามหลายข้อที่ทำให้เราต้องฉุกคิดและตอบคำถามเหล่านั้น
คำถามแรก เกี่ยวกับผู้ได้รับผลประโยชน์จากการพัฒนา แน่นอน
โครงการเขื่อนหรือโครงการถนนบางโครงการอาจดูเป็นโครงการที่เป็นสาธารณะ
ประโยชน์มากกว่าการไล่ที่ทะเลสาบบองกัก ซึ่งแน่นอนว่า
เป็นผลประโยชน์ของกลุ่มทุน
แต่หากพิจารณาให้ลึกผลประโยชน์ที่ดูเป็นสาธารณะในเมืองไทยแท้จริงแล้วก็
กระจุกตัว โดยเฉพาะโครงการเขื่อนที่ไม่ว่าจะผลิตไฟฟ้าหรือป้องกันน้ำท่วม
ก็ดูจะเป็นประโยชน์ที่เป็นคนเมือง ในขณะที่บางครั้งคนที่เสียสละ
ถูกไล่ที่เพื่อการสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้ากลับเข้าถึงไฟฟ้าได้ยากลำบาก
ในส่วนของคำถามที่ว่า เมื่อย้ายที่แล้ว
มีการดูแลผู้ถูกย้ายที่มากน้อยแค่ไหน
ในประเทศไทยอาจมีการชดเชยที่ดูดีกว่าในกัมพูชา แต่ว่าในระยะยาว
รัฐไทยก็คงไม่สามารถตอบโจทย์เรื่องการสูญเสียวิถีชีวิตและอัตลักษณ์ได้ดีไป
กว่าทางการกัมพูชาเสียเท่าไหร่
แน่นอนว่า
ในอนาคตรัฐไทยก็คงจะผุดโครงการที่ทำให้คนบางกลุ่มต้องถูกบังคับย้ายที่เพื่อ
แลกกับการพัฒนาขึ้นมาอีก คงปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกๆ โครงการพัฒนา
มีราคาที่จะต้องจ่ายไป
ซึ่งก็คือวิถีชีวิตและอัตลักษณ์ของคนบางกลุ่มซึ่งมักจะเป็นกลุ่มคนชายขอบ
(ไม่ได้หมายถึงเฉพาะคนชนบทที่ห่างไกลจากศูนย์กลางความเจริญ
แต่รวมถึงกลุ่มคนชั้นล่างที่ไร้อำนาจ เช่น
กลุ่มคนจนเมืองที่อาศัยในเขตชุมชนแออัด
ซึ่งอาจถูกไล่ที่เพื่อการสร้างทางด่วนด้วย)
นอกจากนี้ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่ไม่ได้ถูกพิจารณารวมในบทความนี้ก็เป็น
ราคาที่ต้องจ่ายไป
บทความชิ้นนี้ไม่ได้เขียนขึ้นเพื่อต่อต้านการพัฒนาดังกล่าว
เพราะคงเป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริงที่จะยุติโครงการพัฒนาทั้งหลาย
แต่บทความชิ้นนี้ อยากจะเสนอว่า
ก่อนลงมือทำการเวนคืนหรือไล่ที่ชาวบ้านเพื่อการพัฒนา
รัฐควรทำการศึกษาอย่างจริงจังเสียก่อนว่า
การพัฒนาเหล่านั้นจะยังประโยชน์แก่ใคร
แก่คนส่วนใหญ่หรือคนเพียงหยิบมือในสังคม
และหากแม้โครงการพัฒนาดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่จริง
รัฐก็จำเป็นจะต้องพิจารณาให้ถ้วนถี่ว่า
จะทำอย่างไรกับคนส่วนน้อยที่ต้องเสียสละวิถีชีวิตและอัตลักษณ์
เพราะต้องไม่ลืมว่า ในสังคมประชาธิปไตย
แม้สิทธิของคนส่วนน้อยก็ต้องได้รับความคุ้มครองเช่นกัน
