เป็นภาพที่ดูด้วยความสง่าสงาม ในการปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจเยี่ยมเหล่าทัพ ของนายกฯหญิงคนแรก
และเป็นการต้อนรับที่อบอุ่นของ กองทัพไทย ที่ได้มีโอกาสต้อนรับ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก ด้วยการตั้งแถวกองทหารเกียรติยศต้อนรับ
สำหรับภารกิจ ในการตั้งกองทหารเกียรติยศ ตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการจัดกองทหารเกียรติยศ พ.ศ. 2528กำหนดให้จัดในโอกาสดังต่อไปนี้
สำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมราชินี สมเด็จพระบรมราชชนนี และรัชทายาท ให้จัดเมื่อเสด็จในงานพระราชพิธี รัฐพิธี งานพิธีของทหารหรือเสด็จประพาสต่างท้องถิ่น, สำหรับผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ให้จัดเช่นเดียวกับในข้อ
สำหรับนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้จัดเมื่อไปราชการต่างท้องถิ่น และในท้องถิ่นนั้นมีหน่วยทหารตั้งอยู่
สำหรับผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ และผู้บัญชาการทหารอากาศ ให้จัดเมื่อไปราชการต่างท้องถิ่น และในท้องถิ่นนั้นมีหน่วยทหารในสังกัดตั้งอยู่
สำหรับประมุขของรัฐต่างประเทศ ผู้แทนรัฐบาลต่างประเทศ และแขกผู้มีเกียรติของรัฐบาล
สำหรับ พระบรมราชานุสาวรีย์และอนุสาวรีย์ผู้ประกอบคุณงามความดีแก่ประเทศชาติเป็น อย่างยิ่ง ให้จัดเมื่อประกอบพิธีเปิดหรือจัดพิธีสมโภชเป็นทางราชการ
สำหรับศพทหารซึ่งเสียชีวิตในขณะประจำการ ให้จัดเมื่อเวลาเผาหรือฝัง ตามศาสนาของผู้เสียชีวิต และสำหรับธงชัยเฉลิมพล ให้จัดในเมื่อเวลารับหรือส่งธง
ภาพของความพร้อมใจ ที่ดูเหมือนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทอดไมตรีความเป็นมิตร กับทางผู้บัญชาการเหล่าทัพ เป็นาภพที่ดูแล้วอาจจะเป็นความหวังของรัฐบาลกับกองทัพ ที่จะหลอมการทำงานด้วยความเข้าอกเข้าใจกัน
ในสภาวะการณ์ “ระเบิดด้าน” ป่วนเมือง และความหวาดระแวงว่า “ทหารหลงยุค” บางส่วนยังอยากวาดฝัน เพื่อให้ความจริงเป็นไปตามที่คิด ต้องยอมรับว่า ยังมีอยู่
หรือ เป็นการแสดงไมตรี ในช่วงกระแสเขย่าผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กำลังระอุ แต่ก็มีคำยืนยันจาก นายกรัฐมนตรีแล้วว่า ยังทำงานร่วมกันได้ดี และยังไม่มีแนวคิดอะไรในการเข้าไปจัดการภายในกองทัพ แต่ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็พร้อมที่จะสนองงานร่วมกับทางกองทัพ เพื่อให้กองทัพสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างราบรื่นต่อไป
โดย ภารกิจที่ผ่านมาในการเข้าตรวจเยี่ยมกองทัพไทย ประกอบด้วย ในวันที่ 14 ธ.ค. นายกฯ เข้าตรวจเยี่ยม กองบัญชาการกองทัพบกและกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในฐานะที่ นายกฯเป็นผอ.กอ.รมน.โดยตำแหน่ง โดยมี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และคณะให้การต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง ณ กองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพมหานคร และ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้นำเดินตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ พร้อมกับมีการตรวจเยี่ยมผลงานและความก้าวหน้าของกองทัพบก นอกจากนี้ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้รายงานผลการทำงานของ กอ.รมน.
