ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Tuesday, 6 September 2011

‘เฉลิม’ชี้กม.ไม่ระบุนักโทษต้องจำคุกก่อน ถึงจะขออภัยโทษได้

ที่มา ข่าวสด



เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงข้อกฎหมายเกี่ยวกับการขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกวิจารณ์ว่าไม่สามารถทำได้ เพราต้องรับโทษก่อน ว่าเรื่องนี้ประชาชน 3.6 ล้านคน ได้รวบรวมรายชื่อไปยื่นต่อสำนักพระราชวัง เพื่อขออภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งทางสำนักพระราชวังได้รับเรื่องและส่งให้กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ตรวจสอบรายชื่ออยู่ แต่เรื่องก็เงียบหายไป เพิ่งจะมีข่าวในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เท่าที่ตนดูกฎหมายพบว่า ไม่ได้มีข้อห้าม ส่วนที่อ้าง พ.ร.ฎ.ปี 2550 มาตรา 4 , 5 และมาตราที่เกี่ยวข้องนั้น เป็นกรณีเฉพาะราย ซึ่งเป็นวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา และทรงมีพระมหากรุณาธิคุณแก่คนตกทุกข์ได้ยาก จึงได้ออกพ.ร.ฎ.อภัยโทษ ปี 50 กำหนดหลักเกณฑ์และมีคณะกรรมการพิจารณาเป็นรายกรณี ไม่ใช่เหมารวม

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า การขอพระราชทานอภัยโทษเป็นเรื่องพระราชอำนาจที่ทุกคนไม่ควรจะออกมาพูด และที่ผ่านมาสำนักพระราชวังในฐานะที่ส่งเรื่องให้กระทรวงยุติธรรมไปดำเนินกา นั้น ยังไม่ได้สั่งการอะไร แต่เมื่อมาถามตนว่าหลักกฎหมายห้ามหรือไม่ ตนก็ชี้แจงว่าหลักกฎหมายไม่ได้ห้าม แล้วมาอ้างพ.ร.ฎ.ปี 50 ซึ่งเป็นกรณีเฉพาะราย ไม่ใช่หลักการทั่วไป และโดยหลักการพ.ร.ฎ.ศักดิ์ศรีของกฎหมายเล็กกว่า พ.ร.บ. ซึ่งจนถึงขณะนี้กระทรวงยุติธรรมยังไม่ได้ส่งเรื่องมาถึงตน หากพิจารณาเสร็จแล้วก็ต้องมาให้ตนในฐานะที่ตนกำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม และได้รับมอบหมายจากนายกฯ ให้ดูแลงานการขออภัยโทษ

“ผมว่าเรื่องนี้เป็นแผนของคนบางกลุ่ม บางเรื่องมีวาระซ่อนเร้น ที่หยิบยกประเด็นนี้ปล่อยข่าวให้ดูเหมือนว่า รัฐบาลเข้ามายังไม่ทำอะไรเลยก็จะมาทำเรื่องนี้แล้ว มันไม่ใช่ ยังไม่มีเรื่องมาเลย แต่เมื่อมาถามผมก็อธิบายให้ฟังด้วยเหตุผลว่าเป็นอย่างนี้ นายกฯ ก็บอกแล้วว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน และความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องด่วน เพราะทำกันมาตั้ง 2 ปีกว่าแล้ว แต่ถูกนำไปเก็บไว้” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แสดงในในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 จะมีชื่อพ.ต.ท.ทักษิณขออภัยโทษหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ก็ต้องรอดูต่อไป แต่ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และขณะนี้เรื่องก็ยังมาไม่ถึงตน เพียงแต่ตนต้องการพยาบยามทำความเข้าใจให้ทุกฝ่ายเข้าใจ