ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Thursday, 8 September 2011

ถวิลลั่นร้องกพค. เหลิมท้า เพรียวพันธ์ลุยแล้ว

ที่มา ข่าวสด

บุกสน.ท่าเรือโหมปราบยาเสพติด เรียกประชุมใหญ่ตร.จัดทัพศุกร์นี้ "ปู"ย้ำมีงาน-ให้อดีตเลขาฯสมช.



เริ่มงาน - พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร. ไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่ตำรวจสน.ท่าเรือ ในวันแรกของการปฏิบัติหน้าที่รักษาราชการแทนผบ.ตร. เนื่องจากพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ขอลาพักยาว เมื่อวันที่ 7 ก.ย.

"ถวิล"แถลง เปิดใจอ้างไม่เสียดายเก้าอี้ แต่ เสียใจ สงสัย ไม่เข้าใจ ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อตำแหน่งผบ.ตร. โวยนายกฯ หญิงไม่ปกป้อง แถมถูกเยาะเย้ยถากถาง พร้อมงัดกฎแห่งกรรมมีจริง ลั่นยื่นร้องกพค.แน่ ด้าน "เหลิม-ปู" ชี้เป็นสิทธิ์ ยืนยันตำแหน่งใหม่ไม่ให้นั่งตบยุง แต่มีงานให้ทำแน่นอน "บิ๊กอ็อฟ- เพรียวพันธ์"ฟิตประเดิมปราบปรามยาเสพติด บุกสน.ท่าเรือ สั่งตร.สกัดยาบ้าแพร่ระบาด

ถวิลเปิดแถลง-เตรียมร้องก.พ.ค.

เมื่อ เวลา 09.15 น. วันที่ 7 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภา ความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงเปิดใจกรณีถูกโยกย้ายไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายข้าราชการประจำว่า ไม่เสียดายตำแหน่ง เข้าใจดีว่าวันหนึ่งก็ต้องพ้นไปตามหลักเกณฑ์ เพียงแต่เสียดาย เสียใจ สงสัย และไม่เข้าใจ ตำแหน่งนี้แทนที่รัฐบาลจะใช้ประสานนโยบายด้านความมั่นคง แต่กลับถูกใช้เป็นเครื่องมือการเมือง รอง รับการแต่งตั้งผบ.ตร. อีกทั้งการพ้นจากตำแหน่งก็ถูกเยาะเย้ยถากถางจากฝ่ายการเมือง นายกฯ ในฐานะผู้คับบัญชา ไม่เคยลงมาปกป้อง ที่ผ่านมาตนไม่เคยทำงานให้พรรคการเมือง การทำงาน ใน ศอฉ.ก็เป็นไปตามกฎหมาย การถูกย้ายครั้งนี้แม้เป็นระดับ 11 ได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เท่ากัน แต่ที่มาของการย้ายไม่ถูกต้องตามระบบคุณธรรม แม้แต่พล.ต.อ.วิเชียร ซึ่งตอนแรกเข้าใจว่าจะไปนั่งในตำแหน่งนี้ยังรับไม่ได้ ระบุว่าไม่สมศักดิ์ศรี แล้วจะให้ตนคิดอย่างไร ดังนั้นจะไปร้องเรียนคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ข้อหาไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปฏิบัติงานของนายกฯ และครม. ขอย้ำว่ากฎแห่งกรรมมีจริง (อ่านรายละเอียด น.3)

"เหลิม"ชี้เป็นสิทธิ์-ย้ำมีงานให้ทำ

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีนายถวิล เตรียมยื่นร้องก.พ.ค. อ้างถูกย้ายไม่เป็นธรรมว่า เป็นสิทธิ์ ซึ่งรัฐบาลอธิบายได้ เพราะย้ายไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ มีเงินประจำตำแหน่ง ถ้าคิดว่าไม่มีงานทำ ก็เข้าใจผิด เพราะรัฐบาลคงมอบภารกิจให้ไปทำ ส่วนงานที่ตนรับผิดชอบ ถ้าเห็นว่านายถวิลมีความเหมาะสม ก็จะมอบหมายให้และคิดว่านายกฯ คงคิดเช่นเดียวกัน ไม่ใช่ย้ายไปนั่งเฉยๆ เป็นที่ปรึกษาจะต้องให้คำปรึกษาแก่นายกฯ หรือรองนายกฯ

เมื่อถามว่า แสดงว่าไม่ใช่ย้ายไปนั่งตบยุง เหมือนที่นายถวิลระบุว่าย้ายไม่เหมาะสม ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ใช่ เป็นทรัพยากรบุคคลไปอยู่ที่ไหนก็ต้องมีงานทำ

เมื่อ ถามว่าในหนังสือรับโอนตำแหน่ง ระบุตำแหน่ง เงินเดือนและสิทธิประโยชน์จะได้รับเท่าเดิม จะเป็นมุมที่นายถวิลหยิบไปฟ้องร้องโดยอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมได้หรือ ไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ถ้านายถวิลคิดจะฟ้องก็ทำได้ ไม่ว่ารัฐบาลจะเขียนอย่างไร แต่รัฐบาลให้ความเป็นธรรมมากที่สุด

ต่อ ข้อถามว่า นายถวิลระบุประเด็นที่จะฟ้องจะหยิบยกกรณีร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์ว่าเหตุผลที่ย้ายเพราะเคยนั่งเป็นเลขาฯ ทำงานอยู่ในศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์มาก่อน ร.ต.อ. เฉลิม กล่าวว่า มีสิทธิ์ทำได้ เพราะตนพูดไปตามตรง ถ้าศาลเรียกตนก็จะไปให้การ ที่ผ่านมาพูดเสมอว่าถ้าตนเป็นนายถวิลก็ขอย้ายตัวเองไปแล้ว แต่ถ้านายถวิลจะเอาคำให้สัมภาษณ์ของตนไปฟ้อง ต้องดูข้อเท็จจริงและเหตุผลในการย้ายว่าไม่ได้เป็นไปตามที่ตนพูด เพราะสิทธิประโยชน์ยังได้ทุกอย่างเหมือนเดิม

"ผมพูดในฐานะนักการ เมือง เวลาที่ผมไปหาเสียงประชาชนส่วนใหญ่ค่อนข้างไม่พอใจคุณถวิล ถ้าผมไปพอใจในตอนหาเสียงแล้วใครจะเลือกพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ได้หมายความว่าผมอาฆาตมาดร้าย แต่เป็นมุมมองของผม ส่วนคุณถวิลเห็นว่าผมพูดไม่เหมาะก็ฟ้องร้องผมได้" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

สั่งลา - นาย ถวิล เปลี่ยนศรี แถลงสั่งลาที่สำนักงานสมช. ภายหลังครม.สั่งย้ายไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ โดยอดีตเลขาธิการสมช.เตรียมร้องเรียนต่อก.พ.ค. เพราะเห็นว่าเป็นคำสั่งย้ายที่ไม่เป็นธรรม เมื่อวันที่ 7 ก.ย.



เตรียมนัดกินข้าว-พร้อมเป็นกาวใจ

เมื่อ ถามว่าจะนำชื่อ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เห็นชอบเพื่อเสนอให้ครม.พิจารณาแต่งตั้งเป็นเลขาธิการสมช.ได้เมื่อไหร่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ต้องให้ตำแหน่งเลขาธิการสมช.ว่างเรียบร้อยตามกฎหมายก่อน ต้องรอให้โปรดเกล้าฯ ส่วนจะใช้เวลานานเท่าไหร่พูดไม่ได้ เพราะเป็นพระราชอำนาจที่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ

ต่อมาเวลา 10.30 น. ร.ต.อ.เฉลิมให้สัมภาษณ์ อีกครั้งถึงกรณีนายถวิล ระบุสาเหตุที่ถูกย้ายเพื่อรองรับและแก้ปัญหาการเมือง และระบุว่า มีนักการเมืองบางคนดูหมิ่นเหยียดหยามข้าราชการ ว่า ไม่มีปัญหา ตนจะหาโอกาสไปรับประทานอาหารกับนายถวิล ความจริงตนไม่รู้จักและไม่ได้เกี่ยวข้องและไม่ได้เกลียดชังนายถวิล แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแล้วบุคคลย่อมเปลี่ยนไปบ้าง หากมีงานสำคัญก็จะมอบหมายให้ทำ การย้ายไม่ได้เสียเม็ดเงิน หรือเสียตำแหน่ง แต่ถ้าเสียความรู้สึกไม่เป็นไร เดี๋ยวตนจะเป็นกาวใจไปหาเขา ทุกอย่างก็จบ