โดยเฉพาะกรณีที่คนส่วนน้อยต้องเสียสละอัตลักษณ์และวิถีชีวิตของตนเพื่อคน
ส่วนใหญ่ การชดเชยด้วยเงินคงไม่เพียงพอ
การชดเชยด้านการฝึกอาชีพเพื่อปรับตัวกับชีวิตใหม่
การรื้อฟื้นและพิทักษ์อัตลักษณ์
รวมไปถึงการให้เครดิตแก่การเสียสละของพวกเขา ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ควรต้องทำ
และท้ายที่สุดคงต้องฝากถึงเพื่อนมิตรประชาชน
โดยเฉพาะชนชั้นกลางและผู้มีอันจะกินในมืองที่มักเป็นผู้ได้รับประโยชน์จาก
การพัฒนาเหล่านี้ว่า
หากชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบเดินทางมาเรียกร้องความเป็นธรรม
(มาประท้วงนั่นแหละ) ได้โปรดอย่าโวยวายว่า พวกนี้มาทำรถติดเศรษฐกิจย่อยยับ
บลาๆๆ เพราะแม้นท่านจะจ่ายภาษี แต่อย่างน้อยท่านก็ไม่ต้องเป็นกังวลว่า
จะถูกไล่ที่เหมือนพวกเขาเหล่านั้น
ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง
ข่าวจากสื่อ
- เครือข่ายประชาธิปไตยแห่ผูกผ้าดำหน้าศาลรธน. จี้ทบทวนมติ
- นายกฯ เปิดงาน"เทศกาลเที่ยวเมืองไทยในปี 2555"
- "ศันสนีย์"โฆษกรัฐบาลคนใหม่เผยพร้อมประชาสัมพันธ์งาน รบ.เชิงรุก
- ชี้ทางออก"ปรองเดือด"สู่"ปรองดอง"
- เสื้อแดงแจ้งธาริตเอาผิดมาร์ค-สุเทพฐานสร้างความปั่นป่วน
- ห่วงบานปลาย คอป.ห้ามทัพ พท.-ศาลรธน.
- นปช.นัดชุมนุมขับไล่ศาล รธน. พร้อมล่ารายชื่อถอดถอนใน 2 สัปดาห์
- "พานทองแท้" สอนมวย "มาร์ค"-จี้ขอโทษประชาชน ฐานปล่อยส.ส.โชว์เถื่อนในสภา
- ใช้ปมแก้รธน. ยุบเพื่อไทย ดูดสส.ตั้งรบ.
- "สมศักดิ์ เจียมฯ" เสนอรบ.-สภา "ชน" ศาลรธน. จี้พท.-นปช.ทบทวนยุทธศาสตร์การเมืองทั้งหมด
- นิติราษฎร์" แถลงชี้-ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
- นิติราษฎร์แถลงชี้คำสั่งศาลรธน.ชะลอแก้รธน. 'ไร้อำนาจ'
- งามแต้ๆ เจ้า! "นายกฯ ปู" แต่งชุดพื้นเมือง-ผ้าซิ่นสีชมพูแอ่วเมืองพะเยา ปชช.แห่ต้อนรับเพียบ (ชมภาพชุด)
- กกต.เชียงใหม่เตรียมรับรองผลเลือกตั้งส.ส.ใน 7 วัน-"เกษม" ขอบคุณปชช.
- "จาตุรนต์"ปลุกกระแสต้าน"รัฐประหาร" ชี้ปม"ศาลรัฐธรรมนูญ"สั่งสภาฯระงับพิจารณาร่างรธน.
- “จาตุรนต์” ชี้ อำนาจประชาชนถูกปล้น- “ชนชั้นนำ” ไม่อยากปรองดอง - คาดเกิด “ยุบพรรค” อีกรอบ
- "ปู"ทำบุญเปิดหอฉันวัดเชียงบาน ชาวพะเยากว่า2,000คนต้อนรับแน่น
- อาจารย์เกษียร เสียดาย "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" คิดได้แค่นี้หรือ..!?!
