ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Tuesday, 24 January 2012

บวรศักดิ์ เมื่อคุณออกจากเหตุผล ก็กลายเป็นนักเลงหรืออันธพาลภายใต้คราบนักวิชาการ

ที่มา thaifreenews

โดย ลูกชาวนาไทย


จากการออกมาตอบโต้ผ่าน facebook ของ ดร.บวรศักดิ์ ที่ตอบโต้ ดร.วรเจตน์ว่า เนรคุณทุนอานันทมหิดลนั้น ตามที่นายบวรศักดิ์ กล่าวใน Facebook ของตนดังนี้

“ผมว่าก่อนจะแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่พวกคุณเสนอ
ควรแก้ข้อบังคับทุนอนันทมหิดล ให้ผู้รับทุนสาบานว่าจะไม่เนรคุณ
และไม่ทรยศต่อพระมหากษัตริย์ผู้พระราชทุนจะง่ายกว่ามั๊ย
ข้อเสนอผมไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญเลย”

ผมอ่านแล้วรู้สึกเลยว่า นี่บวรศักดิ์ ได้ก้าวออกจากเหตุผลไปแล้ว

และ ในที่สุดก็เผยธาตุแท้ออกมา ว่าแท้ที่จริงแล้ว บวรศักดิ์ไม่ใช่ปราญช์ หรือผู้รู้ที่ควรค่าแก่การนับถือเท่าใด ก็แค่ทาสรับใช้ระบอบอำมาตยาธิปไตยเท่านั้นเอง

คือ การรับใช้ระบอบใดระบอบหนึ่ง ก็คงไม่มีปัญหาอะไร หากคุณมีอุดมการณ์อย่างนั้น
แต่ ในฐานะที่เป็นนักวิชาการ การรับใช้ระบอบใดๆ ก็ต้องมีเหตุผลหรือคุณธรรมของนักวิชาการนั้นอยู่ ไม่อย่างนั้นก็เป็นแค่ นักเลงหรือนักโต้วาทีเท่านั้น

นักวิชาการ ก็ต้องโต้กันด้วยเหตุผล ไม่ใช่โต้ไปที่ผู้พูดหรือผู้เสนอ ว่า เป็นใคร หรืออะไร ดีหรือเลวอย่างไร เพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับ "ข้อเสนอ" หรือประเด็นที่เขาเสนอมา

คุณต้องโต้แย้งไปที่ประเด็นนั้น ไม่ใช่โต้แย้งไปที่ผู้พูด

การ ด่าว่า ดร.วรเจตน์ เนรคุณ คือการโต้แย้งไปที่ผู้พูด อย่างนั้น หากสืบสาวราวเรื่องต่อไป ใครที่กินเงินของสาธารณะชน จากภาษี หากทำลายต่อต้านประชาชน ก็เนรคุณทั้งนั้น ดร.บวรศักดิ์ อาจ "เนรคุณ" มากกว่า ดร.วรเจตน์ก็ได้ เพราะกินเงินเดือนประชาชนมาทั้งชีวิตเหมือนกัน แต่ไม่รับใช้ประชาชน

การโต้อย่างนี้ มีแต่ทำให้คนตีกัน

บวร ศักดิ์ ไม่เห็นด้วยกับ วรเจตน์ ในประเด็นใด ที่เขาเสนอมา ทั้งเรื่องแก้ 112 แก้ รธน. การล้างผลพวงของรัฐประหาร ก็โต้แย้งประเด็นเหล่านี้ด้วยเหตุผลที่หนักแน่นกว่า ที่ วรเจตน์เสนอมา สังคมจะได้มองที่เหตุที่ผลว่ามันหักล้างกับที่ วรเจตน์เสนอมาได้หรือไม่