เมื่อ ถามว่าจะให้นายถวิลมาคอยเดินตามหลังทำงานให้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า นายถวิลเป็นข้าราชการผู้ใหญ่ตนไม่กล้า แต่จะมอบงานให้เพราะงานของตนเยอะ ส่วนที่นายถวิล ระบุไม่สบายใจนั้น อะไรที่ทำให้ไม่สบายใจ ต้องขอโทษด้วย เพราะไม่มีเจตนาจะเยาะเย้ยถากถาง ตนเป็นนักการเมืองมาแล้วก็ไป แต่ข้าราชการเป็นหลัก ข้าราชการเหมือนท่าเรือ นักการเมืองเหมือนเรือ เรือไป แต่ท่ายังอยู่ ฉะนั้นนายถวิลยังอยู่ เมื่อถามว่านายถวิลจะไปร้องต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม(ก.พ.ค.) ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากัน

"ยิ่งลักษณ์"ก็ยันมีภารกิจให้ทำแน่

ที่ ทำเนียบรัฐบาล นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีที่มีข้อสังเกตว่าอาจตกเป็นเป้าถูกโยกย้ายพ้นจากตำแหน่ง หลังจากย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ ซึ่งเคยเป็น มีบทบาททำงานในศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)ว่า "ผมคงไม่ออกความเห็น เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผมโดยตรง"

เวลา 15.00 น. ที่วัดคงคาราม จ.ชัยนาท น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์กรณีนายถวิล แสดงความน้อยใจที่ไม่ได้รับการเหลียวแลและเตรียมพร้องก.พ.ค. ว่า เรื่องของนายถวิล ขอเรียนว่าในส่วนของเนื้องานในด้านความมั่นคงยังมีความต้องการได้รับการช่วย เหลือจากนายถวิลอยู่ เพราะมีประสบการณ์ ก็จะมาช่วยงาน พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ รองนายกฯ ในรายละเอียดจะมีการมอบหมายงานอีกครั้ง เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง มีภารกิจที่จะมอบหมายให้ทำอีกเยอะ ยืนยันไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง หรือต้องการหาตำแหน่งให้ผบ.ตร. มีงานที่รอให้ทำ มีรายละเอียดจำนวนมาก

เมื่อ ถามว่า ฟังเสียงวิจารณ์ว่ารัฐบาลทำทุกอย่างเพื่อให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ได้ขึ้นตำแหน่งผบ.ตร. นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นแบบนั้น เราต้องปรับโยกย้ายงานเพื่อให้เกิดความเหมาะสม และเป็นเรื่องอัตรากำลังที่ต้องการจัดสรรให้ลงตัว เมื่อถามว่ากังวลกับกระแสต่อต้านที่เกิดในขณะนี้หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่าไม่กังวล เพราะเราเองพยายามทำอย่างดีที่สุด และในส่วนการทำงานก็พยายามดูแลและมอบหมายงานต่างๆ ให้บุคคลที่รับตำแหน่ง ผู้สื่อข่าวถามว่ายืนยันใช่ไหมว่าไม่ได้ให้มานั่งตบยุง น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า "ยืนยันค่ะ"

เด็จพี่ออกโรงเตือนความจำ"ถวิล"

ที่ รัฐสภา นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวชี้แจงกรณีนายถวิลแถลงโจมตีมีคนบางกลุ่มลุแก่อำนาจ ว่า ขอปฏิเสธว่ารัฐบาลไม่ได้ลุแก่อำนาจ ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของคนในรัฐบาล หรือประโยชน์ของตัวนายกฯ เอง แต่เป็นการโยกย้ายข้าราชการตาม พ.ร.บ. บริหารราชการแผ่นดิน เป็นการจัดคนให้ถูกกับงาน การที่นายถวิลออกมาพูดก็เพื่อให้เป็นประโยชน์กับตัวเองมากกว่า ก่อนหน้าที่นายถวิลจะเป็นเลขาธิการสมช. ก็เคยย้ายคนอื่นออกไปเพื่อให้นายถวิลได้เป็นเช่นกัน

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า การที่นายถวิลจะร้องต่อคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรม ก็เป็นสิทธิที่ทำได้ และรัฐบาลยินดีรับฟัง ทั้งนี้ ขอร้องฝ่ายค้านว่าอย่านำเรื่องนี้มาขยายผลเป็นประเด็นการเมือง เพราะรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยโยกย้ายข้าราชการข้ามหัวอาวุโสเช่นกัน

ปชป.ป้อง"ถวิล"เป็นลูกหม้อสมช.

ที่ พรรคประชาธิปัตย์ นายสกลธี ภัททิยกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงมหกรรมโยกย้ายข้าราชการประจำ ว่า ตนมีความเป็นห่วงว่า การโยกย้ายชนิดล้างบางข้าราชการที่กำลังเริ่มต้นในรัฐบาลนี้ อาจส่งผลกระทบทำให้ประเทศชาติกลับไปสู่จุดขัดแย้งอีกครั้ง เพราะมีการย้ายข้าราชการที่มีข้อครหาจากสังคมในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่รับใช้ระบอบทักษิณ ให้กลับมาดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ในกรมกองต่างๆ ในหลายกระทรวงและยังมีท่าทีว่ายังไม่จบ จึงขอให้พรรคเพื่อไทยตระหนักว่าการที่ได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนจำนวน 15 ล้านเสียงนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะกระทำการใดๆ ปู้ยี่ปู้ยำประเทศชาติและระบบอย่างไรก็ได้ แต่ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ อีก 50 ล้านคน ที่ไม่ได้เลือกพรรคเพื่อไทยด้วย

นายสกลธี กล่าวว่า ขอให้พี่น้องประชาชนช่วยกันจับตาดูพฤติกรรมและมหกรรมการโยกย้ายล้างบางของ รัฐบาลที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ประกาศช่วงหาเสียงว่า มาแก้ไข ไม่แก้แค้น ว่าการกระทำมันสวนทางกันหรือไม่ และขอเป็นกำลังใจให้ข้าราชการประจำที่ได้รับผลกระทบในการโยกย้าย อาทิ นายถวิลซึ่งเป็นลูกหม้อสมช.ทำงานรับใช้ประเทศชาติและรัฐบาลต่างๆ มาร่วม 30 ปี แต่กลับถูกกระทำโดยข้ออ้างต่างๆ เพียงเพื่อให้ญาติของคนบางคนขึ้นมารับตำแหน่งผบ.ตร.ตามที่ตั้งธงไว้

"เพรียวพันธ์"ลุยแก้ยาเสพติดแล้ว

เมื่อ เวลา 09.00 น. วันเดียวกัน ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. รักษาการแทนผบ.ตร. เดินทางไปร่วมประชุมรับทราบนโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งนายชูชาติ หาญสวัสดิ์ นายฐานิสร์ เทียนทอง รมช.มหาดไทย และนายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง ได้เรียกประชุมปลัดจังหวัดและนายอำเภอทั่วประเทศ

ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ พร้อมด้วย พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผช.ผบ.ตร. ได้เดินทางไปยัง สน.ท่าเรือ มีพ.ต.อ.จักษ์ จิตตธรรม ผกก.สน.ท่าเรือ นำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหายาเสพติด จากนั้น พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ให้สัมภาษณ์ว่า ถือเป็นเรื่องหลักที่ดูแลการแก้ปัญหายาเสพติด ซึ่งตนได้พูดคุยกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีแล้ว โดยจะปราบปรามยาเสพติดไปพร้อมกันทั่วประเทศอย่างเข้มข้น ซึ่งจุดแรกที่สั่งกำชับให้เริ่มดูคือ ผู้จำหน่ายยาเสพติดรายย่อยที่ส่งผลกระทบถึงความเดือดร้อนให้ประชาชนทั่วไป โดยจะดูแลจุดเฉพาะใน กทม. ก่อน อย่าง สน.ท่าเรือ ที่มีจุดการแพร่ระบาดของยาเสพติดค่อนข้างมาก จึงเข้ามาพูดคุยเพื่อหาข้อสรุปถึงแนวทางแก้ปัญหากับเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำ สถานีคาดว่าจะดำเนินการจัดการกับเครือข่ายผู้ค้ารายย่อยจนหมดไป โดยทำให้ไม่สามารถอยู่ได้อีกต่อไปกับทุกพื้นที่เป็นเขตสีแดง หมาย ความว่าเต็มไปด้วยยาเสพติดใน กทม.และต่างจังหวัด

