ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Tuesday, 22 May 2012

ถอดคำปราศรัยในงานรำลึก 2 ปี การเข่นฆ่าประชาชน 19 พฤษภาคม 2555

ที่มา uddred

 บทความประจำสัปดาห์ 19 พฤษภาคม 2555
โดย ธิดา ถาวรเศรษฐ ....





วันนี้เป็นวันที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของคนเสื้อแดง เราสู้มา 6 ปี 2 ปีที่ผ่านมาเราประสบชะตากรรม ทั้ง ๆ ที่เรามาต่อสู้สันติอหิงสา เรียกร้องให้ยุบสภาอย่างเดียว แต่สิ่งที่ตอบแทนก็คือ เราได้ปีบกระสุนแทนที่จะได้หีบบัตรเลือกตั้ง สิ่งเหล่านี้ถามว่าเคยเกิดขึ้นไหม ? เคยเกิดขึ้นมาก่อน แล้วในประเทศไทยมันก็เกิดขึ้นบ่อย ๆ ที่ช้าที่สุดคือ 15 ปี การรัฐประหารก่อนหน้านี้คือ 2534 ถัดมา 15 ปี 2549 แต่ประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชน 6 ปีมานี้ยิ่งใหญ่ที่สุด มันยิ่งใหญ่เพราะอะไร ? มันไม่ได้ยิ่งใหญ่ว่ามีการรวมตัวกันจำนวนมากในการต่อสู้ เพราะ 14 ตุลาก็มีคนมามากเช่นกัน แต่ครั้งนี้การต่อสู้ของเราคนเสื้อแดงยิ่งใหญ่ เหตุผลก็คือว่า เป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อ ยาวนาน ท่ามกลางความอดทน และด้วยจิตใจที่เสียสละ กล้าต่อสู้ กล้าเสียสละ วีรชนเหล่านี้คือวีรชนส่วนหนึ่งคือเสียสละชีวิตอันเป็นการเสียสละสูงสุด เสียสละอวัยวะคือเสียสละร่างกายบางส่วนบาดเจ็บทุพพลภาพ แต่เสียสละที่เรานั่งกันอยู่ที่นี่ตลอดเวลาคือเสียสละทรัพย์สิน เสียสละโอกาสทางธุรกิจ เสียสละโอกาสในภาระหน้าที่การงาน และเสียเวลาในชีวิตประจำวัน นี่คือวีรชนที่ยิ่งใหญ่ แม้ว่าจะเป็นวีรชนที่เป็นตัวเป็น ๆ ก็ตามรู้ไว้เถิดว่าเป็นวีรชนตัวจริงทั้งหมดเลย วีรชนไม่จำเป็นว่าจะต้องเสียสละชีวิต แต่การเสียสละที่ยิ่งใหญ่คือทุ่มเทชีวิตทั้งชีวิตให้กับการต่อสู้อย่างไม่ รู้จักเหน็ดเหนื่อย นี่คือหัวใจของคนเสื้อแดงทุกวันนี้ นี่จึงเป็นความยิ่งใหญ่ของคนเสื้อแดงในประเทศไทย ซึ่งเติบใหญ่เป็นลำดับทั้งคุณภาพและปริมาณ
ถ้าพี่น้องวีรชนเราที่เสียชีวิตได้มองเห็นว่าพี่น้องที่ยังมีชีวิตอยู่มา รำลึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เขาเสียชีวิต  และตั้งปณิธานที่ยังสู้ต่อไป เท่านี้วิญญาณเหล่านั้นถึงแม้ว่าเขาตายก็นอนตาหลับแล้ว แต่ถ้าพี่น้องวันนี้เลิกสู้ แย่งผลประโยชน์กัน ถามว่าวิญญาณพี่น้องที่เสียสละจะคิดอย่างไร ? เสียใจ แต่เรารู้ว่าพี่น้องเราคนเสื้อแดงไม่เป็นอย่างนั้น มิฉะนั้นในการนัดของเราแต่ละครั้งจะมาเป็นแสน ๆ คนอย่างนี้ได้อย่างไร  เพราะฉะนั้นขอให้เข้าใจว่า คำว่าวีรชนมีทั้งที่ตายและยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นได้
เรามาวันนี้ เราควรจะมาพูดกันด้วยคำขวัญอยู่ 3 ประโยค ประโยคที่หนึ่งคือเรามาเพื่อสดุดีวีรกรรม ประโยคที่สองคือทวงความยุติธรรม ประโยคที่สามคือทำความจริงให้ปรากฏ ในช่วงเวลานี้เราต้องทำสามอย่างนี้ เราต้องมาสดุดีวีรชนทั้งที่เสียชีวิตและทั้งที่มีชีวิตอยู่ แต่คุณค่าที่ทุ่มโถมในการต่อสู้นั้นยิ่งใหญ่ ที่เราจำเป็นต้องมาสดุดีและทำความจริงให้ปรากฎให้ได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ใครตายเพราะใคร ใครสั่งฆ่า ใครทำให้ตาย ถ้าขืนหมกเม็ดเอาไว้คำถามคือว่าแล้วการปรองดองจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