ต่อมาเป็นการตรวจเยี่ยม งานในส่วนของกองทัพอากาศ กองทัพอากาศ ที่นอกจาก พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่กองทัพอากาศ ให้การต้อนรับ เดินตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ แล้วเดินไปยังอนุสาวรีย์ทหารอากาศเพื่อวางพวงมาลา สักการะพระอนุสาวรีย์ จอมพลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ กรมหลวงพิศณุโลกประชานารถทำพิธีประดับเครื่องหมายแสดงความสามารถในการบิน ชั้นกิตติมศักดิ์ของกองทัพอากาศ พร้อมรับมอบประกาศนียบัตรจากผู้บัญชาการทหารอากาศ
ขณะที่ในวันที่ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี และคณะตรวจเยี่ยมกองทัพเรือ โดยมี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ให้การต้อนรับ ได้ขึ้นแท่นรับการเคารพจากกองทหารเกียรติยศ ระหว่างนั้นวงดุริยางค์บรรเลงเพลงมหาฤกษ์ ผู้บังคับกองทหารเกียรติยศ โดยผู้บัญชาการทหารเรือได้นำนายกรัฐมนตรีเดินตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ
จาก นั้น นายกรัฐมนตรีไปยังอาคารกองทัพเรือ เข้าห้องรับรองกองบัญชาการกองทัพเรือ เพื่อทำพิธีรับมอบเครื่องหมายความสามารถนักทำลายใต้น้ำจู่โจมกองทัพเรือ กิตติมศักดิ์ จากผู้บัญชาการทหารเรือ แล้วนายกรัฐมนตรีได้ไปกราบสักการะ ถวายเครื่องราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ก่อนไปยังห้องรับรอง อาคารส่วนบัญชาการ 5 ชั้น 2 เพื่อวางพวงมาลัยและกราบสักการะพระรูปปั้น พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และลงนามในสมุดเยี่ยม
และจากการตรวจเยี่ยมเหล่าทัพ เป็นภาพการย้ำไมตรีจิตจากนายกฯ ด้วยการตอบคำถามว่า “วันนี้ไม่หวาดระแวงกองทัพ เราทำงานด้วยกัน เชื่อใจกันค่ะ”
เป็นคำตอบที่ทำให้เห็นว่า รัฐบาลไทย และกองทัพไทย เริ่มจูนกันติด ซึ่งประจวบเหมาะกับท่าทีการชะลอการผลักดัน การแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหม รวมทั้ง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของพรรคเพื่อไทยเอาไว้ก่อน พร้อมกับโยนเข้าสู่เวทีของสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้พิจารณา
เรียกว่างานนี้ รัฐบาล เด้งเชือกเอาตัวรอดลดแรงกดดันไปได้อีกยก เพราะที่ผ่านมากระแสการเร่งรัด เรื่องการเข้าไปลดอำนาจการต่อรองของกองทัพในการแต่งตั้งโยกย้าย ด้วยการจะขอแก้พ.ร.บ.กลาโหม สร้างความหวาดระแวงต่อกันมาตลอด เพราะเกรงว่า อาจจะทำให้การเมืองมีอำนาจเหนือกองทัพ อันจะนำเข้าไปสู่การแต่งตั้งโยกย้ายได้ตามสะดวก และตามใจนักการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่กองทัพไม่ต้องการ
ขณะเดียวกัน ฝ่ายการเมือง ก็หวาดระแวงเช่นกันว่า หากกองทัพแข็งกระด้างมากเกินไป จะทำให้บริหารจัดการในการทำงานร่วมกันไม่ได้ เมื่อต่างฝ่ายต่างกลัว จึงต่างหวาดระแวง
แต่ด้วยท่าทีที่อ่อนโยน และไมตรีที่ห่วงใย ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่แสดงออกมาให้เห็นตั้งแต่การแต่งตั้ง รมว.กลาโหม และการไม่เข้าไปยุ่งในโผการแต่งตั้งโยกย้ายระดับสูง ในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้เห็นท่าทีที่รอมชอมกันมากขึ้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ลดแรงเสียดทานทางการเมืองได้ดีทีเดียว
ประจวบเหมาะกับบทบาทการทำงานของ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน ส.ส.บัยยชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ เป็นประธาน ที่งานทยอยคืบหน้าไปเรื่อยๆ โดยมีตัวแทนทั้งในฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านเข้ามาร่วมงานกัน จึงอาจได้เห็นแนวทางร่วมกันสู่ทางออกได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม หากแรงเสียดทานเหล่านี้ลดลง อาจจะช่วยให้ รัฐบาลนี้ พอมีจังหวะและเวลาในการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆออกมาได้ โดยเฉพาะหลังสถานการณ์น้ำลด ที่รัฐบาลจำเป็นต้องรวมพลังทุกภาคส่วน เรียกความเชื่อมั่น และสร้างความเชื่อใจ ทั้งในและนอกประเทศให้กลับคืนมาโดยเร็ว เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้น และฟื้นฟูคะแนนนิยมให้ดีขึ้นมา
เพราะเมื่อเวลาต้องส่งไม่ต่อ ให้กับ “บ้านเลขที่ 111”ที่ จะพ้นโทษกลับมาลงสนามการเมืองได้อีกครั้งในช่วงกลางปีหน้า หากเตรียมการไว้ดี การยุบสภาเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งทั่วไป อาจเป็นความหวังที่อาจได้รัฐบาลเสียงข้างมากที่ชัดเจนได้อีกครั้ง
แต่นั่นอาจเป็นภาพในอนาคต ส่วนภาพปัจจุบันที่ได้เห็นกันแล้ว คือ ภาพของความสง่างามในการทำหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะการปฏิบิติหน้าที่เคียงคู่กับชายชาติทหาร แห่งกองทัพไทย
ทุกย่างก้าวในการตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ จึงมองได้เหมือน “ดอกไม้งาม” บนความแข็งแกร่ง เป็นภาพที่ไม่คุ้นตานัก เพราะที่ผ่านมาอาจจะคุ้นชินกับภาพของ นายกรัฐมนตรีชาย
กับภารกิจที่ผ่านมา ทั้งในและต่างประเทศ เชื่อว่าหลายคนคงส่งกำลังใจให้กับ นายกฯยิ่งลักษณ์ ในการทำงานและฝ่าฟันอุปสรรคได้ต่อไป
โอกาส นี้ จึงขอประมวลภาพภารกิจการตรวจเยี่ยมกองทหารเกียรติยศในต่างแดนมาให้ชมกันอีก ครั้ง ถือเป็นความภูมิใจกับ นายกฯหญิงคนแรกของประเทศไทย.
อินโดนีเซีย
สหภาพพม่า
กัมพูชา
สาธารณะรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
บรูไน
ทีมข่าววอยซ์ทีวีออนไลน์ : รายงาน
Source : Mthai , มติชนออนไลน์ , AFP , YONHAP (Image)