ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 11 กันยายน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศพส. กล่าวในพิธีเปิดปฏิบัติการวาระแห่งชาติ พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ว่า รัฐบาลตั้งทาร์เก็ตเอาไว้ว่า 1 ปี จะลดยาเสพติดให้ได้ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะกวาดล้างยาเสพติดให้หมดสิ้นไปเลย ดังนั้น ตนตั้งใจว่าประการแรกจะต้องลดปริมาณยาเสพติดและกลุ่มเสี่ยงให้ได้ โดยเฉพาะในสถานบริการ ล่าสุดก็ได้พูดคุยกับเลขา ป.ป.ส.และกลั่นแนวคิดแนวทางเอาไว้แล้ว ที่สำคัญคือจะให้มีการคงหน่วยงาน ปส.315 ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่รัฐบาลชุดที่ผ่านมา เพราะมีความจำเป็นจะต้องเอาไว้ช่วยงานเรื่องยาเสพติด เนื่องจากหน่วยงานเหล่านี้มีความรู้ ความสามารถ นอกจากนี้หน่วยงานอย่างกรมราชทัณฑ์จะต้องเอาจริงเอาจัง เพราะในสมัยหนึ่ง ตนได้เคยไปพบกับหลานชายของนายเหว่ย เซี่ยะ กัง พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ เขาได้บอกว่า เหว่ย เซี่ยะ กังได้จ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่ไทย 30 ล้านบาท ซึ่งไม่ได้บอกว่าจ่ายให้กับใคร แต่ได้ทำให้ตรวนที่ผูกเอาไว้ที่ข้อเท้านายเหว่ย เซี่ยะ กัง หลุดออกจากขาและพ้นจากการถูกจองจำในประเทศไทยเมื่อไม่กี่ปีที่แล้วได้
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า สำหรับมาตรการปิดรอยตะเข็บชายแดนนั้น พบว่าในพื้นที่เชียงราย แม่ฮ่องสอน และเชียงใหม่ เป็นจุดที่มียาเสพติดผ่านทั้งหมด 70 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือมาจากทางอื่น ดังนั้น ผู้เกี่ยวข้องต่างๆ ต้องไปจัดการปิดตะเข็บชายแดนให้เรียบร้อย นอกจากนี้ก็ยังต้องมีมาตรการสกัดสารตั้งต้น ที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน และต้องขอร้องกระทรวงสาธารณสุขให้ไปหาหนทางควบคุมการนำเข้ายาแก้หวัดและยา แก้ไอให้ได้ เพราะที่ผ่านมาเรามีการนำเข้ากันมากมายจนดูเหมือนว่าไม่สามารถควบคุมอะไรได้
"ในสมัยรัฐบาลที่ผ่านมากล่าวหากันว่ามีการฆ่าตัดตอน แต่ผลการสอบสวนที่รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ได้สั่งให้มีการสอบสวนทั้งหมด พล.อ.สุรยุทธ์ได้แถลงผลการสอบสวนเอง ที่กระทรวงมหาดไทย ในสมัยที่ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีชัดเจนว่า ไม่มีการฆ่าตัดตอนแม้แต่คดีเดียว นอกจากนี้คณะกรรมการสอบสวนที่ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ตั้งขึ้นมาอีกคณะหนึ่งก็ระบุเหมือนกันว่าไม่มีการฆ่าตัดตอน และดูเหมือนจะมีเรื่องเดียวที่ตำรวจไปเกี่ยวข้องคือกรณีที่ อดีตตำรวจ สน.บางชัน ไปยิงรถคนร้ายค้ายาเสพติด แล้วแฉลบไปถูกลูกของคนร้ายหรือน้องฟลุ๊คที่อยู่ในรถด้วยเสียชีวิต" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว