โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา Youtube อัพโหลดโดย redasia9
บรรยากาศการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา เมื่อนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยลุกขึ้นอภิปรายขอให้ที่ประชุมสภาอนุมัติให้ส. ส.แกนนำเสื้อแดง 9 คนไม่ขอใช้เอกสิทธิ์ส.ส.คุ้มครองในการถูกดำเนินคดี เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้เข้ามาเป็นส.ส.เพื่อขอใช้เอกสิทธิ์คุ้ม ครองให้ไม่ต้องถูกดำเนินคดี
ซึ่งนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ประชาธิปัตย์ได้ลุกขึ้นมาอภิปรายว่า พรรคเพื่อไทยกำลังเล่นละครตบตาประชาชน เพราะแม้ส.ส.แกนนำเสื้อแดงขอไม่ใช้เอกสิทธิ์ แต่พรรคเพื่อไทยก็อาจยกมือไม่อนุมัติ และนำเรื่องสถาบันกษัตริย์ขึ้นมาโจมตีส.ส.แกนนำเสื้อแดง
ทำให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.เพื่อไทยลุกขึ้นมาใช้สิทธิถูกพาดพิง โดยบอกว่าส.ส.แกนนำเสื้อแดงถึงขั้นไปDSIขอถอนเอกสิทธิ์จะมาบอกว่าเล่นละครตบ ตาได้อย่างไร และการที่มาบอกว่าตนพูดหมิ่นสถาบันได้อย่างไร เพราะนายสาทิตย์ไม่ใช่ศาลจะตัดสินได้อย่างไร นายสาทิตย์ได้ลุกขึ้นตอบโต้ว่า ทำอะไรก็รู้แก่ใจ พร้อมทั้งกล่าวว่าเรื่องที่ส.ส.เพื่อไทยกล่าวว่าเสธ.ไก่อู โฆษกศอฉ.ยอมรับกลางศาลว่าผังล้มเจ้าเป็นเรื่องเท็จนั้นก็ไม่ใช่ เพราะเสธ.ไก่อูโทรมาและSMSมาบอกเขาว่าไม่ได้พูดแบบนั้นกลางศาล
นายสาทิตย์ยังกล่าวว่าการที่นายจตุพรกล่วเสียดสีเขาเรื่องเตี้ยนั้นอยากบอก ว่า ค่าของคนไม่ได้อยู่ที่สูงหรือเตี้ย เพราะคนหน้าตาดีทำชั่วก็มาก
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.เพื่อไทย บัญชีรายชื่อลุกขึ้นอภิปรายว่า นายสาทิตย์อ้างมานั้นผิด เพราะคนที่พูดเรื่องแกนนำเสื้อแดงจะลงส.ส.เพื่อขอใช้เอกสิทธิ์นั้นก็ไม่ ได่ลงส.ส.แต่อย่างใด หากจะพูดเหมาแบบนั้น ก็ต้องบอกว่าส.ส.ประชาธิปัตย์คนหนึ่งเคยพูดว่าคนอีสานเป็นได้แค่คนับใช้ตาม บ้านหรือเด็กปั๊ม แบบนี้เป็นทัศคติของคนทั้งพรรคหรือไม่ หากไม่ก็มาเหมาเสื้อแดงทั้งหมดไม่ได้
ส่วนที่พ.อ.สรรเสริญโทรหานายสาทิตย์เรื่องผังล้มเจ้าว่าไม่ได้สารภาพกลางศาล นั้นก็ไมจริง เพราะมีเอกสารคำแถลงต่อศาลชัดเจนอยู่ครบถ้วนแล้ว
"แต่นายสาทิตย์พูดถูกอยู่เรื่องหนึ่งที่ว่าคนหน้าตาดีทำชั่วก็มาก ครับพวกผมหน้าตาไม่ดีก็ขอยอมรับว่าคนหน้าตาดีทำชั่วนี่มีจริงๆ"
เสียงข้างมากกระหนาบเสียงข้างน้อย-ก่อน หน้านี้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.เพื่อไทย กับนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ประชาธิปัตย์ ลงมาใช้บริการนวดเท้าผ่อนคลายระหว่างอภิปรายนโยบายรัฐบาล โดยนายณัฐวุฒิและนายจตุพร นั่งนวดขนาบข้างนายสาธิตซึ่งนั่งอยู่ตรงกลาง และมีการทักทายแซวกัน(ภาพข่าว:มติชนนออนไลน์)
ทั้งสองจะร่วมกันออกมาดำเนินรายการทางAsia Update เริ่มวันเสาร์10ก.ย.ตั้งแต่19.30น.เป็นต้นไป
********
เรื่องเกี่ยวเนื่อง:เอกสารไก่อูรับสิ้นไส้กลางศาลผังล้มเจ้ามั่วทั้งดุ้น โยนบาปสื่อหรือใครนำไปขยายผลก็ซวย พ่นพิษธาริตงานเข้า(ต่อมาไก่อูโทรบอกสาทิตย์ให้แก้ข่าวว่าไม่ได้พูดตามคลิปข้างต้น)
ดร.สุธาชัยได้ถอนฟ้องเสธ.ไก่อูหลังศาลเจรจาไกล่เกลี่ย ภายหลังจากพ.อ.สรรเสริญ ในฐานะจำเลยที่สาม ได้แถลงต่อศาล ดังนี้
