|
ทั้งๆ ที่มิได้เรียนมาทางด้าน "การทหาร" แต่จังหวะก้าวการขับเคลื่อนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มากด้วยกระบวนทัพ
ทั้งทัพหน้า ทัพหลัง และทัพหลวง
การเยาะเย้ย หยามหยัน ดูหมิ่น ดูแคลน จากฝ่ายตรงกันข้าม เกิดขึ้น ดำรงอยู่ ดำเนินไปให้เห็นตลอดเวลา
ตั้งแต่แรกประกาศตัวลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ หมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย
แม้กระทั่งกำชับเหนือพรรคประชาธิปัตย์อย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม
แต่การเยาะเย้ย หยามหยัน ดูหมิ่น ดูแคลน ก็ยังมีอยู่
ไม่ว่าถ้อยสำนวนยั่วล้อทำนอง "ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ" ไม่ว่า "ยิ่งลักษณ์แถลง เฉลิมตอบ"
กระนั้นก็ไม่มีอะไรทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป๋หรือขาดความมุ่งมั่น
เป็น ความมุ่งมั่นในสถานะแห่งนายกรัฐมนตรี เป็นความมุ่งมั่นซึ่งยึดกุมการบริหารบ้านเมือง เดินหน้าแปรนามธรรมแห่งนโยบายไปสู่รูปธรรมทางการปฏิบัติอย่างแน่วแน่
เป็นความแน่วแน่ในห้วงแห่งการรวนเรของปรปักษ์ทางการเมือง
หลาย คนอาจมองบทบาทของ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ในจุดอันเป็นทัพหน้า ในจุดอันสันทัดในการบริหารการเมืองเพื่อต่อตี สัประยุทธ์ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน กับพรรคประชาธิปัตย์
กระนั้น ที่มิอาจมองข้าม คือ บทบาทของ "เสื้อแดง"
การ เลือก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบงานกรมประชาสัมพันธ์ เรียกว่าจัดได้อย่างเหมาะสม
ไม่ว่าเมื่อเผชิญกับการปรับบุคลากรในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ไม่ว่าเมื่อเผชิญกับความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับองค์กรสื่อโดยมีผู้สื่อข่าวจากสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 เป็นองค์ประกอบสำคัญ
ที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ ความขัดแย้งนี้มีคนเสื้อแดงเป็นตัวจุดชนวน
ขณะ ที่พรรคประชาธิปัตย์ประเมินว่า คนเสื้อแดงเป็นเหมือนสายล่อฟ้า แต่พรรคเพื่อไทยและรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประเมินคนเสื้อแดงเหมือนกับเป็นพันธมิตรในแนวร่วมที่ใกล้ชิดและเป็นเนื้อ เดียวกัน
บทบาท ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อาจ แลกหมัดต่อหมัดกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่บทบาทของคนเสื้อแดงคือการเชื่อมสมานไปยังการเมืองภาคประชาชน
ขณะที่งานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือเร่งดำเนิน "นโยบาย" อย่างเร่งด่วน ทันที
ภาพที่ปรากฏในทางสาธารณะ คือ ภาพที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งไม่ปะทะ ขัดแย้ง หรือต่อปากต่อคำกับใคร
แม้จะถูกเร้ายั่วจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แทบจะเป็นรายวัน
แม้ถ้อยสบประมาทอันปรากฏผ่านสื่อ สามารถเห็นได้ผ่านสื่อหนังสือพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และได้ยินแม้กระทั่งผ่านสื่อโทรทัศน์บางช่อง
แต่ไม่เคยมีการแสดงอารมณ์หงุดหงิดไม่พอใจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
เพราะ ว่าภาระหน้าที่ในการยืนซดปากคำและแลกหมัดเป็นของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นของขุนพลในกลุ่มคนเสื้อแดงอย่าง นายจตุพร พรหมพันธุ์ อย่าง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
นี่คือบทบาทในพรมแดน "การเมือง" ของทัพหน้า
ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะทัพหลวงก็ประสานกับทัพหลังตามกระทรวงต่างๆ ร่วมกับข้าราชการประจำเดินหน้านโยบาย ตั้งแต่การแก้ปัญหาน้ำท่วม การปรับลดราคาน้ำมัน การปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำ การปรับเงินเดือนปริญญาตรี ตลอดจนการรับจำนำข้าว
อันเท่ากับยืนยันว่า ให้คำมั่นระหว่างหาเสียงอย่างไรพร้อมลงมือทำ "ทันที" ไม่มีเบี้ยว
หาก ภายใน 3 เดือนจากวันที่ 25 สิงหา คม 2554 เป็นต้นไป รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สามารถทำตามคำประกาศเอาไว้ได้อย่างใกล้เคียงหรือครบถ้วน
นั่นหมายถึงรากฐานอันแข็งแกร่ง นั่นหมายถึงรากฐานอันมั่นคงทางการเมือง
ระยะ 3 เดือนแรกของรัฐบาล น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงทรงความหมายเป็นอย่างสูง
ทรง ความหมาย 1 แสดงว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีศักยภาพในเชิงการบริหาร ทรงความหมาย 1 ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยมีความสามารถในการนำพาประเทศไปสู่การเปลี่ยนแปลง
อีกด้านหนึ่งจึงเท่ากับเป็นการตอกฝาโลงให้กับพรรคประชาธิปัตย์อย่างชนิดตีกลางแสกหน้า
(มติชนรายวัน ฉบับเสาร์ที่ 3 กันยายน 2554 หน้า 3)