ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Saturday, 9 June 2012

เปรียบเทียบมาตรา 68 ภาษาอังกฤษและไทย เพื่อพิสูจน์ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถในการใช้ความคิดของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

ที่มา Thai E-News



ขอให้ไปดูรัฐธรรมนูญฉบับที่แปลเป็นภาษาอังกฤษจะชัดเจน-วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธาน ตลก รธน.

โดย  Pegasus

เรายังคงจำเรื่องราวที่อดีตนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ที่ได้ถึงแก่อสัญกรรมไปแล้วจากพิษในตับทั้งที่ท่านตรวจสุขภาพเป็นประจำ นับว่าเป็นความสูญเสียสำคัญครั้งหนึ่ง 

สิ่งที่เป็นเรื่องตลกของวงการกฎหมาย นอกจากถูกปลดเพราะทำกับข้าว แต่ประเด็นที่พูดกันน้อยแต่สำคัญสำหรับนักกฎหมายทั่วโลกคือ หลักการใช้กฎหมาย 

เนื่องจากหลักการใช้กฎหมายนั้นต้องทำให้ทุกคนเข้าใจได้เหมือนๆกัน ไม่เจ้าเล่ห์แสนกล พลิกแพลงเอาชนะกันในเรื่องกติกาที่คนทั่วๆไปไม่ได้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งถือว่ากระทบต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี 

หมายถึงว่าจะทำให้สังคมปั่นป่วน ไร้ขื่อแปได้ กฎทั่วไปนั้นคือหากไม่มีกฎหมายข้อใดบัญญัติไว้ท่านให้เทียบเคียงกับกฎหมายที่ใกล้เคียงที่สุด

ในกรณีของท่านสมัครฯต้องเอากฎหมายแรงงานมาเทียบเคียงดูว่า เข้าหลักนิยามนั้นหรือไม่ จึงจะถูกต้อง 

แต่ตุลาการไทย(แน่ละไม่ใช่ผู้พิพากษา แม้จะรู้กฎหมาย แต่สิ่งทีทำดูจะไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย) กลับใช้พจนานุกรม ซึ่งมีการตีความได้ต่างกันออกไป และกว้างขวางไม่เหมือนกันในแต่ละคนที่บัญญัติกันขึ้นมาใช้ 

อย่าง ไรก็ตามย่อมบรรลุเป้าหมายที่ต้องการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลและนำไปสู่การสังหาร ประชาชนอย่างเหี้ยมโหดด้วยความร่วมมือกันระหว่างพรรคการเมืองเก่าแก่กับทหาร ไม่ต่างจากสมัยยึดอำนาจ พ.ศ. 2490 แล้วตามไล่ล่าสังหาคนของคณะราษฎรอย่างทารุณเช่นกัน 

แต่คนเหล่านี้ทุกยุค ทุกสมัยล้วนทำตาม ไม่ว่าสังคมจะย่อยยับลงไปแค่ไหน ก็ตามเพราะนายเขาสั่งมา คงเหมือนคนสั่งรัฐประหารเพราะบุคคลในตำแหน่งล้วนคลอดมาจาก คมช. เห็นทีต้องรอให้ พลเอกสนธิฯ เฉลยก่อนว่าคนสั่งนั้นคือใคร คนไทยจะได้ตาสว่างและทราบเสียทีว่าไอ้โม่งที่ทำลายประชาธิปไตยอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนี้คือใคร

มีการโต้แย้งโดยเหล่าตุลาการว่า คนไทยอ่านกฎหมายไม่แตก ขอให้ไปอ่านฉบับภาษาอังกฤษ จะได้รู้ว่าไม่ต้องผ่านขั้นตอนอัยการสูงสุด ตุลาการสามารถรับคำร้องได้เอง ก็เลยนำภาคภาษาอังกฤษมาเทียบกับภาษาไทย วรรคต่อวรรค โดยให้ท่านผู้อ่านไม่ต้องเก่งภาษาหรอก ขอแค่เทียบรูปแบบสำนวนดูก็น่าจะพอดูออกว่าต่างกันหรือเหมือนกันหรือไม่ 

โดยภาคภาษาอังกฤษนี้ได้มากจากแหล่งรวบรวมสากลเรื่องรัฐธรรมนูญประเทศต่างๆมีชื่อว่า International Constitutional law หวังว่า ตุลาการจะไม่บอกว่า ภาษาอังกฤษชุดนี้ใช้ไม่ได้ ต้องไปเอาฉบับภาษาอังกฤษเฉพาะของเหล่าตุลาการที่ได้ฝังดินรักษาไว้อย่างดีมาใช้แทนจึงจะถูกต้อง 

ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องไปดูกันที่มาตรา 69 ที่จะพูดตบท้ายกันเสียหน่อยแล้ว มาดูกันวรรค ต่อ วรรค ต่อไปนี้

Section 68 

(1) A person is prohibited from using the rights and liberties provided in the Constitution to overthrow the democratic rule with the King as the Head of the State as provided by this Constitution; or to acquire power to rule the country by means other than is provided in the Constitution.

มาตรา 68 บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ มิได้


(2) Where a person or political party acts under paragraph one, the witness thereof has the right to report the matter to the Prosecutor General to investigate facts and to submit a request to the Constitutional Court for decision to order cessation of such act without prejudice to criminal proceedings against the doer of the act.

ในกรณีที่บุคคลหรือพรรคการเมืองใดกระทำการตามวรรคหนึ่ง ผู้ทราบการกระทำดังกล่าวย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว แต่ทั้งนี้ ไม่กระทบกระเทือนการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการ ดังกล่าว


(3) If the Constitutional Court decides to order cessation of the said act under paragraph two, the Constitutional Court may order dissolution of that political party.

ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้พรรคการเมืองใดเลิกกระทำการตามวรรคสองศาลรัฐธรรมนูญอาจสั่งยุบพรรคการเมืองดังกล่าวได้


(4) In case of order dissolution of that political party by the Constitutional Court under paragraph three, the leader of the dissolute Party and the member of the board of the executive committee under paragraph one are prohibited the right of election for five years from the date of order by the Constitutional Court.

ใน กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองตามวรรคสาม ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการบริหารของพรรคการ เมืองที่ถูกยุบในขณะที่กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นระยะเวลาห้าปีนับแต่วัน ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งดังกล่าว 

ในวรรค 2 ตรงขีดเส้นใต้เป็นประเด็นที่เถียงกันว่า ต้องส่งอัยการสูงสุดหรือไม่ อ่านภาษาไทยเทียบภาษาอังกฤษท่านผู้อ่านที่เป็นคนมีความสามารถปกติ ไม่ใช่คนเสมือนไร้ความสามารถซึ่งหมายถึงคนที่ดูแลตัวเองได้แต่ไม่ควรทำงาน ควรมีผู้พิทักษ์เช่นทนายหรือผู้ปกครองดูแลความประพฤติเพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน

คนเสมือนไร้ความสามารถภายนอกอาจเหมือนคนปกติ แต่จำเป็นต้องมีการดูแลเป็นพิเศษตามกฎหมายแพ่งต่อไปนี้

มาตรา 32 บุคคลใดมีกายพิการหรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ หรือประพฤติสุรุ่ยสุร่ายเสเพลเป็นอาจิณ หรือติดสุรายาเมา หรือมีเหตุอื่นใดทำนองเดียวกันนั้น จนไม่สามารถจะจัดทำการงานโดยตนเองได้หรือจัดกิจการไปในทางที่อาจจะเสื่อมเสียแก่ทรัพย์สินของตนเองหรือครอบครัว เมื่อบุคคลตามที่ระบุไว้ในมาตรา 28 ร้องขอต่อศาล ศาลจะสั่งให้บุคคลนั้นเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถก็ได้

บุคคลซึ่งศาลได้สั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถตามวรรคหนึ่ง ต้องจัดให้อยู่ในความพิทักษ์ การแต่งตั้งผู้พิทักษ์ ให้เป็นไปตามบทบัญญัติบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายนี้

เสียดาย ที่ไม่มีใครไปร้องให้ตุลาการทั้งหลายเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ แต่แค่ดูจากความสามารถในการตัดสินคดีความหรืออ่านหนังสือทั้งภาษาอังกฤษและ ภาษาไทยแล้วก็เห็นได้ชัดว่าขืนให้ทำงานกันต่อไปประเทศชาติล่มจมแน่นอน แต่อย่างว่า ต้องทำตามนายสั่ง สั่งแล้วก็ต้องตัดสินอย่างนั้นให้ได้เพราะรู้อยู่แล้วว่าส่งให้อัยการสูงสุด ซึ่งเป็นบุคคลปกติคงไม่เส้นตื้นเสนอให้สั่งคดีแบบผิดปกติอย่างนี้ได้ เลยต้องหาข้ออ้างสารพัดเช่นพจนานุกรมหรือภาษาอังกฤษเป็นต้น

แต่ถ้าสังคมไทยยังจะอยู่ในบรรยากาศแบบนี้อีก ก็ขอเสนอรัฐสภาไทย แก้รัฐธรรมนูญมาตรา 69 ดีกว่ามาตราอื่นๆ เสียเวลาโดยใช่เหตุโดยมาตรานี้กฎหมายเดิมบัญญัติไว้ว่า

มาตรา 69 บุคคลย่อมมีสิทธิต่อต้านโดยสันติวิธีซึ่งการกระทำใด ๆ ที่เป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้

แก้วลีเดียว คือตัดคำว่าสันติวิธีออกไป เพราะ มาตรานี้มีไว้ต่อสู้กับการรัฐประหาร เมื่ออีกฝ่ายมีปืน แต่ให้ประชาชนนั่งร้องเพลงเฉยๆ มันเป็นไปไม่ได้ กฎหมายข้อนี้เป็นความลุ่มลึกของคนร่างกฎหมายที่สนับสนุนฝ่ายเผด็จการและ จำกัดขอบเขตให้ผู้ยึดอำนาจนั้นครองอำนาจได้ง่ายๆเหมือนกับที่ศาลฎีกาตีความ รับรองการยึดอำนาจได้ว่าเป็นรัฎฐาธิปัตย์ สามารถออกกฎหมายภัยโทษตัวเองได้ ซึ่งไม่มีที่ไหนในโลกเป็นเช่นนี้

ได้เวลาการเปลี่ยนแปลงใหญ่แล้ว ขอให้ฝ่ายประชาธิปไตยทุกท่าน แวะไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ที่อยู่ใกล้เพื่อสะสมบุญไว้มากๆ ถือศีลห้าเคร่งครัดในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ และสร้างระบบการติดต่อกันเป็นเครือข่ายมีคนจำนวน 50 คน เป็นกลุ่มย่อยๆ และติดต่อกับกลุ่มอื่นๆให้กว้างขวางออกไป 

เมื่อเกิดเหตุอะไรขึ้นจะได้ช่วยเหลือกันในยามทุกข์ยากได้ แต่ขออย่างเดียว ดร.ทักษิณฯและแกนนำ อย่าชักเข้า ชักออก คราวนี้จะไม่มีใครฟังท่านแล้ว

******************