ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Tuesday 7 February 2012

อย่าปล่อยให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

ที่มา Voice TV

ประทีป คงสิบ

News Editor

Bio

ผู้อำนวยการฝ่ายเนื้อหาและรายการ VoiceTV

แม้จะไม่ใช่คนรุ่นราวคราวเดียวกับกลุ่มเดือนตุลา(คือ ผมเด็กกว่าหลายปีมากนะครับ) แต่เฉพาะช่วงเหตุการณ์ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ ผมก็ยังพอจำความ / จำบรรยากาศ และอารมณ์ความรู้สึก ของคนไทยและสังคมไทยสมัยนั้นได้อยู่เลาๆ

จำได้ว่าผู้หลักผู้ใหญ่แถวบ้าน(เพชรบูรณ์)หลายๆคน พากันไปเข้าค่ายอบรมลูกเสือชาวบ้าน ซึ่งเป็นเรื่อง “อินเทรนด์”สุดๆในยุคนั้น และเพลงที่ฮ็อตสุดๆ ที่จำได้แม่น คือ เพลง “หนักแผ่นดิน” ผมจำเนื้อไม่ได้ทั้งหมด แต่จากความทรงจำที่ฝังอยู่ รู้ว่ามีท่อนฮุคที่ทรงพลัง(สำหรับยุคนั้น) ว่า “คนเช่นนี้ เป็นคนหนักแผ่นดิน” ถ้าใครอยากฟังเนื้อแบบเต็มๆ พร้อมกับบทเพลงในแนวเดียวกันนี้ ซึ่งมีอีกหลายเพลง ร้องโดยนักร้องที่ชื่อ “สันติ ลุนเผ่”ลองเสิร์ชจากเน็ตดูเอาครับ

ช่วงนั้นทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ร้องเพลงพวกนี้กันอย่างแพร่หลาย เพราะทั้งทีวีและวิทยุเปิดกรอกหูแทบจะตลอดวัน ประสาเด็กๆอย่างผม ยังไม่รู้ความหมายอะไรที่ลึกซึ้งหรอกครับ รู้แต่ว่าผู้ใหญ่บอกว่าไอ้พวกคนหนักแผ่นดินเนี่ยะ มันเป็นคอมมิวนิสต์ แล้วไอ้คอมมิวนิสต์มันเป็นยังไง เราก็ไม่เข้าใจอีก แต่จำได้ว่าช่วงนั้น มีข่าวร่ำลือกันมากว่าพวกคอมมิวนิสต์เวียดนาม จะเข้ามายึดครองประเทศไทย

ที่ตลกร้ายไปกว่านั้น คือ ลือกันถึงขนาดว่า คอมมิวนิสต์เวียดนาม ฉีดสารบางอย่างเข้าไปในผลไม้ เช่น แตงโม / มันแกวซึ่งถ้าใครกินเข้าไปจะส่งผลให้จู๋หด(เพื่อทำให้ชายไทยสูญพันธ์) ข่าวลือนี้ทำเอาทั้งผู้ชายทั้งผู้ใหญ่และเด็กปั่นป่วนเลยนะครับ

บรรยากาศที่ปกคลุมด้วยความหวาดกลัวภัยจากคอมมิวนิสต์คล้อยมาได้ระยะหนึ่ง ก็ถึงวันไฮไลท์ของปี ๒๕๑๙ คือ วันที่ ๖ ตุลาคม ผมซึ่งตอนนั้นยังเด็กมาก นอนดูทีวีกับพ่อและแม่ เห็นภาพข่าวกลุ่มคนจำนวนมาก ทั้งที่เป็นเจ้าหน้าที่ของทางการ(ตำรวจ/ทหาร) และประชาชนทั่วไป(บางคนผูกผ้าพันคอลูกเสือชาวบ้าน) ล้อมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และพยายามบุกเข้าไปทำร้ายและจับกุม นักศึกษาที่ชุมนุมกันอยู่ข้างใน เพราะพวกเขาถูกรัฐกล่าวหาว่าเป็นพวกคอมมิวนิสต์ เป็น “คนหนักแผ่นดิน”

(ภาพ /AFP -1976 THAILANDE - MANIFESTATION - ARRESTATION)

ภาพจำสุดท้ายในทีวี คือ ภาพที่นักศึกษาทั้งชาย/หญิงจำนวนมาก ถูกบังคับให้ถอดเสื้อ(ผู้หญิงเหลือแต่ยกทรง) นอนคว่ำหน้าบนพื้นสนามฟุตบอลมธ. โดยมีทหาร/ตำรวจ ถืออาวุธควบคุม ผมเห็นบางคนเดินย่ำไปบนตัวนักศึกษาเหล่านั้นด้วย

นั่นคือ ภาพที่ผมสมัยเด็กๆพอจำได้เลาๆ ต่อเมื่อผมโตขึ้น ได้อ่านและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในอดีต ทั้งจากตำราเรียนของรัฐ และนอกตำราเรียน ทำให้เข้าใจประวัติศาสตร์เหตุการณ์เดือนตุลาคม ๒๕๑๙ และถอยไปถึงเหตุการณ์วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ และรวมถึงประวัติศาสตร์การเมืองไทยในยุคต่างๆได้ดียิ่งขึ้น

วันนี้เมื่อเห็นภาพความเคลื่อนไหว และปฏิกิริยาของหลายๆกลุ่ม ในสังคมไทยช่วงนี้ ที่มีต่อข้อเสนอและการเคลื่อนไหวของ “คณะนิติราษฎร์” โดยเฉพาะประเด็น การรณรงค์ขับเคลื่อนให้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ ผมกลัวเหลือเกินว่า กงล้อประวัติศาสตร์เหตุการณ์วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นเหตุขัดแย้งอุดมการณ์ทางการเมือง ที่ทำให้คนไทยฆ่ากันเองแบบป่าเถื่อนและโหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์การ เมืองไทยสมัยใหม่ กำลังจะหวนกลับมา

(ภาพ /Thailand Massacre -1976 โดย Neil Ulevich)

เพราะกระบวนการเคลื่อนไหวต่อต้านคณะนิติราษฎร์ที่ดูจะลุกลามและรุนแรงขึ้น เรื่อยๆ มีวิธีการและองค์ประกอบไม่แตกต่างจากกระบวนการทำลายล้างพลังนิสิตนักศึกษา ช่วงปี ๒๕๑๙

ปี ๒๕๑๙ มีนสพ.ดาวสยาม เป็นหัวหอกด้านสื่อสิ่งพิมพ์ ที่คอยจุดกระแสบิดเบือน / โจมตีพลังนักศึกษา ยุคนี้มีนสพ.เอเอสทีวี และ ไทยโพสต์ ทำหน้าที่สืบทอดอุดมการณ์ กล่าวหา / บิดเบือน / โจมตีคณะนิติราษฎร์และผู้สนับสนุน

ปี ๒๕๑๙ มีวิทยุยานเกราะ(ในเชิงเทคโนโลยีการสื่อสารยุคนั้น วิทยุถือเป็นสื่อที่เข้าถึงประชาชนมากกว่าทีวี) และผู้ดำเนินรายการขวาตกขอบอย่างพ.อ.อุทาร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ยุคนี้มีเอเอสทีวี นำโดยสนธิ ลิ้มทองกุล และเครือข่าย รวมทั้งยังมี ที-นิวส์ ของสนธิญาน ชื่นฤทัยในธรรม(หนูแก้ว)

ปี ๒๕๑๙ มีกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง เช่น กระทิงแดง / นวพล / และลูกเสือชาวบ้าน ยุคนี้แม้กลุ่มพันธมิตรฯ(ดั้งเดิม)จะลดบทบาทและพลังลงไปแล้ว แต่กลับไปแปลงร่างเป็นกลุ่มใหม่ๆ เช่น กลุ่มเสื้อหลากสี / กลุ่มแนวร่วมคนไทยหัวใจรักชาติ(เพิ่งสร้างผลงานเผาหุ่น อาจารย์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ แกนนำคณะนิติราษฎร์ เมื่อไม่กี่วันมานี้) / ล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ ๒๘ มกราคมที่ผ่านมา เปิดตัวอีกกลุ่ม ชื่อ กลุ่มต้านนิติราษฎร์ อ้างเป็นตัวแทนกลุ่มคนรุ่นใหม่ นำโดยจิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี รองโฆษกปชป.










(วิดิโอ /Voice News รณรงค์ค้าน แก้มาตรา 112)

ปี ๒๕๑๙ มีพระภิกษุที่มีชื่อเสียง ออกมาพูดว่า “ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป” ยุคนี้ เมื่อช่วงเสื้อแดงชุมนุมเมษา-พฤษภา ๕๓ ก็เคยมีผู้นำข้อความของพระภิกษุชื่อดังรูปหนึ่ง ที่เคยทวิตไว้ว่า “ฆ่าเวลาบาปไม่น้อยกว่าฆ่าคน” มาทวิตซ้ำ นี่ผมยังหวั่นๆว่า หากสถานการณ์สุกงอมได้ที่ จะมีใครหยิบข้อความนี้มาทวิตซ้ำอีกหรือไม่

ผมอ่าน / ฟัง ข้อเสนอและความเห็นของกลุ่มที่ต่อต้านคณะนิติราษฎร์แล้ว สงสัยจริงๆว่า พวกเขาไม่ได้อ่าน หรืออ่านแล้วไม่เข้าใจ หรือตั้งใจที่จะไม่เข้าใจ ในข้อเสนอและแนวคิดของคณะนิติราษฎร์กันแน่ ผมไม่เข้าใจว่า ข้อเสนอแก้กฎหมายม.๑๑๒(ย้ำ !แก้นะครับไม่ใช่ยกเลิก) มันจะกลายเป็นการ “ล้มเจ้า” ไปได้อย่างไร

ถ้าเชื่อว่าจะเป็นอย่างนั้นกันจริงๆ ช่วยเสนอเหตุผลประกอบหน่อยจะดีมั๊ยครับ แทนที่จะหนักไปทางกล่าวหา /ให้ร้ายป้ายสี

ในฐานะสื่อฯ วอยซ์ทีวียินดีเปิดพื้นที่ให้ทั้งสองฝ่าย คือ ฝ่ายนิติราษฎร์และผู้สนับสนุน กับฝ่ายต่อต้าน มาถกเถียงกันด้วยเหตุและผล(อาจจะเจืออารมณ์บ้าง ขึ้นอยู่กับวุฒิภาวะของแต่ละคน) เพื่อหาข้อสรุปที่สังคมส่วนใหญ่ยอมรับ ซึ่งก่อนหน้านี้เราทำมาแล้วเป็นระยะ และจะเดินหน้าทำต่อไป ยิ่งประเด็นนี้ส่อแววนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคมมากเท่าไหร่ เรายิ่งต้องเอาจริงเอาจังกับการถกเถียงด้วยปัญญาเพื่อหาทางออก

แต่เรารู้ดีว่า ด้วยสถานะของสื่อดาวเทียม และสื่ออินเตอร์เน็ต แม้ปัจจุบันจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีประชาชนที่เข้าถึงแล้วเป็นจำนวนมาก แต่ด้วยระดับของปัญหาความขัดแย้งที่ฝังรากลึก และด้วยประเด็นที่มีผลสะเทือนอย่างยิ่งต่อโครงสร้างสังคมไทยในปัจจุบันและ อนาคต

จะดีและมีประโยชน์อย่างยิ่ง หากสื่อทีวีกระแสหลัก โดยเฉพาะรายการที่เรตติ้งสูงๆ เช่น เจาะข่าวเด่น ของคุณสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา/ รายการข่าว ๓ มิติ ของคุณกิตติ สิงหาปัด จะเปิดพื้นที่นำเสนอประเด็นเหล่านี้ แบบเจาะลึกและเกาะติดบ้าง(ต้องขอบคุณไทยพีบีเอส ที่อย่างน้อยยังยอมให้คุณภิญโญ ไตรสุริยธรรมา เล่นประเด็นนี้ในรายการตอบโจทย์)

ไม่ใช่เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง แต่เพื่อช่วยกันหาทางออกให้กับประเทศ ก่อนที่กงล้อประวัติศาสตร์ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ จะกลับมาบดขยี้สังคมไทยอีกครั้ง ทั้งๆที่เราเพิ่งผ่านเหตุการณ์ฆาตกรรมหมู่กลางเมืองเมษา-พฤษภา ๕๓ มาไม่นาน !