ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Wednesday, 20 June 2012

สารถึงข้าราชการทหารและพลเรือนในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ที่มา Thai E-News




โดย รองศาสตราจารย์ ดร. วรพล  พรหมิกบุตร
อาจารย์ประจำคณะ  อดีตคณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์



กระผมและท่านต่างก็มีสถานะสองอย่างอยู่ในตัวเอง คือ สถานะทางอาชีพการงานเป็นข้าราชการประจำและสถานะทางการเมืองเป็นประชาชน  

ในความเป็นประชาชนเราต่างก็มีสิทธิและหน้าที่ในการปกป้องพิทักษ์ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้ยั่งยืนต่อไป  

ใน ความเป็นข้าราชการประจำที่ดำรงชีวิตด้วยเงินเดือนและค่าตอบแทนจากภาษีและราย ได้ของประชาชนเราก็ต่างก็มีหน้าที่ในการปกป้องพิทักษ์การเมืองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ของประชาชนทรงเป็นประมุขให้สืบทอดมั่นคงต่อ ไป

กระผม เชื่อว่าข้าราชการประจำทั้งทหารและพลเรือนโดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ผู้ บังคับบัญชาชั้นสัญญาบัตรระดับกลางลงมาถึงผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งเป็นข้า ราชการเสียงส่วนใหญ่ของปวงชนชาวไทยทั่วประเทศได้ประจักษ์ด้วยตนเองเรียบร้อย แล้วว่าประเทศนี้มีผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงยิ่งในองค์กรการเมืองต่าง ๆ ใช้อำนาจเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญมอบให้เป็นลายลักษณ์อักษรในตัวบทกฎหมาย แต่บิดตะแบงอ้างเอกสารอื่นที่มิใช่กฎหมายในการใช้อำนาจทางการเมืองและอำนาจ ตุลาการ เช่น การอ้างพจนานุกรมภาษาไทย  และการอ้างเอกสารคำแปลเป็นภาษาอังกฤษที่ทางราชการใช้เผยแพร่เนื้อหารัฐธรรมนูญไทยให้ชาวต่างประเทศทราบ                   

ความพยายามในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาไม่มีประเด็นใดอันจะนำไปสู่การล้มล้างรัฐธรรมนูญหรือการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองเลย    

ความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวเป็นงานราชการของรัฐสภาตามที่รัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ บัญญัติมอบอำนาจให้อย่างชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษร  และ สมาชิกรัฐสภาส่วนที่สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ได้ดำเนินการโดยชอบทุก ประการดังที่อัยการสูงสุดสั่งการให้มีการแถลงผลการสอบสวนข้อเท็จจริงดัง กล่าวไปเรียบร้อยแล้ว   

ในทางตรงข้าม, ความพยายามเพื่อกระทบถ่วงรั้งขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยวิธีการต่าง ๆ ที่มิได้เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ เช่น การใช้อำนาจทางราชการในแนวทางบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ,  การใช้อำนาจตุลาการเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดเพื่อถ่วงรั้งขัดขวางการทำงานของรัฐสภาที่มีอำนาจนิติบัญญัติ,    การใช้ตำแหน่งหน้าที่ ส.ส. ฝ่ายค้านฉุดกระชากประธานรัฐสภาให้ลุกจากบัลลังก์การประชุมในระหว่างการประชุมรัฐสภา ฯลฯ  

พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ และเป็นการบ่อนทำลายความมั่นคงของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ของประชาชนทรงเป็นประมุข  

ทั้งนี้เนื่องจากรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ เองก็กำหนดเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ชัดเจนว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย,  พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข.  และพระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยทางรัฐสภา  คณะรัฐมนตรี  และศาล   ทั้งนี้ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
               
คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบันและกลุ่มบุคคลอื่น ๆ จำนวนหนึ่ง ทั้งที่มีตำแหน่งราชการและที่ไม่มีตำแหน่งดังกล่าว  ได้กระทำการอันส่อแสดงถึงการละเมิดอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยรวมทั้งการก้าวล่วงสถานะขององค์พระประมุข  ทั้งนี้ด้วยการใช้อำนาจที่บทบัญญัติรัฐธรรมนูญมิได้อนุญาตให้กระทำ[1]  และด้วยการดำเนินการอื่น ๆ เจือสมสอดคล้องกับการละเมิดรัฐธรรมนูญดังกล่าว
                   
บัดนี้  สถานการณ์มีแนวโน้มว่ากลุ่มที่ละเมิดรัฐธรรมนูญมิได้สนใจใยดีเกี่ยวกับความมั่นคงของสถาบันกษัตริย์  รวมทั้งมิได้สนใจใยดีต่อเสถียรภาพทางการเมืองของระบอบประชาธิปไตยที่มีรัฐสภามาจากการเลือกตั้งของประชาชน  มากไปกว่าความสนใจใยดีในอำนาจและผลประโยชน์ระดับชาติที่ตน  พรรค  และพวกตนหวังจะได้รับหรือกอบโกยเอาเปรียบท่านและเอาเปรียบประชาชนส่วนรวมต่อไปให้ยั่งยืน
กระผม เห็นว่า  ท่านคือความหวังอีกส่วนหนึ่งของประเทศในอันที่จะร่วมพิทักษ์ปกป้องระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข   ทั้งนี้  ด้วยวิธีการปลีกย่อยรายละเอียดต่างๆ ที่ปรากฏตามวิถีทางรัฐธรรมนูญและครรลองความเป็นธรรม   ความยุติธรรม  ความชอบธรรม  และหลักนิติธรรมที่แท้จริง  ร่วมกับประชาชนอีกเป็นจำนวนมากทั่วประเทศซึ่งแสดงความพร้อมเรียบร้อยแล้วใน การร่วมกันปกป้องระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
                   จึงเรียน  กราบเรียน  และประทานกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
นาย วรพล  พรหมิกบุตร
รองศาสตราจารย์  ๙



[1]   รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๖๘ มิได้อนุญาตให้ศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจสอบสวนข้อเท็จจริง และ/หรือพิจารณาสั่งการเรื่องร้องเรียนใด ๆ ตามมาตรา ๖๘ ก่อนการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยอัยการสูงสุดในกรณีร้องเรียนนั้น