ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Thursday, 1 September 2011

คลังขีดเส้นตายธปท.ส่งการบ้าน 1 เดือน 4 ข้อหลัก

ที่มา thaifreenews

โดย ice angel


ธีระชัย สั่งการบ้านธปท. 4 เรื่อง ขีดเส้นตายทำให้เสร็จภายใน 1 เดือน



นาย ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง กล่าวว่า ได้หารือกับนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และได้สั่งให้ดำเนินการใน 4 เรื่อง และให้หาข้อสรุปกลับมารายงานในเดือนหน้า

เรื่องที่ 1 ได้ขอให้ ธปท. ไปศึกษาการตั้งกองทุนความมั่งคั่ง โดยให้นำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศส่วนหนึ่งออกมาจัดตั้ง ให้มีการแยกบัญชีต่างหาก ซึ่งอาจจะต้องมีการแก้กฎหมายเพื่อให้นำเงินทุนสำรองออกมาใช้

สำหรับ การตั้งกองทุนมั่นคั่ง จะเป็นการบริการร่วมกันระหว่างรัฐบาลกับ ธปท. โดยต้องมีข้อตกลงว่า กำไรจะนำไปทำอะไร และ ขาดทุนใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

นอก จากนี้ การตั้งกองทุนมั่นคั่ง ต้องการให้ไปลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศเอเชีย ส่วนขนาดกองทุนจะเป็นอย่างไร จะลงทุนรูปแบบไหน สัดส่วรเท่าไร ได้ให้ ธปท. ไปศึกษา

นายธีระชัย กล่าวว่า การบริหารเงินทุนสำรองของ ธปท. ปัจจุบันได้รับผลตอบแทนน้่อย และไปลงทุนในสกุลที่มีแนวโน้มการพิมพ์เงินออกมาจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้มูลค่าสกุลดังกล่าวลดลง ดังนั้นการบริหารจึงต้องคำนึงถึงผลตอบแทน ดูวิธีการบริหารใหม่ให้มีความสมทั้งในแง่ของความปลอดภัย ผลตอบแทน และความถูกต้องในเชิงวิชาการ

เรื่องที่ 2 ให้หาแนวทางการแก้ไขหนี้กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ที่เดิมมีจำนวน 1.1 ล้านล้านบาท แต่ ธปท.ชำระหนี้เงินต้นได้เพียง 1.6 แสนล้านบาท ขณะที่คลังชำระดอกเบี้ยไป 6.7 แสนล้านบาท มีเงินต้นที่เหลืออีก 1.1 ล้านล้านบาท ที่ ธปท. ยังชำระไม่ได้และเป็นภาระกับงบประมาณ



เรื่องที่ 3 ต้อง การให้ ธปท. เข้่าไปกำกับการดูการออกตั๋วสัญญาใช้่เงินระยะสั้น (ตั๋วบีอี) ของธนาคารพาณิชย์ ที่มีการขยายตัวจำนวนมาก เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีปัญหาทำ ให้เกิดความเสียหายและมาเป็นภาระทางการคลัง โดยในเรื่องนี้ได้ นายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เป็นประธานคณะทำงานหารือกับ ธปท. สถาบันคุ้่มครองเงินฝาก และ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
โดยส่วนตัีวต้องการให้โอนการกำกับดูแลตั๋วบีอีไปไว้ที่ ก.ล.ต.

เรื่องที่ 4 ขอให้ ธปท. ทบทวนกรอบเงินเฟ้อที่ประกาศใช้ใหม่ปี 2555 โดยให้คำถึงปัจจัยภาวะเศรษฐกิจในและนอกประเทศ รวมถึงแนวนโยบายของรัฐบาลที่ต้องดำเนินการ และค่อยมาดูว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวเท่าไร เงินเฟ้อจะอยู่ระดับไหน ถึงค่อยกำหนดกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ


สำหรับกรอบเงินเฟ้อที่ใช้อยู่ในปัจจุบันที่ 0.5-3% ต่อปี ถือว่ากว้างเกินไป ทำให้ ธปท. ไม่ค่อยกังวลดูแลเ้งินเฟ้อตอนที่อยู่ในระดับต่ำ ได้มอบให้ สศค. และ ธปท. ไปศึกษาใหม่อีกครั้ง เพื่อให้มีความท้าทายในการบริหารเงินเฟ้อมากขึ้น

ที่มา http://www.posttoday.com/เศรษฐกิจ-หุ้น/การเงิน/108284/คลังสั่งแบงก์ชาติดึงเงินสำรองตั้งกองทุนมั่งคั่ง