ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Friday, 20 January 2012

ดวงจำปา: แนะนำวิธีรับมือและตอบโต้เจ้าหน้าที่เผด็จการคุกคามคนไทยในต่างประเทศ

ที่มา Thai E-News

20 มกราคม 2555
โดย ดวงจำปา

ที่มา Doungchampa Spencer


วันนี้ (19 มกราคม 2555) ได้อ่านบทความที่ว่า รองอธิบดีกรมสอบสวนพิเศษ (DSI) ได้ถูกปฎิเสธวีซ่าเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา ตามบทความนี้ ธาริตรับสหรัฐฯ ไม่อนุมัติวีซ่า หน.สอบคดีล้มสถาบัน ดิฉันเลยนึกถึงบทความเก่า ซึ่งเคยเขียนลงไปในเวปของ Internet Freedom เมื่อตอนต้นปีที่แล้ว (กุมภาพันธ์ 2554)

เวปของ ไทยอีนิวส์ ได้ลงข่าวเรื่องนี้: DSIเบ่งกล้ามข้ามโลก ส่งกงสุลข่มขู่ขบวนการของคนเสื้อแดงในแอลเอ และหลังจากนั้น ดิฉันตัดสินใจเขียนบทความ ซึ่งลงไปที่ ไทยอีนิวส์ ซึ่งโพสต์รวมอยู่กับแถลงการณ์ของกลุ่มเสื้อแดง ที่นี่ -> ครือข่ายเสื้อแดงโลกเตือนDSIยุติไล่ล่าแดงต่างแดน จ่อดำเนินคดีกงสุลLAฐานเป็นมาเฟียเหนือกม.สหรัฐ

ถ้าท่านไม่สามารถอ่านบทความจากไทยอีนิวส์ได้ ดิฉันได้ copy บทความทั้งหมดและโพสต์ไว้ที่นี่ค่ะ:

บทความอ้่างอิง: การข่มขู่ของ DSI กับพี่น้องชาวไทยที่อยู่ต่างประเทศ

-----------------------------

ดิฉันขอเขียนย้ำใหม่ให้ทราบว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้อีกในต่างประเทศ ไม่เป็นแต่เพียงประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่สามารถดัดแปลงใช้ในประเทศที่ท่านอาศัยอยู่ได้ ดิฉันขอแนะนำวิธีรับมือและตอบโต้กรณีรัฐบาลเผด็จการคุกคามคนไทยต่างประเทศ ดังต่อไปนี้:

แนะนำวิธีรับมือและตอบโต้เจ้าหน้าที่เผด็จการคุกคามคนไทยต่างประเทศ:

ดิฉัน เคยเขียนกระทู้ไว้ใน Internet Freedom เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว (2554) ขอนำมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้ง เรื่อง DSI ส่งคนมาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา - แนว ทางแก้ไข...ถ้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น คนไทยในต่างประเทศควรปฏิบัติดังนี้:

1. เรียกตำรวจท้องถิ่นทันที

2. ถึงแม้ว่า ตัว Consul (กงสุล) หรือ หากเจ้าหน้าที่ทางการไทย จะได้รับการปกป้องโดยสิทธิทางการฑูต หรือ Diplomatic Immunity ซึ่งผู้บังคับใช้กฎหมายท้องถิ่น ไม่สามารถทำอะไรกับเขาได้ก็ตาม แต่เป็นหน้าที่ที่ผู้บังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นจะต้องอยู่กับคุณตลอดเวลาและ ต้องลงบันทึกรายวัน เป็นลายลักษณ์อักษรเอาไว้ (ถ้าไม่ลงบันทึก คุณมีสิทธิร้องขอได้ ถ้าเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นไม่ทำตาม กรุณาบันทึกชื่อและนามสกุลของเจ้าหน้าที่ท่านนั้นไว้ เพื่อการอ้างอิงภายหลัง)

3. อธิบายผู้บังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นด้วยว่า เจ้าหน้าที่ทางการไทย เขามาสอบถาม และ สืบข้อมูลเรื่องอะไร ถ้ามีการข่มขู่เกิดขึ้น ขอให้ลงบันทึกหลักฐานไว้ด้วย

4. ติดต่อกับ News Agency หรือ สื่อมวลชนในท้องถิ่น อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังทั้งหมด (ข้อนี้เป็นการย้อนศรที่เจ็บแสบ) ขอร้องให้เขียนเป็นข่าว หรือ ทำเป็นสกู๊ปข่าว / วิดีโอ ด้วย

