ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Thursday, 12 January 2012

‘พีมูฟ’ จวกรัฐฯ ไร้น้ำยา แก้ปัญหาไม่คืบ จ่อรวมพลไปทวงถามถึง ‘ครม.สัญจร’ เชียงใหม่

ที่มา ประชาไท

ขบวนคนจนกว่า 1,000 คน นัดรวมตัวยื่นหนังสือ ‘ยิ่งลักษณ์’ ถึงที่ประชุม ครม.สัญจร เชียงใหม่ ร้องแก้ปัญหาที่ดิน ปัญหาคนจน และสิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากร แถลงการณ์จวกรัฐฯ ไร้น้ำยาเจรจา 5 เดือน แก้ปัญหาไม่คืบ

(11 ม.ค.54) นายบุญ แซ่จุง ผู้ประสานงานเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด กล่าวถึงการเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของเครือข่ายภาคประชาชนในนามขบวนการ ประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือพีมูฟ (P Move) ว่า ขปส.ได้นัดหมายสมาชิกทั่วประเทศกว่า 1,000 คน รวมตัวเข้ายื่นหนังสือกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ที่ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ ในวันที่ 14-15 ม.ค.นี้ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาที่ดิน ปัญหาคนจน และสิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากร ดิน น้ำ ป่า รวมทั้งเร่งผลักดันนโยบายที่รัฐบาลแถลงไว้ต่อรัฐสภา อาทิ โฉนดชุมชน การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและการแก้ไขปัญหาคดีโลกร้อน การจัดเก็บภาษีที่ดินในอัตราก้าวหน้า และการผลักดัน พ.ร.บ.สิทธิชุมชน
ทั้งนี้ ขปส.เป็นเครือข่ายของเกษตรกรรายย่อยและคนจนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนา ประเทศที่ผิดพลาดในอดีตประกอบด้วยเครือข่ายสลัม 4 ภาค, สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ, เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคเหนือ, เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน, สมัชชาคนจน, เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง, เครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด, สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ และกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าชีวมวลและคัดค้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ จังหวัดอุบลราชธานี ที่รวมตัวกันเพื่อผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหา ลดความเหลื่อมล้ำอันเป็นปัญหาความยากจนและความไม่เป็นธรรมจากนโยบายและ โครงการพัฒนาของรัฐ
“สิ่งที่ชาวบ้านต้องการไม่ใช่แต่คำแถลง แต่ให้มีมติ มีคำสั่งออกมา ให้รัฐบาลใช้อำนาจในทางบริหาร ไม่อย่างนั้นข้าราชการก็ไม่ดำเนินการ ปัญหามันก็ไม่แก้” ผู้ประสานงานเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัดกล่าว
นายบุญกล่าวด้วยว่า จากการติดตามผลการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลที่ผ่านมาพบว่า แม้รัฐบาลนี้จะนำข้อเสนอของภาคประชาชนไปแถลงเป็นนโยบายต่อสภา แต่ในการขับเคลื่อนนโยบายกลับไม่มีความคืบหน้า ขณะที่ปัญหาในพื้นที่ก็รุมเร้า ชาวบ้านในพื้นที่โฉนดชุมชนถูกจับกุมดำเนินคดี ถูกข่มขู่คุกคามโดยกลุ่มอิทธิพล ทางเครือข่ายจึงได้หารือร่วมกันและเห็นพ้องในการเคลื่อนไหวให้เกิดการแก้ไข ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการรวมตัวกันติดตามเพื่อขอเข้ายื่นหนังสือต่อนายกฯ ในวันที่ 14 ม.ค.เป็นต้นไป โดยการชุมนุมครั้งนี้จะยึดแนวทางสันติวิธี
ผู้ประสานงานเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด กล่าวว่า ข้อเรียกร้องหลักที่จะยื่นต่อรัฐบาล คือ 1.ให้นายกรัฐมนตรีลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการเพื่อแก้ไขปัญหาของขบวน การประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ตามมติการเจรจาเมื่อวันที่ 3 ต.ค.54 พร้อมกำหนดวันประชุมโดยเร็ว 2.เร่งเร่งดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารสถาบันบริหารจัดการธนาคาร ที่ดิน โดยมีตัวแทนของ ขปส.ร่วมเป็นกรรมการ
3.ให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณจัดซื้อที่ดินเพื่อแก้ไขปัญหาของคนไร้ บ้าน 4.ให้รัฐบาลเร่งดำเนินกำหนดพื้นที่ ชุมชน พิธีกรรม พื้นที่ทำกินในทะเล ในเขตวัฒนธรรมพิเศษชาวและสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินการ และ 4.ขอให้ยุติการจับกุมดำเนินคดีในพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชนและชาวบ้านในเขต วัฒนธรรมพิเศษชาวเล