เรียกประชุมจัดทัพปราบศุกร์นี้

เมื่อ ถามว่าตั้งเป้าหมายในการกวาดล้างยาเสพติดครั้งนี้อย่างไร พล.ต.อ.เพรียวพันธ์กล่าวว่า เบื้องต้นต้องคุยกันก่อนว่าในพื้นที่ปัญหาหนักหนาขนาดไหน หากในท้องที่ทำไม่ได้ขอให้แจ้งมา จะส่งเจ้าหน้าที่จากหน่วยเหนือเข้ามาดูแลจัดการ ในการมาประชุมครั้งนี้ก็เพื่อกำชับและขอความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ของ ตำรวจในพื้นที่ว่าสามารถจัดการกับปัญหาดังกล่าวได้หรือไม่ ส่วนเรื่องของมาตรการลงโทษนั้นข้าราชการตำรวจระดับสูงทุกนายไม่มีใครที่จะ ปล่อยปละละเลยให้มีปัญหามากขนาดนี้ หากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรายใดเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยตนจะไม่เอาไว้ ซึ่งในพื้นที่ สน.ดูแลอยู่ก็มีอยู่เป็นร้อยรายในพื้นที่ แต่ยืนยันว่าตนทำตามกฎหมาย ทำให้ผู้ค้ารายย่อยไม่สามารถค้าขายได้ เพื่อไม่ให้สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน

เมื่อถามว่าจะใช้มาตรการ เข้มข้นอย่างไร เพื่อเปลี่ยนพื้นที่สีแดงให้เป็นพื้นที่สีเขียว พล.ต.อ.เพรียวพันธ์กล่าวต่อว่า กำลังพยายามทำอยู่ ส่วนจะมีการฆ่าตัดตอนหรือไม่ตนจะทำทุกอย่างตามกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องคิดว่าทำวันไหน เพราะตนพร้อมอยู่แล้ว สามารถดำเนินการได้ทุกเมื่อ ส่วนการจัดการของบช.น.ต้องจัดการเรื่องของผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่รับผิดชอบ รวมทั้งภาคเหนือสกัดกั้นไม่ให้ลงมา ตั้งแต่ บช.ภาค 5-6 และ บช.ภาค 3-4 ลงมา โดยจะทำเต็มที่ยับยั้งเพื่อไม่ให้ไหลลงมาได้ ซึ่งจะเรียกประชุมในวันที่ 10 ก.ย. ได้จัดชุดเฉพาะกิจทั้ง 8 ชุดเพื่อดูแลบริเวณพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคเหนือ ซึ่งได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน ส่วนภาคอีสานก็กำลังวางแผนที่จะทำเช่นกัน

ผ่าปส.315-ใช้เทคโนโลยีแทน

สำหรับ แผนยุทธการปส. 315 จะนำมารวมในปฏิบัติการหรือไม่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์กล่าวว่า อันนี้ที่ทำแล้วคงจะรวมเอาไว้ แต่อาจจะลดปริมาณการดำเนินการลง และจะเน้นไปที่การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเข้าไปจัดการ ยืนยันว่าตนจะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าจะหมดอายุ เกษียณราชการไปแล้ว เพื่อวางรากฐานไม่ใช่คนหนึ่งที่ขึ้นมาทำไว้แข็ง แล้วอีกคนหนึ่งขึ้นมาแล้วทำให้มาตรฐานการทำงานตกต่ำลง ซึ่งเป็นระบบที่ต้องยืนอยู่ด้วยตัวมันเอง คือ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เทคโนโลยี หรือการตั้งด่าน การอ่านแผ่นป้ายทะเบียน ในเรื่องของรถ และตั้งจุดเอกซเรย์ใหญ่ๆ ต้องสกัดกั้นจะทำเต็มที่ รวมทั้งเรื่องของเงินรางวัลนำจับที่ได้เสนอไปยังร.ต.อ.เฉลิม เพื่อที่จะสามารถให้ใช้ได้ทันที

เวลา 16.05 น. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ให้สัมภาษณ์ถึงการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง ผบ.ตร. ว่าตนไม่ทราบว่าการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นการล้างบางขั้ว อำนาจรัฐบาลเก่าหรือไม่ ซึ่งในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาก็ต้องปฏิบัติตามหน้าที่และดำเนินการตามนโยบาย ของรัฐบาล ก่อนหน้านี้ได้พูดคุยกับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ในเรื่องของการสานต่อนโยบายต่างๆ ไว้อยู่ก่อนแล้ว ทั้งนี้ เห็นว่านโยบายเดิมที่ดีอยู่แล้วก็จะสานต่อ และคิดว่าไม่มีปัญหาในการสานต่อนโยบายด้วย ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายระดับนายพลตำรวจวาระประจำปี 2554 นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุย เนื่องจากเรื่องตำแหน่งผบ.ตร.ยังไม่เรียบร้อย