ศาลสูงแคนาดาตัดสินว่า การแปะลิงก์เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหมิ่นประมาทไม่นับเป็นการ สร้างเนื้อหาขึ้น ซึ่งส่งผลให้คุ้มครองผู้แชร์ข้อมูลจากความรับผิด หากว่าเขาโพสต์ลิงก์ที่มีข้อความหมิ่นประมาทโดยไม่ตั้งใจ
คำตัดสินที่เป็นเอกฉันท์นี้มีสาเหตุจากการฟ้องร้องคดีของ เวย์น ครุกส์ เจ้าของบริษัทธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ กล่าวหา จอน นิวตัน บล็อกเกอร์รายหนึ่งว่า ในโพสต์ของเขา มีลิงก์ซึ่งโยงไปสู่ข้อมูลหมิ่นประมาทครุกส์และพรรคกรีนของแคนาดา
ศาลลงความเห็นว่า การลิงก์หรืออ้างถึงข้อมูลหมิ่นประมาทนั้นไม่ได้หมายความว่าลิงก์หรือการอ้างอิงนั้นเป็นการหมิ่นประมาทในตัวมันเอง
"การสื่อสารบางสิ่งบางอย่างแตกต่างอย่างมากจากการเพียงสื่อสารว่าบางสิ่ง มีอยู่จริงหรือที่ไหนที่มันอยู่" คำตัดสินยาว 72 หน้าระบุ " อย่างแรกเกี่ยวกับการกระจายเนื้อหา และควบคุมทั้งเนื้อหา รวมถึงการเข้าถึงของผู้รับสาร ขณะที่อย่างหลังไม่ใช่ แม้ว่าจุดมุ่งหมายของผู้ที่อ้างอิงไปยังเนื้อหาหมิ่นประมาทจะคือการขยายวง ผู้รับสาร แต่การมีส่วนร่วมของพวกเขาหรือเธอก็เป็นเพียงส่วนประกอบของผู้เริ่มเผยแพร่ ไม่ว่าจะอ้างถึงหรือไม่ก็ตาม ข้อมูลที่ อ้างว่ามีเนื้อหาหมิ่นประมาทก็ถูกทำให้สาธารณะเข้าถึงได้ โดยผู้เผยแพร่คนแรกหรือการกระทำของผู้เผยแพร่อยู่แล้ว"
ศาลระบุว่า ไฮเปอร์ลิงก์เป็นการอ้างอิงไปยังเนื้อหาซึ่งผู้ที่โพสต์ลิงก์ไม่ได้เกี่ยว ข้องกับการสร้างเนื้อหานั้นๆ ซึ่งในสหรัฐฯ กรณีเช่นนี้ เขาจะถูกกันออกจากความรับผิดที่อาจเกิดขึ้น
"ข้อเท็จจริงที่ว่าการเข้าถึงเนื้อหาเหล่านั้นผ่านไฮเปอร์ลิงก์นั้นรวด เร็วกว่าเชิงอรรถ ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่า ไฮเปอร์ลิงก์โดยตัวมันเองมีความเป็นกลางทางเนื้อหา มันไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ และไม่ได้มีอำนาจควบคุมเหนือเนื้อหาที่มันอ้างถึง" คำตัดสินระบุ
ผู้พิพากษาตัดสินว่าไฮเปอร์ลิงก์ถูกใช้อย่างแพร่หลายและเป็นองค์ประกอบ สำคัญของอินเทอร์เน็ต ในการอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูล ดังที่อธิบายไว้ในหนังสือ “การคุ้มครองไฮเปอร์ลิงก์และปกป้องคุณค่ารัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ในอินเทอร์เน็ต” (Protecting Hyperlinks and Preserving First Amendment Values on the Internet) ซึ่งเขียนโดยแอนจาลี ดาลัล จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเยล
จากการอธิบายของดาลัล ศาลตัดสินว่า การจำกัดการใช้ไฮเปอร์ลิงก์จะสร้างความเสียหายต่อการไหลเวียนอย่างเสรีของ ข้อมูลและเสรีภาพในการแสดงออก
"โดยสรุป อินเทอร์เน็ตจะไม่สามารถเอื้อให้เกิดการเข้าถึงข้อมูล โดยปราศจากไฮเปอร์ลิงก์ การจำกัด คุณประโยชน์ของมัน โดย การทำตามกฎของสิ่งพิมพ์แบบดั้งเดิม จะก่อให้เกิดการจำกัดการไหลเวียนของข้อมูลอย่างร้ายแรง ซึ่งจะส่งผลต่อเสรีภาพในการแสดงออกตามมา" คำตัดสินระบุ " ความน่ากลัวที่เป็นไปได้ของการทำหน้าที่ของอินเตอร์เน็ตอาจเป็นเรื่องที่เลว ร้ายทีเดียว เนื่องจากผู้เขียนบทความดั้งเดิม คงไม่อยากจะเสี่ยงในการรับผิดในการลิงก์เนื้อหาไปยังอีกบทความหนึ่ง ซึ่งเขาไม่อาจควบคุมเนื้อหาที่สามารถเปลี่ยนไปมาได้"
ศาลตัดสินว่า วิธีแก้ที่ดีที่สุดสำหรับโจทก์ในคดีหมิ่นประมาทคือ การค้นหาบุคคลหรือกลุ่มคนที่ต้องรับผิดชอบกับการสร้างและควบคุมการกระทำที่ ถูกกล่าวหา มากกว่าที่จะฟ้องร้องผู้ที่เพียงแค่ลิงก์ไปที่เนื้อหาดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าองค์คณะตุลาการจะเห็นตรงกันให้ยกฟ้องคดี แต่ตุลาการบางรายได้เสนอมุมมองที่ต่างออกไปว่าการไฮเปอร์ลิงก์อาจเป็นการทำ ซ้ำข้อมูลหมิ่นประมาท
หัวหน้าตุลาการ บีเวอร์ลีย์ แมคลาชลิน และตุลาการ มอร์ริช ฟิช ตัดสินว่า ไฮเปอร์ลิงก์อาจจะเป็นการหมิ่นประมาทได้ในบางคดี
"การเผยแพร่ข้อความหมิ่นประมาทผ่านไฮเปอร์ลิงก์ควรมีการลงความเห็นว่า ข้อความที่ระบุไปที่ลิงก์ดังกล่าวเลือกใช้หรือเห็นด้วยกับเนื้อหาที่ลิงก์ไป หรือไม่ ถ้าข้อความแสดงถึงความเห็นด้วยกับข้อความที่ลิงก์ไป เมื่อนั้น ผู้ที่แปะลิงก์ควรต้องรับผิดชอบต่อเนื้อหาหมิ่นประมาทนั้น" คำตัดสินระบุ (ตัวเน้นตามต้นฉบับ) "จำเลยต้องเลือกใช้หรือเห็นชอบกับถ้อยคำหรือข้อความหมิ่นประมาท แค่การอ้างอิงไปที่เว็บนั้นไม่เพียงพอ ดังนั้น การลิงก์ของจำเลยซึ่งพิสูจน์แล้วว่าลิงก์ไปยังเว็บที่ไม่มีความผิด แต่ต่อมา มีเนื้อหาหมิ่นประมาท จึงไม่ต้องรับผิด"
ผู้สังเกตการณ์ในคดีนี้ประกอบด้วยสมาคมสิทธิเสรีภาพพลเมืองแคนาดา สหภาพนักเขียน องค์กรด้านสิทธิ องค์กรสื่อ และองค์กรด้านกฎหมายสื่อในแคนาดา
แปลและเรียบเรียงจาก Canada's Supreme Court Protects Hyperlinkers, 20 ต.ค.54
ภาพประกอบจาก Mykl Roventine (CC BY 2.0)