ครม.รัฐบาลปู อนุมัติงบ 2,000 ล้านบาท  เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบคนเสื้อแดง อ้างว่าช่วยทุกกลุ่มทุกสี  เฉลี่ยรวมรายละ 7.75 ล้าน  ฝ่ายค้าน รมว.ยุติธรรมเงา ถาวร พรรคประชาธิปัตย์  ร้องรัฐบาลทบทวนการจ่ายเงินเยียวยาชายแดนใต้ ตั้งแต่ปี 47  “อภิสิทธิ์   หัวหน้าฝ่ายค้าน ปชป. ข้องใจนำภาษีจ่ายเยียวยาคนเผาเมือง” “เฉลิม รองนายกฯ  ชงจ่ายเยียวยา 3 จว.ใต้ ปัดให้แต่เสื้อแดง”   นี้เป็นตัวอย่างหนึ่งของการพาดหัวข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์  ข่าวออนไลน์   เพื่อประชาชน  หรือ  เพื่อคนของตน  หรือ  แค่“เล่น”การเมือง
 หลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 55  ครม.เห็นชอบตามข้อเสนอคณะกรรมการประสานงานและติดตามการดำเนินงานตามข้อเสนอ แนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบ และค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ  (ปคอป.) ที่มีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เป็นประธาน   ให้ชดเชยผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมืองก่อนปี 49 ถึง 53   วงเงิน 2,000 ล้านบาท หรือจะได้รับการเยียวยาสูงสุดรวมรายละ 7.75 ล้านบาท
 ถือว่าเป็นการเยียวยาจิตใจประชาชนคนไทยของรัฐบาลปู 1  ที่สามารถสร้างคะแนนเสียงต่อคนเสื้อแดงให้พุ่งสูงขึ้นได้ในพริบตา  แต่ในประเทศที่ถูกเรียกว่า “ไทย”  ไม่ได้มีเพียงเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองเกิดขึ้นเพียงเหตุการณ์รัฐ ประหาร และการชุมนุมของคนเสื้อเหลือง – เสื้อแดง เท่านี้   การตัดสินใจให้ความช่วยเหลือชดเชยในครั้งนี้  ไม่ได้มองออกไปยังพื้นที่ที่ห่างไกลจากเมืองหลวง พื้นที่ชายแดน  ความสูญเสียทั้งชีวิต ทรัพย์สิน มีมากมายหลายเท่า   ซึ่งชีวิตของวีรชนที่ถูกสละวิญญาณออกจากร่างทิ้งไว้ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ นับหลายพันคน เพียงพริบตาเดียวเช่นกันคะแนนเสียงรัฐบาลปู 1 ก็ตกลง   การมอบเงินหลักล้านแก่ผู้ที่สูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินที่อ้างว่าจาก เหตุการณ์ชุมนุมเหลือง-แดง รัฐบาลไม่สามารถควบคุมความคิดของประชาชนได้ว่า  เงิน 7.75 ล้านบาท  ว่าเป็นการปูนบำเหน็จแก่คนเสื้อแดงที่ต่อสู้เพื่อพรรคเพื่อไทยจนสามารถจัด ตั้งรัฐบาล
 สังเกตได้จากการออกมาให้ข่าวของ นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธาน  นปช.  ที่ออกมาเรียกร้องเงินเยียวยาให้กับผู้เสียชีวิตเป็นประเด็นที่พูดกันมาใน ช่วงของการหาเสียงพรรคเพื่อไทยก็ได้เปิดประเด็นและพูดถึงในเรื่องเอาไว้เช่น กัน มันเป็นเหมือนกับการสัญญา ซึ่งเป็นการคุยกันกับบางกลุ่มที่สนับสนุนพรรค  แต่ไม่ได้เป็นนโยบายที่ครอบคลุมทั่วทุกกลุ่มสี  และพื้นที่ขัดแย้งทางการเมือง  สอดคล้องกับนายจตุพร พรหมพันธุ์  ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช. ที่ออกมากล่าวถึง  เรื่องเดียวกันว่าเป็นเรื่องที่ทางพรรคเพื่อไทยเคยคุยกันตั้งแต่หลังการสลาย การชุมนุมว่า  หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะจ่ายเงินเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตรายละ 10  ล้านบาท  2 แกนนำ นปช.  ออกมาพูดบนผลประโยชน์ของคนเสื้อแดงถือเป็นผู้มีบุญคุณต่อแกนนำคนเสื้อแดงที่ สามารถเข้าไปนั่งในสภาอันทรงเกียรติ  และพรรคเพื่อไทยให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลและกุมเสียงข้างมากในสภาได้อีกด้วย