การปรองดองต้องคู่กับความจริง ในโลกนี้การปรองดองที่ไปติดตามดู ไม่มีการปรองดองของชาติไหนในโลกที่ไม่คู่กับความจริง ทุกชาติที่เขาปรองดองที่เขาฆ่ากันตายนับร้อยนับพันนับหมื่นนับแสน เขาต้องเริ่มต้นจากการทำความจริงให้ปรากฏแล้วจึงจะมาตกลงกันว่าเราจะเอา อย่างไรต่อไป มันไม่มีความเป็นไปได้เลยที่การปรองดองไม่เริ่มต้นด้วยความจริง เพราะฉะนั้นคณะ คอป. ซึ่งท่านได้ทำมาดีพอสมควร  แต่ขอเรียกร้องท่านว่า ท่านลืมชื่อของท่านไปคำหนึ่งก็คือ “ความจริง” ท่านอาจจะพูดเรื่องการปรองดองได้ดีพอควร แต่ท่านอาจจะลืมไปแล้วว่า ที่ท่านไปศึกษาในทุกประเทศนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความจริง  เพราะฉะนั้น คอป. โปรดทำหน้าที่ให้ครบด้วยเพราะ 2 ปีที่ผ่านมาในยุคของอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ เข้าใจได้ว่าไม่มีใครตั้งใจค้นหาความจริง  แต่ในขณะนี้เป็นรัฐบาลมาจากประชาชนแล้วมีประชาชนสนับสนุน  ความจริงต้องปรากฏให้ได้ เราไม่ใช่ไม่ต้องการปรองดอง แต่เราต้องการการปรองดองที่แท้จริง เพราะว่าการปรองดองแบบเล่น ๆ หลอก ๆ มันก็จะหลอก ๆ เล่น ๆ ต่อไป แต่ของจริงเช่น จตุพรต้องออกจาก ส.ส. นี่แหละของจริง แล้วอีกไม่ช้าของจริงที่จะเกิดขึ้นคืออะไร เขาจะยุบพรรคเพื่อไทยนั่นเองก็ของจริง แล้วที่ติดคุก ไม่ได้ออกมา ไม่ได้ประกันตัว นั่นก็ของจริง เพราะฉะนั้นเราต้องแยกระหว่าง ”จริง” “หลอก” “เล่น” ให้ได้
ในวันนี้มาเพื่อรำลึกวีรกรรม และเราต้องการบอกคนที่ตายไปว่า เราไม่ลืมเขา เราจะจดจำวีรกรรมที่เขาได้ต่อสู้ ไม่ใช่คนตายเท่านั้น คนที่บาดเจ็บและยังมีชีวิตอยู่ทุกคนก็แสดงวีรกรรมที่อาจหาญ ภาพทุกภาพอยู่ในความทรงจำ อย่าทำให้เหมือนการต่อสู้ในบางปีที่มีพบกันเหมือนวันเช็งเม้ง ดังนั้นวันที่รำลึกเราต้องจริงใจไม่ใช่ทำพอเป็นพิธี จริงใจที่จะสดุดีวีรกรรมว่านี่คือแบบอย่างที่ดีของประชาชนไทย ไม่ใช่แบบอย่างชั่ว ๆ เหมือนนักการเมืองบางพรรค เราจำเป็นต้องทำแบบอย่างนี้สดุดีเพื่อทำให้เยาวชนรุ่นหลังรู้ว่าคนแบบนี้ แหละ คนแบบคนเสื้อแดงที่ต่อสู้ กล้าต่อสู้ กล้าเสียสละ ท่ามกลางความอดทน ทำทุกอย่างเพื่อประเทศชาติ นี่คือตัวอย่างที่ดีไม่ใช่แบบที่เครือข่ายระบอบอำมาตย์โดยเฉพาะพรรคประชา ธิปัตย์ใส่ร้ายป้ายสีว่าเราเป็นพวกเผาบ้านเผาเมือง ว่าเราเป็นพวกล้มเจ้า ความจริงคนชอบเผาก็ไปแสดงที่ อ.จะนะ จ.สงขลา เพราะฉะนั้นการที่ทำอะไรแล้วก็ปิดบัง โกหก โยนความผิดไปให้คนอื่น เรื่องอย่างนี้เยาวชนไทยต้องไม่เอาตัวอย่าง ตัวอย่างก็คือคนเสื้อแดงคือตัวอย่างที่ดี เรื่องดี ๆ
ประการที่สอง มาเรามาเพื่อแสดงให้เห็นว่าเราต้องการความยุติธรรม เพื่อยืนยันกับเครือข่ายระบอบอำมาตย์และกระบวนการยุติธรรมว่า คนเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งที่มาชุมนุมนับแสนคนต้องการจะบอกกระบวนการยุติธรรมไทย ว่า คนไทยโดยเฉพาะคนเสื้อแดงต้องการความยุติธรรมที่นี่ เดี๋ยวนี้ และไม่ยอมอีกแล้ว ในฐานะผู้ถูกกระทำเรามีทั้งคนที่อยู่ในเรือนจำจำนวนมากไม่ได้รับการประกัน ตัว ถูกตั้งข้อหารุนแรง คนที่ออกมาแล้วอย่านึกว่าจะรอดนะ เพราะข้อหารุนแรง ข้อหาผู้ก่อการร้าย ความยุติธรรมที่คนเสื้อแดงถูกกระทำ เราจำเป็นต้องต่อสู้เพื่อให้เพื่อนเราที่ถูกกระทำอย่างหนักเช่นอยู่ในเรือน จำต้องปล่อยตัวออกมา ต้องได้รับการประกันตัว คดีต่าง ๆ ต้องทบทวนใหม่ กระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยต้องปฏิรูปหมด ระเบียบต่าง ๆ ในเรือนจำ การตีตรวน การไม่ดูแลสุขภาพ ทั้งหมดเหล่านี้บางอย่างในรัฐบาลนี้ก็ทำได้และควรทำได้เลย แต่กระบวนการยุติธรรมที่เราต้องทำเดี๋ยวนี้ยังมีอีกเรื่องคือ ความยุติธรรมสำหรับประชาชนไทยทั้งหมด เราต้องเริ่มต้นตั้งแต่เนื้อหากฎหมายของการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และกฎหมาย ที่ไม่เป็นธรรมทั้งปวง นี่คือการก้าวย่างเข้าสู่ประเทศที่มีนิติรัฐนิติธรรมหรือที่เรียกภาษาฝรั่ง ว่า Rule of Law นี่เป็นก้าวย่างที่ต้องทำให้ได้ภายในปีนี้และปีหน้าเพราะเรามีเวลาไม่มาก อย่างไรก็ตามกฎหมายที่ก้าวหน้า แม้นว่าเราแก้ได้ แต่ถ้าเครือข่ายอำมาตย์หรือคนใช้กฎหมายยังล้าหลัง เขาก็ต้องหาวิธีจัดการให้ได้ ฉะนั้นแก้กฎหมายอย่างเดียวไม่พอในประเทศนี้ ต้องแก้ความคิดของคนที่ล้าหลังให้ก้าวหน้าด้วยประเทศนี้ถึงจะไปรอด นี่จะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด บางเรื่องเราจำเป็นต้องอดทน เราต้องการชนะหัวใจเขา ทำให้เขาเข้าใจว่าเส้นทางของเรานั้นถูกต้อง มีแต่ทำให้ประเทศนี้เจริญ มีแต่ทำให้ประเทศนี้อยู่ดีกินดี ก้าวหน้า และคนที่มีความคิดแตกต่างกันอยู่ในสังคมนี้ได้ไม่ต้องฆ่ากัน 
เป็นความเข้าใจผิดหากคิดว่าแค่มีรัฐบาลแล้วจะทำได้ทุกอย่าง เราเคยมีรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดคือปี 2489 ซึ่งอาจารย์ปรีดี พนมยงค์เขียนเอง แต่มันดีเกินไป ปีต่อมาก็ถูกทำรัฐประหาร นับจากนั้นรัฐธรรมนูญของไทยก็เลวลง ๆ แม้แต่ฉบับปี 2517, 2540 ก็รับมรดกความเลวของปี 2490 มาเป็นลำดับ
บางคนบอกอยากแก้ 112 สมมติแก้ 112 เขาก็ไปเอามาตราอื่น ๆ มาจัดการจนได้ มันเรื่องลูกแกะกับหมาป่า ฉะนั้นเราต้องอดทนที่จะเปลี่ยนความคิดของคนในประเทศนี้ให้ยอมรับความแตกต่าง มีความคิดเป็นวิทยาศาสตร์ มีความคิดที่ก้าวหน้า มีความคิดที่จะนำพาให้ประเทศชาตินี้ให้เจริญได้ คนล้าหลังก็จะคิดแบบหยุดนิ่งไม่ยอมให้สังคมขับเคลื่อน ฉะนั้นความยุติธรรมตรงนี้จึงต้องเป็นความยุติธรรมที่ประกอบกันทั้งเนื้อหา รูปแบบ และวิธีการที่เหมาะสม เราจึงสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้ ให้เกิดความเสมอภาค ให้เห็นคนเป็นคนเท่า ๆ กัน
ภาระหน้าที่ของเราต่อไปนี้คือการทวงความยุติธรรมให้พี่น้องที่เสียสละชีวิต และที่ยังถูกคุมขัง เฉพาะกรณีที่เสียชีวิตขณะนี้มีการไต่สวนการตายกันอยู่ 16 คดี ส่วนที่เหลืออื่น ๆ ขอให้ผู้เสียหายฟ้องเองไม่ต้องรอรัฐบาลเลยเพื่อให้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตามความยุติธรรมเราไม่ได้ทวงให้เฉพาะคนเสื้อแดง แต่สำหรับคนไทยทั้งประเทศ เราต้องการให้รัฐธรรมนูญนี้เป็นของคนทั้งประเทศ ถ้าพูดถึงเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ, การแก้ 112 ไม่ใช่เรื่องสีเสื้อใด ต้องทำให้เป็นของประชาชนทั้งประเทศ