ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Monday, 19 September 2011

นิโคโล มาคิอาเวลลี เรียนคำนับมายัง ฯพณฯ ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ที่มา มติชน



โดย ชินธัช สุนันต๊ะ ปี 2 รัฐศาสตร์ ม.พะเยา

ด้วยข้าพเจ้า ในฐานะราษฎรผู้อยู่ในที่ราบต่ำ ใคร่ขอความนิยมจากท่านนายกฯ ผู้สงบนิ่งบนภูสูง จึงปรารถนากำนัลท่านด้วยสติปัญญาระดับนิสิต ผ่านข้อเสนอที่อาจแลดูข้ามชน ข้ามชั้นฟ้า สถานะ หากมากล้นด้วยความจริงใจ

ตามที่ท่านรู้...ถึงแม้ท่านจะได้อำนาจมาจาก "คุณธรรม" (หมายเฉพาะเจาะจงถึงการกระทำของตัวเอง...?) แต่อำนาจในราชอาณาจักรไทยก็ยังเป็นสิ่งชั่วคราวของบุคคลเยี่ยงท่าน ดังนั้น เพื่อให้ความมั่นคงยังอยู่ในตำแหน่งของท่าน...ชนชั้น สถานะใดที่สนับสนุนท่านขึ้นมา ท่านจงอย่าละเลยที่จะยังคงใช้พวกเขาให้เป็นฐานคานอำนาจนอกระบบต่อไป ผ่านการออกนโยบายที่สอดรับกับความต้องการของพวกเขาเหล่านั้น มิให้เหมือนการตัดกลุ่มนักวิชาการ ปัญญาชน นักธุรกิจ และทหาร ฯลฯ ออกไป ดังเช่นที่พี่ชายของท่านทำมาแล้ว จนเกิดรัฐประหาร 19 กันยายน 2549

ประการที่สอง ในสังคมโลกสมัยนี้ ท่านต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตน และแสร้งตนเป็นผู้อ่อนแอ เพื่อให้คนอื่นเอ็นดูและเห็นใจ ไม่ว่าจะโดยการแกล้งทำหรือด้วยความจริงใจก็ตาม เพราะอย่างที่ท่านรู้ดี สังคมไทยเป็นสังคมที่ขี้สงสาร หากผู้อ่อนแอ (ในทางเพศ อายุ สถานะ ฯลฯ) ถูกทำร้ายในทางใดทางหนึ่ง สังคมไทยจะจัดการกับคนเหล่านั้นเอง โดยที่ท่านแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ขอเพียงท่านรู้จักเล่นกับสื่อ และทำตามข้อเสนอประการแรกของข้าพเจ้าให้ได้

ประการที่สาม ท่านต้องหัดแกล้งโง่บ้าง เพราะคนอวดฉลาดมีแต่ศัตรู และมีแต่มิตรที่โง่ห้อมล้อม การแกล้งโง่จะทำให้ความคาดหวังที่มีต่อผลงานของท่านอยู่ในระดับต่ำในระยะแรก แต่จะสูงขึ้นมากเมื่อผลงานออกมา ในขณะที่การอวดฉลาด แม้สุดท้ายผลงานออกมาจะอยู่ในระดับเดียวกัน แต่ประชาชนและโดยเฉพาะศัตรูของท่านจะรู้สึกว่ามันต่ำต้อยเหลือเกิน ไม่เพียงเท่านั้น การแกล้งไม่ฉลาด ยังทำให้คนของท่านและศัตรูของท่านประเมินความเฉลียวของท่านไว้ต่ำจนชะล่าใจ ทำให้ท่านจับเท็จหรือจับพิรุธคนเหล่านั้นได้ ท่านคิดดู หากพี่ชายของท่านแกล้งโง่บ้าง คงป้องกันหรือป้องปรามการเกิดรัฐประหารได้

ประการที่สี่ ท่านต้องรู้จักการพลิกศัตรูให้เป็นกลายเป็นมิตร และผูกมัดมิตรให้ถาวรยิ่งขึ้นผ่านทุนและศิลปะของความเป็นเพศหญิง ข้าพเจ้าอยากให้ท่านมองการประชุมรัฐสภาที่ผ่านมา ท่านคงเห็นแล้วว่า ฝ่ายค้านนั้นพยายามล่อให้คนของท่านมาติดกับดัก หรือเล่นตามเกมที่พวกเขาปูทางไว้ ไม่ว่าจะกรณีที่ท่านเฉลิมหลุดปากพูดว่าหลายนโยบายประชานิยมเป็นเพียงเทคนิค การหาเสียง หรือท่านณัฐวุฒิที่โต้ตอบกับฝ่ายค้านจนพลั้งพูดถึง "การล้มเจ้า" จนต้องเสียท่าถอนคำพูด ("เขี้ยวลากดิน" ใน มติชน 28 ส.ค. 2554)