 แต่ยังไม่ทันข้ามวันของการแถลงทางพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายถาวร  เสนเนียม ส.ส.สงขลา ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีเงา ก.ยุติธรรม  กล่าวในประเด็นที่มติครม.ปู อนุมัติชดเชยเงินเยียวยา2,000 ล้านบาท ว่า  เป็นการกำหนดกรอบไว้เฉพาะแก่ผู้ชุมนุมปี 47 เป็นต้นมา ถาวร  ได้เรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนเงินเยียวยาแก่เหยื่อความรุนแรงจากเหตุการณ์ใต้ ตั้งแต่ปี 47 ที่มีการเสียชีวิตจำนวนมากในสมัยรัฐบาลทักษิณอีกด้วย  เช่นเดียวกับ หัวหน้าพรรค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  ที่มองประเด็นนี้ว่ารัฐบาลต้องสร้างความชัดเจนว่าเหยื่อที่จะได้รับการเยียว ยาจากนโยบายของรัฐบาล หากเป็นการเยียวยาเหยื่อทางการเมืองแล้วอีก 5,000  ชีวิตจากเหตุการณ์ชายแดนใต้ รวมทั้ง 2,000 ศพจากการฆ่าตัดตอนยาเสพติด  ต้องให้เกิดความเสมอภาคกันทุกกลุ่มกรณี  จะให้นำเงินภาษีประชาชนไปจ่ายแจกแก่กลุ่มคนบางกลุ่มไม่ได้
 สงครามน้ำลายในการเล่นเกมการเมืองของ 2 พรรคใหญ่  เป็นการนำเอาความสูญเสียของประชาชนทั้งที่มีเชื้อชาติ   ศาสนาที่ต่างและคล้ายกัน เป็นการเดินเกมเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ  เพิ่มคะแนนเสียง และก็เป็นเครื่องมือในการลบภาพลักษณ์ของอีกฝ่ายได้อีกด้วย   การลงมติของครม. เพื่อช่วยเหลือเยียวยา จ่ายค่าชดเชย ค่าปลงศพ  ค่ารักษาพยาบาล และค่าอื่นๆรวมรายละ 7.75 ล้านบาท  เห็นได้ชัดถึงให้ความช่วยเหลือที่มีมาตรฐานที่ต่างกัน   หรือที่ได้ยินกันบ่อยคือ “2 มาตรฐาน”  ระหว่างเหตุการณ์ชุมชนของกลุ่มคนเสื้อเหลือง และการชุมนุมของคนเสื้อแดง  ที่เกิดการสูญเสียต่อประชาชนผู้ร่วมชุมนุม  และประชาชนบริเวณโดยรอบของสถานที่ชุมนุม  ร้านค้า  บ้านเรือน   ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ โครงสร้างทางสังคม  สภาพจิตใจ   เหตุการณ์จากทั้งสองกลุ่มนี้ถือได้ว่าเป็นความคิดเห็นต่างทางด้านการเมือง  และถือว่าส่วนใหญ่เป็นคน “ไทย” ที่มีเชื้อชาติเดียวกัน  การให้ความช่วยเหลือจึงเป็นการมอบสิทธิประโยชน์เฉพาะกลุ่มที่ส่งผลให้ตนได้ สามารถยืนเด่นในฐานะนักการเมือง รัฐมนตรีได้เท่านั้น  แต่สำหรับคนที่ไม่ใช่  “พวกเดี่ยวกัน” คงต้องรอส่วนที่เหลือจากอภิสิทธิ์ชนเสียก่อน
 สำหรับเหยื่อจากเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนภาคใต้  ที่ตกเป็นเหยื่อซ้ำซ้อนต่อเกมการเมือง  ที่ประชากรส่วนใหญ่ที่อาศัยเป็นคนเชื้อสายมลายู  และนับถือศาสนาที่ต่างกันกับคนส่วนใหญ่และรัฐบาลจากส่วนกลาง   ผู้ที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม  เชื้อสายมลายู   รวมทั้งคนไทยจากนอกพื้นที่ทั้งพุทธและมุสลิม   ในประเด็นการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่แห่งนี้ ถือได้ว่ามีระเบียบของการช่วยเหลือเป็นต้นฉบับสำหรับการเยียวยากรณีอื่นใน ประเทศไทย  แต่หลังการออกมาแถลงมติของครม.ที่มีการช่วยเหลือเยียวยากลุ่มคนเสื้อแดงที่ ได้มากกว่าสองเท่ากับการช่วยเหลือเหยื่อจากเหตุการณ์ในพื้นที่ชายแดนใต้  เป็นการย้ำการแบ่งระดับชั้นของ“รัฐไทย” ไม่ว่าจะมีใครขึ้นมาเป็นรัฐบาลก็ตาม  การมองเห็นความต่างทางด้านเชื้อชาติ  ภาษา  วัฒนธรรม  ศาสนา  ความคิดเห็นทางการเมือง และปัจจัยอื่น  เป็นตัวชี้วัดการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนงบประมาณด้านการพัฒนา  การเยียวยา และในด้านอื่นๆ
