ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Thursday, 13 October 2011

คาถาหนีน้ำ

ที่มา ข่าวสด

คอลัมน์ เหล็กใน
มันฯ มือเสือ



สถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในรอบ 50 ปีของประเทศไทย

ข้อมูลจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเมื่อวันที่ 11 ต.ค. ภาคเหนือ อีสานและภาคกลางได้รับผลกระทบแล้วทั้งสิ้น 60 จังหวัด

ประชาชนเดือดร้อนกว่า 2.4 ล้านครัวเรือนหรือกว่า 8.2 ล้านคน มีผู้เสียชีวิตแล้ว 269 ราย

สถานการณ์จะเลวร้ายยิ่งไปกว่านี้หรือไม่ ขึ้นกับ 3 ปัจจัยสำคัญ คือ พายุลูกใหม่ น้ำเหนือไหลบ่า น้ำทะเลหนุน

กรณี ของพายุลูกใหม่ตามที่เคยคาดการณ์ว่าจะพัดเข้าไทยนั้น น่าจะไม่มาแล้ว ที่น่าเป็นห่วงจึงเป็นเรื่องของน้ำเหนือปริมาณมโหฬารมากกว่า 9,000 ล้านลบ.ม.

ที่เคลื่อนขบวนเข้าโจมตีนนทบุรี-ปทุมธานีเรียบ ร้อยแล้ว

บวก กับน้ำทะเลจะหนุนสูงสุดช่วงระหว่าง 13-17 ต.ค. ตรงนี้เองทำให้คนกรุงเทพฯ โดยเฉพาะที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงคูคลองชั้นในต่างๆ

ต้องเฝ้าระวังนาทีต่อนาที

เพราะถ้าเผลอนิดเดียวบ้านเรือนทรัพย์สินอาจจมน้ำหายไปภายในพริบตาเหมือนที่เกิดกับชาวบ้านนครสวรรค์

อย่างไรก็ตามล่าสุดมีข่าวจากกรมชลประทานช่วยให้ใจชื้นขึ้นมาบ้างว่า ถ้าไม่มีพายุลูกใหม่เข้ามาก็มั่นใจว่าปัญหาจะเริ่มคลี่คลาย

เนื่องจากขณะนี้ปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ตอนบนของ ประเทศลดน้อยลง

สอง เขื่อนใหญ่ทั้งเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ สามารถลดการระบายน้ำลงจากวันละ 100 ล้านลบ.ม. และ 60 ล้านลบ.ม. เหลือ 93 ล้านลบ.ม.กับ 40 ล้านลบ.ม.

ส่งผลให้พื้นที่ตั้งแต่พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ ลงมาถึงอยุธยา ปริมาณน้ำจะไม่เพิ่มสูงขึ้นจากที่เป็นอยู่และมีแนวโน้มลดลงหากไม่มีฝน กระหน่ำลง มาอีก

ถ้าสถานการณ์เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ก็เชื่อว่ากรุงเทพฯ จะผ่านช่วงน้ำทะเลหนุนสูง 13-17 ต.ค.ไปได้ อาจได้รับผลกระทบบ้างบางพื้นที่แต่จะไม่ถึงขั้นวิกฤตอย่างที่เป็นห่วง

กระนั้นก็ตามเรื่องฟ้าฝนเอาแน่นอนคงไม่ได้

อย่างวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ที่ประเทศเรากำลังเผชิญอยู่ ตอนแรกก็ไม่มีใครคาดคิดว่าหนักหน่วงขนาดทุบสถิติในรอบครึ่งศตวรรษ

ฉะนั้นทางที่ดีคือต้องตั้งอยู่บนความไม่ประมาทและคอยติดตามข่าวสถานการณ์ใกล้ชิด

ตื่นตัวไว้ตลอดเวลา แต่อย่าตื่นตระหนก คือคาถาที่คนไทยต้องท่องไว้ในยามนี้