ขบวนคนจนกว่า 1,000 คน นัดรวมตัวยื่นหนังสือ ‘ยิ่งลักษณ์’ ถึงที่ประชุม ครม.สัญจร เชียงใหม่ ร้องแก้ปัญหาที่ดิน ปัญหาคนจน และสิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากร แถลงการณ์จวกรัฐฯ ไร้น้ำยาเจรจา 5 เดือน แก้ปัญหาไม่คืบ
(11 ม.ค.54) นายบุญ แซ่จุง  ผู้ประสานงานเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด  กล่าวถึงการเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของเครือข่ายภาคประชาชนในนามขบวนการ ประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือพีมูฟ (P Move) ว่า  ขปส.ได้นัดหมายสมาชิกทั่วประเทศกว่า 1,000 คน  รวมตัวเข้ายื่นหนังสือกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  ในวันประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ที่ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ ในวันที่  14-15 ม.ค.นี้ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาที่ดิน ปัญหาคนจน  และสิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากร ดิน น้ำ ป่า  รวมทั้งเร่งผลักดันนโยบายที่รัฐบาลแถลงไว้ต่อรัฐสภา อาทิ โฉนดชุมชน  การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและการแก้ไขปัญหาคดีโลกร้อน  การจัดเก็บภาษีที่ดินในอัตราก้าวหน้า และการผลักดัน พ.ร.บ.สิทธิชุมชน
 ทั้งนี้  ขปส.เป็นเครือข่ายของเกษตรกรรายย่อยและคนจนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนา ประเทศที่ผิดพลาดในอดีตประกอบด้วยเครือข่ายสลัม 4 ภาค,  สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ, เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคเหนือ,  เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน, สมัชชาคนจน,  เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง,  เครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด, สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้  และกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าชีวมวลและคัดค้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ จังหวัดอุบลราชธานี ที่รวมตัวกันเพื่อผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหา  ลดความเหลื่อมล้ำอันเป็นปัญหาความยากจนและความไม่เป็นธรรมจากนโยบายและ โครงการพัฒนาของรัฐ
 “สิ่งที่ชาวบ้านต้องการไม่ใช่แต่คำแถลง แต่ให้มีมติ มีคำสั่งออกมา  ให้รัฐบาลใช้อำนาจในทางบริหาร ไม่อย่างนั้นข้าราชการก็ไม่ดำเนินการ  ปัญหามันก็ไม่แก้”  ผู้ประสานงานเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัดกล่าว
 นายบุญกล่าวด้วยว่า  จากการติดตามผลการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลที่ผ่านมาพบว่า  แม้รัฐบาลนี้จะนำข้อเสนอของภาคประชาชนไปแถลงเป็นนโยบายต่อสภา  แต่ในการขับเคลื่อนนโยบายกลับไม่มีความคืบหน้า  ขณะที่ปัญหาในพื้นที่ก็รุมเร้า  ชาวบ้านในพื้นที่โฉนดชุมชนถูกจับกุมดำเนินคดี  ถูกข่มขู่คุกคามโดยกลุ่มอิทธิพล  ทางเครือข่ายจึงได้หารือร่วมกันและเห็นพ้องในการเคลื่อนไหวให้เกิดการแก้ไข ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม  ด้วยการรวมตัวกันติดตามเพื่อขอเข้ายื่นหนังสือต่อนายกฯ ในวันที่ 14  ม.ค.เป็นต้นไป โดยการชุมนุมครั้งนี้จะยึดแนวทางสันติวิธี 
 ผู้ประสานงานเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด กล่าวว่า  ข้อเรียกร้องหลักที่จะยื่นต่อรัฐบาล คือ  1.ให้นายกรัฐมนตรีลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการเพื่อแก้ไขปัญหาของขบวน การประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ตามมติการเจรจาเมื่อวันที่ 3 ต.ค.54  พร้อมกำหนดวันประชุมโดยเร็ว  2.เร่งเร่งดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารสถาบันบริหารจัดการธนาคาร ที่ดิน โดยมีตัวแทนของ ขปส.ร่วมเป็นกรรมการ
 3.ให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณจัดซื้อที่ดินเพื่อแก้ไขปัญหาของคนไร้ บ้าน 4.ให้รัฐบาลเร่งดำเนินกำหนดพื้นที่ ชุมชน พิธีกรรม พื้นที่ทำกินในทะเล  ในเขตวัฒนธรรมพิเศษชาวและสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินการ และ  4.ขอให้ยุติการจับกุมดำเนินคดีในพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชนและชาวบ้านในเขต วัฒนธรรมพิเศษชาวเล
