ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Friday, 16 December 2011

ภาพความเข้มแข็ง กับ ภารกิจผูกมิตรกองทัพ

ที่มา Voice TV

ภาพความเข้มแข็ง กับ ภารกิจผูกมิตรกองทัพ

เป็นภาพที่ดูด้วยความสง่าสงาม ในการปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจเยี่ยมเหล่าทัพ ของนายกฯหญิงคนแรก

และเป็นการต้อนรับที่อบอุ่นของ กองทัพไทย ที่ได้มีโอกาสต้อนรับ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก ด้วยการตั้งแถวกองทหารเกียรติยศต้อนรับ

สำหรับภารกิจ ในการตั้งกองทหารเกียรติยศ ตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการจัดกองทหารเกียรติยศ พ.ศ. 2528กำหนดให้จัดในโอกาสดังต่อไปนี้

สำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมราชินี สมเด็จพระบรมราชชนนี และรัชทายาท ให้จัดเมื่อเสด็จในงานพระราชพิธี รัฐพิธี งานพิธีของทหารหรือเสด็จประพาสต่างท้องถิ่น, สำหรับผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ให้จัดเช่นเดียวกับในข้อ

สำหรับนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้จัดเมื่อไปราชการต่างท้องถิ่น และในท้องถิ่นนั้นมีหน่วยทหารตั้งอยู่

สำหรับผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ และผู้บัญชาการทหารอากาศ ให้จัดเมื่อไปราชการต่างท้องถิ่น และในท้องถิ่นนั้นมีหน่วยทหารในสังกัดตั้งอยู่

สำหรับประมุขของรัฐต่างประเทศ ผู้แทนรัฐบาลต่างประเทศ และแขกผู้มีเกียรติของรัฐบาล

สำหรับ พระบรมราชานุสาวรีย์และอนุสาวรีย์ผู้ประกอบคุณงามความดีแก่ประเทศชาติเป็น อย่างยิ่ง ให้จัดเมื่อประกอบพิธีเปิดหรือจัดพิธีสมโภชเป็นทางราชการ

สำหรับศพทหารซึ่งเสียชีวิตในขณะประจำการ ให้จัดเมื่อเวลาเผาหรือฝัง ตามศาสนาของผู้เสียชีวิต และสำหรับธงชัยเฉลิมพล ให้จัดในเมื่อเวลารับหรือส่งธง

ภาพของความพร้อมใจ ที่ดูเหมือนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทอดไมตรีความเป็นมิตร กับทางผู้บัญชาการเหล่าทัพ เป็นาภพที่ดูแล้วอาจจะเป็นความหวังของรัฐบาลกับกองทัพ ที่จะหลอมการทำงานด้วยความเข้าอกเข้าใจกัน

ในสภาวะการณ์ “ระเบิดด้าน” ป่วนเมือง และความหวาดระแวงว่า “ทหารหลงยุค” บางส่วนยังอยากวาดฝัน เพื่อให้ความจริงเป็นไปตามที่คิด ต้องยอมรับว่า ยังมีอยู่

หรือ เป็นการแสดงไมตรี ในช่วงกระแสเขย่าผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กำลังระอุ แต่ก็มีคำยืนยันจาก นายกรัฐมนตรีแล้วว่า ยังทำงานร่วมกันได้ดี และยังไม่มีแนวคิดอะไรในการเข้าไปจัดการภายในกองทัพ แต่ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็พร้อมที่จะสนองงานร่วมกับทางกองทัพ เพื่อให้กองทัพสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างราบรื่นต่อไป

โดย ภารกิจที่ผ่านมาในการเข้าตรวจเยี่ยมกองทัพไทย ประกอบด้วย ในวันที่ 14 ธ.ค. นายกฯ เข้าตรวจเยี่ยม กองบัญชาการกองทัพบกและกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในฐานะที่ นายกฯเป็นผอ.กอ.รมน.โดยตำแหน่ง โดยมี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และคณะให้การต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง ณ กองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพมหานคร และ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้นำเดินตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ พร้อมกับมีการตรวจเยี่ยมผลงานและความก้าวหน้าของกองทัพบก นอกจากนี้ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้รายงานผลการทำงานของ กอ.รมน.

ต่อมาเป็นการตรวจเยี่ยม งานในส่วนของกองทัพอากาศ กองทัพอากาศ ที่นอกจาก พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่กองทัพอากาศ ให้การต้อนรับ เดินตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ แล้วเดินไปยังอนุสาวรีย์ทหารอากาศเพื่อวางพวงมาลา สักการะพระอนุสาวรีย์ จอมพลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ กรมหลวงพิศณุโลกประชานารถทำพิธีประดับเครื่องหมายแสดงความสามารถในการบิน ชั้นกิตติมศักดิ์ของกองทัพอากาศ พร้อมรับมอบประกาศนียบัตรจากผู้บัญชาการทหารอากาศ

ขณะที่ในวันที่ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี และคณะตรวจเยี่ยมกองทัพเรือ โดยมี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ให้การต้อนรับ ได้ขึ้นแท่นรับการเคารพจากกองทหารเกียรติยศ ระหว่างนั้นวงดุริยางค์บรรเลงเพลงมหาฤกษ์ ผู้บังคับกองทหารเกียรติยศ โดยผู้บัญชาการทหารเรือได้นำนายกรัฐมนตรีเดินตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ

จาก นั้น นายกรัฐมนตรีไปยังอาคารกองทัพเรือ เข้าห้องรับรองกองบัญชาการกองทัพเรือ เพื่อทำพิธีรับมอบเครื่องหมายความสามารถนักทำลายใต้น้ำจู่โจมกองทัพเรือ กิตติมศักดิ์ จากผู้บัญชาการทหารเรือ แล้วนายกรัฐมนตรีได้ไปกราบสักการะ ถวายเครื่องราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ก่อนไปยังห้องรับรอง อาคารส่วนบัญชาการ 5 ชั้น 2 เพื่อวางพวงมาลัยและกราบสักการะพระรูปปั้น พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และลงนามในสมุดเยี่ยม

และจากการตรวจเยี่ยมเหล่าทัพ เป็นภาพการย้ำไมตรีจิตจากนายกฯ ด้วยการตอบคำถามว่า “วันนี้ไม่หวาดระแวงกองทัพ เราทำงานด้วยกัน เชื่อใจกันค่ะ”

เป็นคำตอบที่ทำให้เห็นว่า รัฐบาลไทย และกองทัพไทย เริ่มจูนกันติด ซึ่งประจวบเหมาะกับท่าทีการชะลอการผลักดัน การแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหม รวมทั้ง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของพรรคเพื่อไทยเอาไว้ก่อน พร้อมกับโยนเข้าสู่เวทีของสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้พิจารณา

เรียกว่างานนี้ รัฐบาล เด้งเชือกเอาตัวรอดลดแรงกดดันไปได้อีกยก เพราะที่ผ่านมากระแสการเร่งรัด เรื่องการเข้าไปลดอำนาจการต่อรองของกองทัพในการแต่งตั้งโยกย้าย ด้วยการจะขอแก้พ.ร.บ.กลาโหม สร้างความหวาดระแวงต่อกันมาตลอด เพราะเกรงว่า อาจจะทำให้การเมืองมีอำนาจเหนือกองทัพ อันจะนำเข้าไปสู่การแต่งตั้งโยกย้ายได้ตามสะดวก และตามใจนักการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่กองทัพไม่ต้องการ

ขณะเดียวกัน ฝ่ายการเมือง ก็หวาดระแวงเช่นกันว่า หากกองทัพแข็งกระด้างมากเกินไป จะทำให้บริหารจัดการในการทำงานร่วมกันไม่ได้ เมื่อต่างฝ่ายต่างกลัว จึงต่างหวาดระแวง

แต่ด้วยท่าทีที่อ่อนโยน และไมตรีที่ห่วงใย ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่แสดงออกมาให้เห็นตั้งแต่การแต่งตั้ง รมว.กลาโหม และการไม่เข้าไปยุ่งในโผการแต่งตั้งโยกย้ายระดับสูง ในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้เห็นท่าทีที่รอมชอมกันมากขึ้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ลดแรงเสียดทานทางการเมืองได้ดีทีเดียว

ประจวบเหมาะกับบทบาทการทำงานของ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน ส.ส.บัยยชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ เป็นประธาน ที่งานทยอยคืบหน้าไปเรื่อยๆ โดยมีตัวแทนทั้งในฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านเข้ามาร่วมงานกัน จึงอาจได้เห็นแนวทางร่วมกันสู่ทางออกได้บ้าง

อย่างไรก็ตาม หากแรงเสียดทานเหล่านี้ลดลง อาจจะช่วยให้ รัฐบาลนี้ พอมีจังหวะและเวลาในการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆออกมาได้ โดยเฉพาะหลังสถานการณ์น้ำลด ที่รัฐบาลจำเป็นต้องรวมพลังทุกภาคส่วน เรียกความเชื่อมั่น และสร้างความเชื่อใจ ทั้งในและนอกประเทศให้กลับคืนมาโดยเร็ว เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้น และฟื้นฟูคะแนนนิยมให้ดีขึ้นมา

เพราะเมื่อเวลาต้องส่งไม่ต่อ ให้กับ “บ้านเลขที่ 111”ที่ จะพ้นโทษกลับมาลงสนามการเมืองได้อีกครั้งในช่วงกลางปีหน้า หากเตรียมการไว้ดี การยุบสภาเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งทั่วไป อาจเป็นความหวังที่อาจได้รัฐบาลเสียงข้างมากที่ชัดเจนได้อีกครั้ง

แต่นั่นอาจเป็นภาพในอนาคต ส่วนภาพปัจจุบันที่ได้เห็นกันแล้ว คือ ภาพของความสง่างามในการทำหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะการปฏิบิติหน้าที่เคียงคู่กับชายชาติทหาร แห่งกองทัพไทย

ทุกย่างก้าวในการตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ จึงมองได้เหมือน “ดอกไม้งาม” บนความแข็งแกร่ง เป็นภาพที่ไม่คุ้นตานัก เพราะที่ผ่านมาอาจจะคุ้นชินกับภาพของ นายกรัฐมนตรีชาย

กับภารกิจที่ผ่านมา ทั้งในและต่างประเทศ เชื่อว่าหลายคนคงส่งกำลังใจให้กับ นายกฯยิ่งลักษณ์ ในการทำงานและฝ่าฟันอุปสรรคได้ต่อไป

โอกาส นี้ จึงขอประมวลภาพภารกิจการตรวจเยี่ยมกองทหารเกียรติยศในต่างแดนมาให้ชมกันอีก ครั้ง ถือเป็นความภูมิใจกับ นายกฯหญิงคนแรกของประเทศไทย.

อินโดนีเซีย

สหภาพพม่า

กัมพูชา

สาธารณะรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

บรูไน

ทีมข่าววอยซ์ทีวีออนไลน์ : รายงาน

Source : Mthai , มติชนออนไลน์ , AFP , YONHAP (Image)