นายบุญกล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านมีการเรียกร้องให้รัฐบาลทุกชุดชะลอเรื่องการจับกุมดำเนิน คดีในพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชนมาโดยตลอด แต่ก็ไม่สามารถดำเนินการได้จริงเนื่องจากข้ออ้างว่าขัดต่อกฎหมาย ทั้งที่โดยส่วนตัวเห็นว่าการดำเนินการโฉนดชุมชนนี้อิงตามหลักสิทธิชุมชน ตามมาตรา 66 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีผลบังคับใช้อยู่แล้วและรัฐบาลควรต้องยึดถือ ไม่ใช่การยึดกฎหมายลูก ดังนั้นจึงอยากให้มีมติ ครม.เพื่อให้ยุติการจับกุมดำเนินคดีดังกล่าวเพื่อเป็นการแก้ปัญหา
ส่วนกรณีที่รัฐบาลเล็งเปลี่ยนชื่อ “โฉนดชุมชน” เป็น “สิทธิที่ดินชุมชน” นายบุญกล่าวว่า ชื่อโฉนดชุมชุมเป็นชื่อที่ทางเครือข่ายภาคประชาชนตั้งขึ้นเองไม่ได้เกี่ยว ข้องกับรัฐบาลชุดที่ผ่านมา และไม่ต้องการให้เปลี่ยน อีกทั้งไม่น่าเกี่ยวกับเรื่องที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดเพี้ยน และในทางกฎหมายเองระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับโฉนดชุมชน ก็ได้ผ่านคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว อีกทั้งคำว่าโฉนดชุมชนยังเกี่ยวพันกับคำสั่งต่างๆ ก่อนหน้านี้ของรัฐ การเปลี่ยนชื่ออาจส่งผลกระทบเชื่อมโยงกันไปได้ หากรัฐคิดว่าอยากทำในสิ่งที่ดีขึ้นน่าจะเป็นการผลักดัน พ.ร.บ.สิทธิชุมชนให้ออกมารองรับไปเลยจะดีกว่า
ขณะที่นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา ถึงการจัดประชุม ครม.สัญจรว่า นายกรัฐมนตรีสั่งการให้จัดการประชุม ครม.สัญจรเดือนละครั้ง โดยในวันที่ 14-15 ม.ค. จะจัดประชุม ครม.สัญจรครั้งแรกขึ้นที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปในช่วงบ่ายของวันที่ 14 ม.ค. หลังร่วมงานวันเด็กแห่งชาติเสร็จสิ้น โดยจะเดินทางไปร่วมปลูกป่าที่ จ.เชียงรายก่อนร่วมงานเลี้ยงกับ ครม.เเละสื่อมวลชนที่ จ.เชียงใหม่
ในเดือนถัดไปช่วงวันที่ 20-21 ก.พ.จะจัด ครม.สัญจรในภาคอีสาน ที่ จ.ขอนแก่น จากนั้น ในช่วงวันที่ 19-20 มี.ค. จะจัดขึ้นในภาคใต้ โดยมอบหมายให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้พิจารณาสถานที่ ส่วน ครม.สัญจรในภาคกลาง กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 23-24 เม.ย. โดยมอบหมายให้นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นผู้พิจารณาจังหวัด ทั้งนี้ในการลงพื้นที่ไปจังหวัดใดนั้น จะพิจารณาจากปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก
แถลงการณ์ฉบับที่
เจรจาเดือนรัฐบาลไร้น้ำยาปัญหาคนจนไม่คืบหน้า
ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.)เป็นเครือข่ายของเกษตรกรรายย่อยและคนจนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาประเทศที่ผิดพลาดในอดีตประกอบด้วยเครือข่ายสลัมภาค,สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ(สกน.),เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคเหนือ(คปน.),เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน(คปอ.),สมัชชาคนจน(สคจ.),เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง(คปสม.),เครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด,สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้(สกต.)กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าชีวมวลและคัดค้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จังหวัดอุบลราชธานีได้รวมตัวกันเพื่อผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหาเพื่อลดความเหลื่อมล้ำอันเป็นปัญหาความยากจนและความไม่เป็นธรรมจากนโยบายและโครงการพัฒนาของรัฐ
ก่อนการเลือกตั้งขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.)ได้ร่วมกับองค์กรภาคประชาชนจำนวน๔๐องค์กรจัดเวทีสัญญาประชาคมประชาชนพบพรรคการเมืองขึ้นเมื่อวันที่๒๔มิถุนายน๒๕๕๔มหาวิทยาลัยรังสิตกรุงเทพมหานครเพื่อยื่นข้อเสนอและแนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อให้พรรคการเมืองนำไปบรรจุไว้เป็นนโยบายของรัฐบาลหากชนะการเลือกตั้งโดยพรรคเพื่อไทยได้มอบหมายให้นายปลอดประสพสุรัสวดีรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเดินทางไปร่วมเวทีและได้ลงนามในสัญญาประชาคมพร้อมให้คำมั่นว่าหากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งและได้จัดตั้งรัฐบาลจะนำข้อเสนอของภาคประชาชนไปบรรจุไว้เป็นนโยบายรัฐบาล