การพลิกศัตรูให้กลายเป็นมิตร (หรือการใช้ศัตรูให้เป็นมิตรต่อตัวท่าน) ก็คือการที่ท่านต้องอ้อนวอนต่อพรรคฝ่ายค้านกลางสาธารณชนให้ส่งคนคุณภาพมาทำ งานร่วมกับท่าน แม้นอาจดูเสียท่า แต่หากฝ่ายค้านปฏิเสธ ท่านก็ส่งคนพูดโต้ว่า "พวกฝ่ายค้านไม่ปรองดอง" ได้ หรือหากเขายอมรับเพราะความกดดันของสายตามหาชน นอกจากท่านจะได้ความดีเรื่องการปรองดองแล้ว ท่านยังได้คนคุณภาพมาร่วมงาน ทำให้ฝ่ายค้านเกิดความระแวงในพวกตัวเอง และท่านยังสามารถกดดันคนของพรรคท่านเองให้ทำงานดีๆ

ส่วนการผูกมัดมิตรให้ถาวรยิ่งขึ้น ก็คือ การทำให้พวกเขาเห็นว่า แม้ท่านขึ้นมาได้เพราะพี่ชาย คนเสื้อแดง และพรรคเพื่อไทย แต่พวกเขาและแม้กระทั่งพี่ชายของท่านจะอยู่ไม่ได้หากไม่มีท่าน สิ่งนี้กระทำผ่านบทบาทความอ่อนโยน การประนีประนอม และการตอบโต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้วยการลงมือทำอย่างน้ำนิ่งไหลลึก (หรือทำตัวราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่พอทำงานออกมาแล้ว ผลงานกลับอยู่ในระดับที่สุดยอด) ข้าพเจ้าอยากจะเรียนท่านว่า โดยเฉพาะสองประการแรกนั้นหาไม่ได้ในอัตลักษณ์ของท่านเฉลิม ท่านณัฐวุฒิ และตัวพี่ชายท่านเลย

ประการสุดท้าย เพื่อให้เกิดความมั่นคงต่อเนื่องใน รัฐบาล ท่านต้องเริ่มที่จะทำให้ผู้อื่นรู้สึกกลัวท่านมากกว่ารักท่านในท้ายที่สุด เพราะความรักนั้นลดลงง่าย รักษาระดับยาก แต่ความกลัวนั้นคงอยู่อย่างต่อเนื่องมากกว่า เช่น ท่านต้องสร้างเซอร์ไพร์สทุกคนด้วยการประกาศว่าจะมีการออกเสียงประชามติรับหรือไม่รับหลักการว่าด้วย "หากใคร คณะใด ทำการปฎิวัติหรือรัฐประหาร ผู้นั้นย่อมถือได้ว่าเป็นผู้บ่อนทำลายชาติ และต้องได้รับโทษประหารชีวิตเพียงประการเดียว" หลักการนี้อาจเป็นที่ถกเถียงว่าจะระบุในรัฐธรรมนูญได้อย่างไร เพราะเมื่อปฏิวัติหรือรัฐประหารแล้วย่อมมีการอภัยโทษโดยทันทีจากคณะ ปฏิวัติ/รัฐประหารนั้นเอง แต่กระนั้นท่านก็ได้สร้างเกราะกำบังอำนาจนอกระบบขึ้นมาอีกชั้นแล้ว โดยการสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองขึ้นมาใหม่ ผ่านการเล่นกับเสียงส่วนใหญ่ที่ท่านกุมอยู่ในมือ จนผู้ที่ริอาจจะล้มรัฐบาลประชาธิปไตยของท่านด้วยวิถีทางนอกระบอบประชาธิปไตย ต้องกลัวต่อผลที่อาจจะเกิดขึ้น


ฯพณฯ ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่รักยิ่ง ขณะนี้ไม่มีใครอื่นอีกแล้วในราชอาณาจักรไทยที่จะสามารถหวังยิ่งกว่าตัวท่าน ที่ได้อำนาจมาทั้งโดยคุณธรรมและโชคชะตา หวังว่าท่านจะยึดแบบแผนที่ข้าพเจ้าได้เสนอไว้เป็นแนวทาง เพื่อชื่อเสียงและความยิ่งใหญ่ของตัวท่านเอง และเพื่อความเป็นประชาธิปไตยและความสันติของการเมืองไทยในท้ายที่สุด