 และการออกมาแสดงความคิดเห็นต่อมติครม.รัฐบาลปู  ของสองแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ที่พยายามนำประเด็นการเยียวยาคนเสื้อแดง  เชื่อมกับการเยียวยากรณีเหตุการณ์ใต้  เป็นเกมการเมืองที่สลับสับเปลี่ยนการเล่นมาตลอด  พรรคใดเป็นรัฐบาลอีกฝ่ายจะหยิบยกประเด็นชายแดนใต้ขึ้นมาโจมตี  เมื่อตนมีคะแนนมากและสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้  ก็จะถูกอีกฝ่ายกล่าวหาในประเด็นเดียวกัน   แต่สิ่งที่ตนเองได้พูดในสมัยที่เป็นฝ่ายค้านกลับไม่ได้ถูกนำมาปฏิบัติแต่ อย่างใดเมื่อได้นั่งตำแหน่งรัฐมนตรี    ไม่ใช่เพียงความจริงใจในกรณีของการจ่ายเงินเยียวยาเท่านั้น ที่ทั้ง  “รัฐไทย” และ “รัฐบาลไทย”  สามารถแสดงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่มลายูเท่านั้น   การยอมรับในความคิดเห็นต่างทางการเมือง  ความต่างทางวัฒนธรรม   ความเชื่อทางศาสนา   ถือเป็นการเยียวยาความเข้าใจของรัฐไทยต่อชาวมลายูในพื้นที่  เพื่อที่จะสามารถยุติ  เหตุร้าย  ความสูญเสีย เด็กกำพร้า  หญิงหม้าย   ผู้ต้องสงสัย  จำเลย  และการคอรัปชั่นในโครงการของรัฐเองได้อีกด้วย
 แต่เกมที่รัฐบาลปู  พยายามลดกระแสการออกมาวิจารณ์การให้ความช่วยเหลือเยียวยาคนเสื้อแดง คือ  การออกมาประกาศให้วันตรุษจีน  เป็นวันหยุดราชการประจำปีสำหรับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  ที่มีประชากรเชื้อสายจีนอยู่จำนวนหนึ่งแต่น้อยกว่าชาวมลายูที่เป็นคนส่วนมาก  และชาวไทยที่รองลงมา   ถือว่าเป็นการมองเห็นความสำคัญในความต่างทางด้านเชื้อชาติของรัฐบาลชุดนี้   แต่การเรียกร้องให้มีการปิดในวันสำคัญทางวัฒนธรรมของคนส่วนใหญ่ในพื้นที่ เคยมีการยื่นเสนอต่อรัฐบาลหลายรัฐบาลรวมทั้งรัฐบาลทักษิณอีกด้วย  แต่ข้อเรียกร้องของคนส่วนมากในพื้นที่ที่มีความต่างในหลายๆด้าน  ได้รับการตอบรับน้อยและช้ามาก  แต่สำหรับกลุ่มคนที่สามารถให้ผลประโยชน์แก่รัฐได้  รวมทั้งมีความเชื่อและเหมือนกันหลายๆด้านแล้วย่อมได้รับการตอบรับที่เร็ว กว่า
 การมองเห็นความสำคัญของวันสำคัญๆทางวัฒนธรรมของคนมลายูในพื้นที่ชายแดน ใต้ แม้ว่าจะประกาศให้เป็นวันหยุดหรือไม่   และการมองเห็นความคิดเห็นที่ต่างทางด้านการเมืองการปกครอง หรือ  ระบอบการปกครอง ที่เป็นแนวคิดที่สันติ หรือ รุนแรง  รัฐจำเป็นที่ต้องเปิดพื้นที่การยอมรับในใจตนเอง(ผู้ปกครอง)เสียก่อนว่า   มีแนวคิดที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง  และพื้นที่เวทีทางการเมือง   หรือเวทีพูดคุย   เจรจากับกลุ่มแกนนำตัวจริงของขบวนการที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ก็จะเกิดขึ้น ตามมา  จะส่งผลให้การทิ้งงบประมาณลงมาไม่สิ้นเปลืองหรือศูนย์เปล่า  และไม่จำเป็นที่ต้องทุ่มเงินเยียวยาเพื่อพวกพ้องให้เกิดปัญหาตามมาจนเกิด เป็นเกมการเมืองสาดน้ำลายใส่กันเกิดขึ้น
 