- ขึ้นป้ายไล่"หมอวรงค์"ทำคนพิษณุโลกอับอาย
- โลกออนไลน์ เบื่อหน่ายพฤติกรรม ส.ส. ศึกชิงเก้าอี้ประธานสภา
- "เรืองไกร" ฉวย! ยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินสอบ "ณัฎฐ์" ดูคลิปหวิวในสภา อ้างนำความเสื่อมเสียมาสู่สภาฯ
- แกนนำนปช...."อย่าเป็นวัวลืมตีน"
- ข่าว"เหตุเกิดในมาเลเซีย" ข่าว"เมด อิน ไทยแลนด์" ข่าวกระพือ"ไฟใต้"
- "ณัฐวุฒิ" สวน "กรณ์" ขวางปรองดอง-ไม่ทวงข้อเท็จจริง "10เมษา" ตั้งแต่ยุค "รบ.อภิสิทธิ์"(ชมคลิป)
- เสียงก้องจาก 2 กูรู "ตุลาการ" ไม่มีอคติ ไม่มีล็อบบี้ ไม่มีใบสั่ง
- "ทักษิณ"เข้าสักการะพระธาตุหลวง-เผยซึ้งใจได้ทำบุญ แกนนำแดง อดีต ส.ส. แห่รับพรึบ (ชมคลิป)
- "จตุพร" ท้าตั้ง คตส.ตรวจสอบการทำงาน "มาร์ค-ชวน" เหมือนกับที่ทำกับ "ทักษิณ" ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
- "หาดใหญ่"อ่วมซ้ำ ไฟไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์กลางเมืองวอดเรียบ!
- "ทักษิณ"ทำบุญสีบชะตาที่ลาว ลั่นไม่นานเกินรอกลับไทย ขบวนแดงแห่ร่วมคึก
- “แม้ว” ทำบุญในลาวแฟนคลับเสื้อแดงแห่รับเพียบ
บทความจากสื่อ
- ประชาธิปัตย์...เปลี่ยนเถอะ !โดย ฐากูร บุนปาน
- กฤษฎีกาชี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งชะลอลงมติร่าง รธน.วาระ 3 ไม่เคยเกิดขึ้นในโลก บอกไร้ช่องทางต่อสู้
- เกม"แก้ รธน.291" สภาชน"ศาลรัฐธรรมนูญ" เกมค่ายกล′ยุบพรรค′?
- ปัญหา"มาตรา68" สกัด"ร่างแก้ไขรธน. แหลมคมจาก"นิติราษฎร์"
- งามหน้าสภาไทย ! เมื่อท่านประธานฯ ถูกจี้คาบัลลังก์
- แกะกล่อง "หัวใจสองสี" ขัตติยา สวัสดิผล
- "ทักษิณ-เพื่อไทย"ปรับแผน เปลี่ยน"รูปมวย"...รู้จัก"รอ" ย้ำภาพ"ฝ่ายมีเปรียบ"
- ฐากูร บุนปาน : เจรจา-ผิดตรงไหน?
- พระราชทานเครื่องราชฯ 'มหาปรมาภรณ์' แก่นายกฯ
- ซ่อนหลัง"หน้ากาก"
- ดร.โกร่ง คนเดินตรอก : การบริหารจัดการมหเศรษฐกิจ
- ยอดคลิกทะลุ! รวมข่าวที่มีคนอ่านมากที่สุดใน "มติชนออนไลน์" ประจำวันที่ 6เม.ย.2555
- วิเคราะห์ปัญหา-ค้นคว้าทางออกของเหตุความรุนแรงภาคใต้กับ "ชัยวัฒน์-รอมฎอน"
- ปฏิบัติการ "ป๋า" ภาค 2 สู้ "นารีพิฆาต" กับปากคำ "บิ๊กบัง" เรื่อง "ป๋า" และการเมืองแสนซับซ้อน ในมุม "ประยุทธ์"
- กลุ่มสตรีมองปมร้อน'โฟร์ซีซั่นส์'
- ดูกันชัดๆ บทบาทฝ่ายค้าน เล่นของ ว. 5 ปักทิ่ม ยิ่งลักษณ์ เอาให้ตาย!!
- ต่อสู้ 2 แนวทาง เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ กรณี โฟร์ซีซั่นส์
- นิวัฒน์ธำรง-ลงธรรมาสน์ ธุดงค์ในทำเนียบ เผยแพร่ลัทธิเพื่อไทย กางสูตรรัฐบาล + พล.อ.เปรม = การเมืองนิ่ง
- ยกร่าง′รัฐธรรมนูญ′ และความห่วงใย ล็อกสเปก′สภาร่างฯ′
- "กุนซือ" คิด "ปคอป." พูด ข้อมูล-คีย์เวิร์ด "เยียวยา"