คอลัมน์ เหล็กใน
มันฯ มือเสือ
มา ถึงจุดที่นายถวิล เปลี่ยนศรี ไม่พอใจที่ครม.มีมติโอนย้ายไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ เห็นว่าเป็นการลุแก่อำนาจและอคติของฝ่ายการเมือง
จึงเตรียมจะยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม หรือก.พ.ค. และยังอาจฟ้องร้องต่อศาลปกครองด้วย
ซึ่งทั้งสองช่องทางเป็นสิทธิที่ทำได้และเคยมีข้าราชการบางคนทำสำเร็จมาแล้ว กระทั่งได้ย้ายกลับตำแหน่งเดิม
แต่ ที่อยากพูดถึงคือ ช่วงก่อนถูกย้าย นายถวิลให้สัมภาษณ์ไว้ในมติชน ตอนหนึ่งถึงกรณีที่เคยทำหน้าที่เลขานุการศอฉ.ช่วงเหตุการณ์นองเลือดปี 2553
นาย ถวิลชี้แจงว่า ไม่มีทางเลี่ยง เพราะตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินกำหนดให้เลขาฯสมช.ต้องทำหน้าที่เลขาฯศอฉ. และการทำงานทุกอย่างเป็นไปตามคำสั่งการของรัฐบาล ไม่ว่ารัฐบาลใดก็ตาม ไม่ทำไม่ได้
ที่สมช.ทำไปก็ไม่มีการเลือกสี เลือกฝ่าย ตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าคนเสื้อแดงเป็นมวลชนของใคร
ผู้สัมภาษณ์จึงถามย้ำว่า ถ้าย้อนกลับไปได้จะทำตามคำสั่งรัฐบาลเหมือนเดิมหรือไม่ นายถวิลตอบว่า "แน่นอนๆ"
จาก คำถาม-ตอบดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า นายถวิลพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งรัฐบาลโดยไม่คัดง้าง แม้คำสั่งนั้นจะนำมาซึ่งความสูญเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่กว่า 90 ศพ เจ็บอีกเป็นพัน
แต่นายถวิลอ้างว่าเมื่อรัฐบาลสั่ง สมช.ไม่ทำไม่ได้
ที นี้ต้องมาดูว่าเมื่อเป็นเช่นนั้น พอรัฐบาลชุดนี้มีคำสั่งย้ายพ้นจากเลขาฯสมช. ทำไมนายถวิลถึงไม่ยอมรับ โวยวายเอาเรื่องไปร้องต่อก.พ.ค.
หมายความว่าถ้าเป็นคำสั่งให้ลุยม็อบ ยอมรับได้ แต่คำสั่งที่กระทบต่อตำแหน่งของตัวเอง ยอมรับไม่ได้ อย่างนั้นใช่หรือไม่
ส่วน ที่บอกว่าตอนนั้นไม่รู้คนเสื้อแดงเป็นมวลชนของใครนั้น เอาเป็นว่าคนอื่นเขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง แต่เลขาฯสมช.กลับไม่รู้ แบบนี้สมควรเป็นเลขาฯสมช.ต่อไปหรือไม่ คิดกันเอาเอง
จะอย่างไรก็แล้วแต่คงต้องติดตามกันต่อไปว่าผลการยื่นอุทธรณ์ต่อก.พ.ค.จะออกมาอย่างไร
สุดท้ายใครจะเป็นคนรู้ซึ้งถึงกฎแห่งกรรม