 นายบุญกล่าวเพิ่มเติมว่า  ที่ผ่านมาชาวบ้านมีการเรียกร้องให้รัฐบาลทุกชุดชะลอเรื่องการจับกุมดำเนิน คดีในพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชนมาโดยตลอด  แต่ก็ไม่สามารถดำเนินการได้จริงเนื่องจากข้ออ้างว่าขัดต่อกฎหมาย  ทั้งที่โดยส่วนตัวเห็นว่าการดำเนินการโฉนดชุมชนนี้อิงตามหลักสิทธิชุมชน  ตามมาตรา 66 ของรัฐธรรมนูญ  ซึ่งมีผลบังคับใช้อยู่แล้วและรัฐบาลควรต้องยึดถือ ไม่ใช่การยึดกฎหมายลูก  ดังนั้นจึงอยากให้มีมติ  ครม.เพื่อให้ยุติการจับกุมดำเนินคดีดังกล่าวเพื่อเป็นการแก้ปัญหา
 ส่วนกรณีที่รัฐบาลเล็งเปลี่ยนชื่อ “โฉนดชุมชน” เป็น  “สิทธิที่ดินชุมชน” นายบุญกล่าวว่า  ชื่อโฉนดชุมชุมเป็นชื่อที่ทางเครือข่ายภาคประชาชนตั้งขึ้นเองไม่ได้เกี่ยว ข้องกับรัฐบาลชุดที่ผ่านมา และไม่ต้องการให้เปลี่ยน  อีกทั้งไม่น่าเกี่ยวกับเรื่องที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดเพี้ยน  และในทางกฎหมายเองระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับโฉนดชุมชน  ก็ได้ผ่านคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว  อีกทั้งคำว่าโฉนดชุมชนยังเกี่ยวพันกับคำสั่งต่างๆ ก่อนหน้านี้ของรัฐ  การเปลี่ยนชื่ออาจส่งผลกระทบเชื่อมโยงกันไปได้  หากรัฐคิดว่าอยากทำในสิ่งที่ดีขึ้นน่าจะเป็นการผลักดัน  พ.ร.บ.สิทธิชุมชนให้ออกมารองรับไปเลยจะดีกว่า
 ขณะที่นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่  10 ม.ค.ที่ผ่านมา ถึงการจัดประชุม ครม.สัญจรว่า  นายกรัฐมนตรีสั่งการให้จัดการประชุม ครม.สัญจรเดือนละครั้ง โดยในวันที่  14-15 ม.ค. จะจัดประชุม ครม.สัญจรครั้งแรกขึ้นที่ จ.เชียงใหม่  ซึ่งนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปในช่วงบ่ายของวันที่  14 ม.ค. หลังร่วมงานวันเด็กแห่งชาติเสร็จสิ้น โดยจะเดินทางไปร่วมปลูกป่าที่  จ.เชียงรายก่อนร่วมงานเลี้ยงกับ ครม.เเละสื่อมวลชนที่ จ.เชียงใหม่ 
 ในเดือนถัดไปช่วงวันที่ 20-21 ก.พ.จะจัด ครม.สัญจรในภาคอีสาน ที่  จ.ขอนแก่น จากนั้น ในช่วงวันที่ 19-20 มี.ค. จะจัดขึ้นในภาคใต้  โดยมอบหมายให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้พิจารณาสถานที่  ส่วน ครม.สัญจรในภาคกลาง กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 23-24 เม.ย.  โดยมอบหมายให้นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน  เป็นผู้พิจารณาจังหวัด ทั้งนี้ในการลงพื้นที่ไปจังหวัดใดนั้น  จะพิจารณาจากปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก
 แถลงการณ์ฉบับที่๘
 เจรจา๕เดือนรัฐบาลไร้น้ำยาปัญหาคนจนไม่คืบหน้า
 ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.)เป็นเครือข่ายของเกษตรกรรายย่อยและคนจนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาประเทศที่ผิดพลาดในอดีตประกอบด้วยเครือข่ายสลัม๔ภาค,สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ(สกน.),เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคเหนือ(คปน.),เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน(คปอ.),สมัชชาคนจน(สคจ.),เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง(คปสม.),เครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด,สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้(สกต.)กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าชีวมวลและคัดค้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จังหวัดอุบลราชธานีได้รวมตัวกันเพื่อผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหาเพื่อลดความเหลื่อมล้ำอันเป็นปัญหาความยากจนและความไม่เป็นธรรมจากนโยบายและโครงการพัฒนาของรัฐ
 ก่อนการเลือกตั้งขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.)ได้ร่วมกับองค์กรภาคประชาชนจำนวน๔๐องค์กรจัดเวทีสัญญาประชาคมประชาชนพบพรรคการเมืองขึ้นเมื่อวันที่๒๔มิถุนายน๒๕๕๔ณมหาวิทยาลัยรังสิตกรุงเทพมหานครเพื่อยื่นข้อเสนอและแนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อให้พรรคการเมืองนำไปบรรจุไว้เป็นนโยบายของรัฐบาลหากชนะการเลือกตั้งโดยพรรคเพื่อไทยได้มอบหมายให้นายปลอดประสพสุรัสวดีรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเดินทางไปร่วมเวทีและได้ลงนามในสัญญาประชาคมพร้อมให้คำมั่นว่าหากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งและได้จัดตั้งรัฐบาลจะนำข้อเสนอของภาคประชาชนไปบรรจุไว้เป็นนโยบายรัฐบาล
 ภายหลังการเลือกตั้งขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.)ได้ใช้ความพยายามทุกวิถีทางในการประสานงานขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อติดตามทวงถามสัญญาประชาคมที่พรรคเพื่อไทยให้คำมั่นไว้กับประชาชนโดยการส่งไปรษณียบัตรการยื่นจดหมายผ่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทยและผู้ว่าราชการจังหวัดรวมทั้งการรณรงค์โดยใช้ขบวนมอเตอร์ไซค์เดินทางไปขอเข้าพบท่านในระหว่างวันที่๖-๘สิงหาคม๒๕๕๔ที่ผ่านมาโดยท่านได้มอบหมายให้นายปลอดประสพสุรัสวดี,นายแพทย์ชลน่านศรีแก้วและนายพร้อมพงศ์นพฤทธิ์เดินทางมารับข้อเรียกร้องและสัญญาว่าจะนำข้อเรียกร้องทั้งหมดโดยเฉพาะเรื่องการกระจายการถือครองที่ดินการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยปัญหาความเหลื่อมล้ำและการสร้างความเป็นธรรมบรรจุไว้ในนโยบายของรัฐบาลรวมทั้งการแต่งตั้งกลไกร่วมระหว่างรัฐบาลกับภาคประชาชนเพื่อสานต่อการแก้ไขปัญหาให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว
 ต่อมาเมื่อวันที่๓ตุลาคม๒๕๕๔ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.)ได้มาติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาที่ทำเนียบรัฐบาลและในวันดังกล่าวรัฐบาลได้มอบหมายให้รมต.กฤษณาสีหลักษณ์มาเจรจากับพวกเราโดยการเจรจาดังกล่าวสามารถบรรลุเป้าหมายมีข้อตกลงหลายเรื่องโดยเฉพาะการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการร่วมระหว่างรัฐบาลกับพวกเราเพื่อเป็นกลไกหลักในการแก้ไขปัญหาจากนั้นเป็นต้นมาพวกเราได้ใช้ความพยายามประสานงานกับรัฐบาลเพื่อติดตามการปฏิบัติตามผลการเจรจาเมื่อวันที่๓ตุลาคม๒๕๕๔แต่จนถึงขณะนี้เวลาผ่านมาหลายเดือนก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆเลยขณะที่หลายพื้นที่ก็มีการจับกุมดำเนินคดีกับชาวบ้านมากขึ้นอย่างต่อเนื่องอันเป็นรูปธรรมที่สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาของพวกเราอันหมายถึงความไม่จริงใจของรัฐบาล
 ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.)ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการดังนี้
 ๑.ยุติการจับกุมดำเนินคดีในพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชนและชาวบ้านในเขตวัฒนธรรมพิเศษชาวเล
 ๒.เร่งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการเพื่อแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.)ตามมติการเจรจาเมื่อวันที่๓ตุลาคม๒๕๕๔พร้อมกำหนดวันประชุมโดยเร็ว
 ๓.ให้เร่งดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดินโดยมีตัวแทนของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.)ร่วมเป็นกรรมการ
 ๔.ให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณสำหรับดำเนินการจัดซื้อที่ดินเพื่อแก้ไขปัญหาของคนไร้บ้าน
 ๕.ให้รัฐบาลเร่งดำเนินกำหนดพื้นที่(ชุมชน,พิธีกรรม,พื้นที่ทำกินในทะเล)เขตวัฒนธรรมพิเศษชาวเลและสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินการ
 ๖.เร่งผลักดันนโยบายที่รัฐบาลแถลงไว้ต่อรัฐสภาดังนี้
             ๖.๑จัดทำโฉนดชุมชน
             ๖.๒เร่งปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและการแก้ไขปัญหาคดีโลกร้อน
             ๖.๓เร่งกระจายการถือครองที่ดินด้วยมาตรการด้านการจัดเก็บภาษีที่ดินในอัตราก้าวหน้า
             ๖.๔เร่งผลักดันพรบ.สิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากรดินน้ำป่าโดยชุมชนมีส่วนร่วม
 ดังนั้นขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.)จึงจำเป็นที่จะต้องติดตามการแก้ไขปัญหาโดยพวกเราจะไปพบกับรัฐบาลในการประชุมครม.สัญจรที่เชียงใหม่เพื่อผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม
 ด้วยความเชื่อมั่นในพลังประชาชน
 ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.)
 เครือข่ายสลัม๔ภาค
  สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ(สกน.)
 เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคเหนือ(คปน.)
 เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน(คปอ.)
 สมัชชาคนจน(สคจ.)
 เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง(คปสม.)
  เครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด
 สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้(สกต.)
  กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าชีวมวลและคัดค้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จังหวัดอุบลราชธานี
 ๑๐มกราคม๒๕๕๕
 อนุสรณ์สถาน๑๔ตุลา
 