5. จดทะเบียนรถ หรือ รายละเอียดของรถที่พวกเขาขับมาด้วย ว่า เป็นรถอะไร สีอะไร และทะเบียนอะไร ถ่ายรูปเอาไว้ รวมถึงรายละเอียดว่า พวกเขามาที่เคหะสถานคุณเวลาเท่าไรด้วย

6. ห้ามเดินทางไปที่สถานทูตฯ ไทยโดยเด็ดขาด เพราะ ในบริเวณสถานทูตฯ ไทย เจ้าหน้าที่ทางการไทยจะได้รับสิทธิพิเศษทางการฑูต พวกเขาจะมีสิทธิ เสมือนหนึ่งว่าอยู่ในดินแดนของประเทศไทย ดังนั้นคุณต้องอยู่นอกสถานฑูตไทย เพราะยังถือว่า เป็นดินแดนของประเทศที่คุณอาศัยอยู่ เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะเจ้าหน้าที่ทางการไทยต้องการหลอกล่อให้คุณ เข้าไปในบริเวณพื้นที่ของสถานทูตฯ ด้วยการหว่านล้อม หรือเทคนิคอื่นๆสารพัดวิธี เพื่อให้คุณตกหลุมพรางยอมไปกับพวกเขาให้ได้ และเพื่อที่จะสามารถดำเนินการกับคุณตามกฎหมายไทยได้ตามอำเภอใจของพวกเขา

7. เขียน blog หรือบันทึกข้อความของคุณใน Facebook หรือเวปที่เป็น Social Networks หลังจากที่เจ้าหน้าที่ทางการไทยเหล่านี้มาพบกับท่าน และขอร้องให้ช่วยกันแชร์เรื่องนี้ออกไปให้มากที่สุด

8. ถ้ามีเวลาและสามารถใช้ภาษาท้องถิ่นได้ กรุณารายงานเรื่องนี้ให้กับ Department of State หรือ Ministry of Foreign Affairs หรือกระทรวงที่เทียบเท่ากับกระทรวงการต่างประเทศในประเทศนั้นๆ ทราบว่า มีบุคลากรระดับกงสุลต่างประเทศได้ใช้สิทธิพิเศษทางการฑูตเข้ามาข่มขู่ พลเมืองถาวรหรือประชากรของประเทศเขา

9. ช่วยกันกระจายข่าวเรื่องนี้ให้กับสถานีวิทยุของกลุ่มผู้รักประชาธิปไตยได้ ทราบ เพื่อวิทยากรของรายการจะสามารถดำเนินการถ่ายทอดให้ผู้ฟังได้ทราบถึงการกระทำ ของตัวบุคคลเหล่านี้

10. รัฐอย่างน้อย 31 รั้ฐ ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีกฎหมายเรื่อง Castle Doctrine หรือ Make My Day Law ซึ่งอนุญาตให้ผู้ที่อยู่อาศัยในเคหะสถานสามารถใช้อาวุธต่อ ผู้บุกรุกหรือผู้ที่ไม่ได้รับเชิญจากเจ้าของเคหะสถานได้ เมื่อมีความเชื่อว่า ชีวิตของตนเองกำลังตกอยู่ในอันตราย (เคยมีคนพูดให้ฟังว่า เจ้าหน้าที่สถานฑูตไทยหลายท่าน ชอบไปด้อมๆ มองๆ ว่า บ้านคนไทยนั้น มีคนที่ตัวเองต้องการไปพบอยู่หรือเปล่า แทนที่จะทำการนัดหมายและตกลงอย่างเป็นทางการเสียก่อน) การเข้าไปในบริเวณเคหะสถาน (ถึงแม้จะไม่มีรั้วกั้นก็ตาม ถือว่าเป็นการบุกรุกโดยไม่ได้รับอนุญาต) เรื่องนี้ บุคคลที่อยู่แต่ละประเทศ ต้องศึกษากฎหมายของประเทศนั้นๆ ว่าเป็นอย่างไร ในเรื่องแบบนี้

สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ คุณห้ามเซ็นเอกสารใดๆโดยเด็ดขาด คุณมีสิทธิทุกอย่าง รวมทั้งการขออนุญาตให้ทำการบันทึกเสียงหรือนำพยานบุคคลที่เป็นคนไทยไปกับคุณ เจ้าหน้าที่ทางการไทยไม่มีสิทธิขอตรวจดู Green Card, Passport, ใบขับขี่ หรือเอกสารทุกชนิดของคุณ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ประเทศนั้นๆ อย่างถูกกฎหมายหรือไม่ก็ตาม (เพราะเรื่องเหล่านี้ เป็นเรื่องของผู้บังคับใช้กฎหมายของประเทศนั้นๆ)

สิทธิ ของคุณยังคงได้รับการปกป้องตามรัฐธรรมนูญของประเทศที่คุณอยู่ ถ้าเป็นทีประเทศสหรัฐอเมริกา รัฐธรรมนูญในบทเพิ่มเติมที่ 5 และบทเพิ่มเติมที่ 7 ไม่มีใครสามารถพิจารณาคดีของคุณได้ด้วยกฎหมายของประเทศอื่น คุณยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ และมีสิทธิไม่ให้การใดๆได้ทั้งสิ้น

เจ้าหน้าที่ทางการไทย ไม่ใช่ผู้บังคับใช้กฎหมายตามกฎหมายของประเทศที่คุณอาศัยอยู่ อำนาจที่พวกเขามีอยู่ในประเทศไทยนั้นขัดกับอำนาจทางศาลของท้องถิ่นในต่าง ประเทศ ซึ่งพวกเขากำลังกระทำความผิดตามกฎหมายในดินแดนของประเทศที่คุณอยู่ในเรื่อง การใช้กฎหมายทับซ้อน หรือ Illegal Jurisdiction ไม่ใช่ตัวคุณ คนที่ต้องเกรงกลัวกฎหมายท้องถิ่นคือพวกเขา ไม่ใช่คุณ

พวกเขาจะใช้ เทคนิคการข่มขู่ทางจิตวิทยา หรือ Psychological intimidation เป็นต้นว่า ถ้าคุณไม่ร่วมมือ คุณจะกลับเมืองไทยไม่ได้ หรือ ครอบครัวที่เมืองไทยของคุณ จะมีปัญหา คุณไม่ต้องเกรงกลัวคำขู่ใดๆ ขอร้องให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น บันทึกข้อความเหล่านั้นไว้ทั้งหมด

พวกเขาไม่มีสิทธิ ไม่มีอำนาจใดๆในท้องถิ่น ผู้ถือหมายศาลจะเป็น Police, Sheriff หรือ Court Officers ของท้องถิ่นเท่านั้น ตรงกันข้าม พวกเขากำลังกระทำความผิดด้วยการ แอบอ้างตัวเองในการใช้อำนาจซ้อนอำนาจศาลท้องถิ่น และใช้ Diplomatic Immunity (สิทธิพิเศษทางการฑูต) เข้ามาบังหน้า ซึ่ง Police & Sheriff ในท้องถิ่น ยอมไม่ได้แน่ๆ ที่มีคนต่างชาติเข้ามาแอบอ้าง ใช้อำนาจต่างๆ ในเขตบังคับใช้กฎหมาย หรือ Jurisdiction ของพวกเขา ยิ่งถ้าพวกเจ้าหน้าที่ทางการไทยไม่ได้ติดต่อ Police & Sheriff ในท้องถิ่นก่อนหน้าด้วยแล้ว ถือว่าเป็นการไม่ไว้หน้ากัน (ขนาด FBI ในประเทศสหรัฐอเมริกา จะมาปฎิบัติงานในท้องถิ่นนั้น สำนักงานหรือตัวแทนของพวกเขายังต้องติดต่อกับผู้บังคับใช้กฎหมายของท้องถิ่น ก่อนเลย ว่า เขาจะ takeover หรือเป็นผู้รับทำเคสนั้นๆ แทน)

หวัง ว่า บทความนี้ คงเป็นประโยชน์สำหรับพี่น้องคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ ดิฉันคิดว่าประเทศที่ท่านอาศัยอยู่ คงได้รับการปกป้องอยู่แล้วจาก กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ฉบับภาษาไทยอยู่ ที่นี่ค่ะ

ขอแนะนำให้ เพื่อนๆ ที่อยู่ต่างประเทศ ช่วยแชร์บทความนี้ด้วย จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง

Doungchampa Spencer

----------------------

บทความเกี่ยวเนื่อง:

บทความอ้่างอิง: การข่มขู่ของ DSI กับพี่น้องชาวไทยที่อยู่ต่างประเทศ