แต่ ก็ไม่เคยเห็น บวรศักดิ์ ที่อ้างว่าเป็นนักกฎหมายมหาชนชั้นครู เขียนบทความทางวิชาการอย่างเป็นชิ้นเป็นอัน หักล้างประเด็นเหล่านี้ได้ด้วยเหตุด้วยผล ก็เคยเห็นมีบทความอันหนึ่ง ว่าต่างประเทศเขาก็มีกฎหมายหมิ่น แล้วโดนเอกอัครราชทูตเนเธอแลนด์ Mr. Van den Hout โต้แย้งเอาจนเงียบไป

พอเป็นประเด็นใหญ่ๆ บวรศักดิ์ก็ไร้กึ้น ไม่สมกับราคาคุย ประเด็นต่างๆ ที่เคยคิดว่าเก่ง มันก็แค่การเขียนสนับสนุนระบอบอำมาตย์ ที่แต่ก่อนยังไม่มีใครกล้าโต้แย้งเท่านั้น เพราะกลัวเกรงอำนาจทางสังคม

วันนี้ พอต้องสู้จริงๆ บวรศักดิ์ก็ไร้กึ้น ออกจากเหตุผล เข้าสู่โหมดการท้าตีท้าต่อย ลำเลิกบุญคุณไปโน้น ไม่สมกับเป็นนักวิชาการใหญ่ อย่างที่พยายามวางตัวเองเป็นแบบนั้นเลย

เรียกว่า "ยุคมืดทางภูมิปัญญาของนักวิชาการสายอำมาตย์" ก็ว่าได้ เพราะส่วนใหญ่ที่ผมเห็นคือ "ออกจากเหตุผล" เข้าสู่การใช้วิธีการอื่นในการโต้แย้งทั้งสิ้น เช่น ด่าว่าคนเสนอ ซึ่งรวมๆ ก็คือการใช้อำนาจคุกคาม ไม่ต่างจากท้าดวลปืนเท่าใดนัก เพราะเหตุผลสู้ไม่ได้

หากนักวิชาการใดเป็นแบบนี้ เขาก็ไม่ใช่นักวิชาการแล้ว เขากลายเป็นนักเลง อันธพาลในคราบนักวิชาการไป

Re:

นักวิชาการ ผมว่า การโต้แย้ง ก็ต้องใช้เหตุผลเท่านั้น

ไม่มีอาวุโส อำนาจ การด่าว่าผรุสวาท หรือวิธีการอื่นในการโต้แย้งผู้เสนอประเด็นใดๆ ทั้งสิ้น

ส่วน คนอื่นๆ จะด่าว่า ผรุสวาท ลำเลิกบุญคุณ ก็อาจทำได้ เพราะเขาไม่ใช่นักวิชาการ และการทำอย่างนี้ก็หักล้าง สิ่งที่ผู้เสนอ "นำเสนอ" ขึ้นมาไม่ได้ เหตุผลที่นักแน่น สามารถโยกคลอนได้ด้วยเหตุผลที่หนักแน่นกว่าเท่านั้น ไม่มีทางที่จะโยกคลอนได้ด้วยวิธีการที่เรียกกันว่า "การก้าวออกจากเหตุผล" ไปได้ เพราะหากก้าวออกจากเหตุผล "คุณก็ไม่ใช่นักวิชาการ" แล้ว เพราะมันคือการใช้อำนาจบาตรใหญ่นั่นเอง

ผมไม่นึกว่าคนระดับบวรศักดิ์ จะหลุดได้ถึงขนาดนี้

นี่แสดงว่าระบอบอำมาตย์กำลังอับจนอย่างยิ่งทีเดียว

เพราะ ฝากของอำมาตย์ไม่มีนักวิชาการใด ที่ใหญ่มีภูมิความรู้มากกว่า ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณแล้ว นี่ถือว่าเป็น "ไม้ตายสุดท้าย" ของระบอบอำมาตย์โดยแท้ ไม้ตายสุดท้าย ไร้กึ้นขนาดนี้ ผมว่าน่าอนาถเหลือเกิน

มันจะต่างอะไรกับ โฆษกสถานีวิทยุยานเกราะ ในสมัยปราบนักศึกษา 6 ตุลาคม 2519