ภายหลังการเลือกตั้งขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.)ได้ใช้ความพยายามทุกวิถีทางในการประสานงานขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อติดตามทวงถามสัญญาประชาคมที่พรรคเพื่อไทยให้คำมั่นไว้กับประชาชนโดยการส่งไปรษณียบัตรการยื่นจดหมายผ่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทยและผู้ว่าราชการจังหวัดรวมทั้งการรณรงค์โดยใช้ขบวนมอเตอร์ไซค์เดินทางไปขอเข้าพบท่านในระหว่างวันที่-๘สิงหาคม๒๕๕๔ที่ผ่านมาโดยท่านได้มอบหมายให้นายปลอดประสพสุรัสวดี,นายแพทย์ชลน่านศรีแก้วและนายพร้อมพงศ์นพฤทธิ์เดินทางมารับข้อเรียกร้องและสัญญาว่าจะนำข้อเรียกร้องทั้งหมดโดยเฉพาะเรื่องการกระจายการถือครองที่ดินการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยปัญหาความเหลื่อมล้ำและการสร้างความเป็นธรรมบรรจุไว้ในนโยบายของรัฐบาลรวมทั้งการแต่งตั้งกลไกร่วมระหว่างรัฐบาลกับภาคประชาชนเพื่อสานต่อการแก้ไขปัญหาให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว
ต่อมาเมื่อวันที่ตุลาคม๒๕๕๔ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.)ได้มาติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาที่ทำเนียบรัฐบาลและในวันดังกล่าวรัฐบาลได้มอบหมายให้รมต.กฤษณาสีหลักษณ์มาเจรจากับพวกเราโดยการเจรจาดังกล่าวสามารถบรรลุเป้าหมายมีข้อตกลงหลายเรื่องโดยเฉพาะการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการร่วมระหว่างรัฐบาลกับพวกเราเพื่อเป็นกลไกหลักในการแก้ไขปัญหาจากนั้นเป็นต้นมาพวกเราได้ใช้ความพยายามประสานงานกับรัฐบาลเพื่อติดตามการปฏิบัติตามผลการเจรจาเมื่อวันที่ตุลาคม๒๕๕๔แต่จนถึงขณะนี้เวลาผ่านมาหลายเดือนก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดเลยขณะที่หลายพื้นที่ก็มีการจับกุมดำเนินคดีกับชาวบ้านมากขึ้นอย่างต่อเนื่องอันเป็นรูปธรรมที่สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาของพวกเราอันหมายถึงความไม่จริงใจของรัฐบาล
ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.)ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการดังนี้
.ยุติการจับกุมดำเนินคดีในพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชนและชาวบ้านในเขตวัฒนธรรมพิเศษชาวเล
.เร่งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการเพื่อแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.)ตามมติการเจรจาเมื่อวันที่ตุลาคม๒๕๕๔พร้อมกำหนดวันประชุมโดยเร็ว
.ให้เร่งดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดินโดยมีตัวแทนของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.)ร่วมเป็นกรรมการ
.ให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณสำหรับดำเนินการจัดซื้อที่ดินเพื่อแก้ไขปัญหาของคนไร้บ้าน
.ให้รัฐบาลเร่งดำเนินกำหนดพื้นที่(ชุมชน,พิธีกรรม,พื้นที่ทำกินในทะเล)เขตวัฒนธรรมพิเศษชาวเลและสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินการ
.เร่งผลักดันนโยบายที่รัฐบาลแถลงไว้ต่อรัฐสภาดังนี้
๖.๑จัดทำโฉนดชุมชน
๖.๒เร่งปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและการแก้ไขปัญหาคดีโลกร้อน
๖.๓เร่งกระจายการถือครองที่ดินด้วยมาตรการด้านการจัดเก็บภาษีที่ดินในอัตราก้าวหน้า
๖.๔เร่งผลักดันพรบ.สิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากรดินน้ำป่าโดยชุมชนมีส่วนร่วม
ดังนั้นขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.)จึงจำเป็นที่จะต้องติดตามการแก้ไขปัญหาโดยพวกเราจะไปพบกับรัฐบาลในการประชุมครม.สัญจรที่เชียงใหม่เพื่อผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม
ด้วยความเชื่อมั่นในพลังประชาชน
ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.)
เครือข่ายสลัมภาค
สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ(สกน.)
เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคเหนือ(คปน.)
เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน(คปอ.)
สมัชชาคนจน(สคจ.)
เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง(คปสม.)
เครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด
สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้(สกต.)
กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าชีวมวลและคัดค้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จังหวัดอุบลราชธานี
๑๐มกราคม๒๕๕๕
อนุสรณ์สถาน๑๔ตุลา