"ประการที่หนึ่ง ศอฉ ในขณะนั้นเชื่อมั่นว่ามีขบวนการที่จ้องจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์จริง
ประการที่สอง ในช่วงเวลานั้น มีข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินเตอร์เน็ตกล่าวหาในลักษณะทำนองว่า ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ซึ่งเป็นราชเลขาธิการในพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ โทรศัพท์มาสั่งการศอฉ อยู่ตลอดเวลา ให้ดำเนินการนานับประการกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งข้อเท็จจริงมิได้เป็นเช่น ซึ่งหมายความว่ามีความพยายามยามจะสร้างภาพให้สังคมเห็นว่า พระองค์ท่านมีส่วนเกี่ยวพันกับเรื่องการเมือง ซึ่งมิได้เป็นความจริง ศอฉ ก็มีความจำเป็นที่ต้องชี้แจงข้อมูลข่าวสารให้สีงคมได้รับทราบความจริงเป็น เช่นไร
นอกจากนั้นแล้ว ศอฉ ก็ได้ขยายความลงไปเพราะว่าทางราชการมีหน่วยงานทางด้านความมั่นคง ที่สำนักนายกรัฐมนตรีได้จัดตั้งขึ้น โดยมีหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องเป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงก็มีการรวบรวมข้อมูลข่าวสารของขบวนการที่จ้องจะ ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด จึงได้นำข้อมูลทั้งหลายเหล่านี้มาประกอบเพื่อใช้ในการชี้แจงทำความเข้าใจกับ สังคม
ประการที่สาม ในช่วงเวลาเช้าของวันเกิดเหตุ ข้าฯได้มีการแถลงข่าวให้สังคมรับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าไมม่เป็นความ จริงตามข้อมูลที่พยายามกล่าวหาใส่ร้ายท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ โดยแถลงกำกับตอบไปด้วยว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการล้มเจ้านั้น ในขณะนั้นมีคุณดาตอร์ปิโด กับคุณจักรภพ เพ็ญแข ซึ่งทั้งสองคนนี้มีหมายจับไว้แล้ว ในช่วงเวลาเย็นเกิดจากการประชุมในช่วงบ่ายของศอฉ.ได้มติของศอฉ ที่ต้องการจะให้นำเสนอข้อมูลข่าวสารแก่สังคมเป็นลายลักษณ์อีกษรอีกทางหนึ่ง เพื่อให้สังคมพิจารณา
ข้าฯได้รับมอบหมายให้นำเอกสารเหล่านั้นไปแจกแก่สื่อมวลชน ซึ่งเอกสารที่ไปแจกนั้นมิได้หมายความว่าผู้ที่มีชื่อในเอกสารเป็นผู้เกี่ยว ข้องในฐานะอยู่ในขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่เป็นความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ในลักษณะต่างๆ ซึ่งให้สังคมพิจารณาและวินิจฉัยเอาเอง ซึ่งมีรายละเอียดอยู่ในเอกสาร ว่าแต่ละคนเกี่ยวข้องกันในฐานะอะไร เช่น เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในฐานะญาติพี่น้อง เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในฐานะผู้ทำธุรกิจร่วมกันอย่างนี้เป็นต้น ซึ่งมิได้แถลงเลยว่า บุคคลทั้งปวงเหล่านั้นมีความสัมพันธ์ในฐานะที่เป็นผู้อยู่ในขบวนการ และมิได้ให้หมายความเช่นนั้น
แต่หลังจากนั้นมีสื่อมวลชนนำเรื่องราวต่างๆเหล่านี้ไปขยายผล ขยายความ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในแผนผังดังกล่าว ทำให้ได้รับความเสียหายจากมุมมองของสังคม เพราะเป็นเรื่องที่สังคมจะต้องตัดสิน ส่วนผู้ที่ได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นจะฟ้องร้องกับผู้ที่นำไปขยายความใน ทางที่ผิดจากเจตนารมณ์ของศอฉ ก็สุดแล้วแต่บุคคลเหล่านั้นจะพิจารณา"