ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Wednesday, 31 August 2011

ขุดประจานสื่อนั่งเทียนแม้วโกงCTX แจกรางวัลกันเอิกเกริกสุดท้ายขอโทษตัวเท่าหอยมด"เท็จ"ทั้งดุ้น

ที่มา Thai E-News



คุณภาพสื่อไทย-กลุ่มคนเสื้อแดงที่ไปประท้วงให้ปลดนักข่าวช่อง 7 เมื่อวานนี้ได้กล่าวถึงความผิดพลาดเพราะอคติของสื่อในหลายกรณี กรณีหนึ่งคือการนำเสนอข่าวโกงCTXซึ่งท้ายที่สุดสื่อต้องยอมประกาศขอโทษว่า เสนอเรื่องเท็จ ..เชื่อหรือไม่สมจิตต์ นักข่าว 7 สีเคยเกาะติดข่าวนี้มาก่อน และดูจะภาคภูมิใจกับผลงานซะด้วย

โดย หรี่ฟุน
31 สิงหาคม 2554

2 สมาคมสื่อออกแถลงการณ์ เรื่อง ขอให้ยุติการคุกคามสื่อมวลชน ให้กำลังใจนักข่าว7สีทำเพื่อผลประโยชน์ชาติ

เมื่อวานนี้ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย กับสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์ เรื่อง ขอให้ยุติการคุกคามสื่อมวลชน ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้

จากกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงได้ไปชุมนุมที่สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 โดยได้ยื่นหนังสือเรียกร้องให้ปลดนางสาวสมจิตต์ นวเครือสุนทร ออกจากการเป็นผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 นั้น

สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย เห็นว่าเป็นการแทรกแซงและคุกคามสื่อ จึงขอเรียกร้องให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวยุติการคุกคามสื่อมวลชนไม่ว่าด้วยวิธี การใดๆ ทั้งสิ้น

ทั้งนี้หากเห็นว่าสื่อมวลชนรายใด ทำหน้าที่ไม่เหมาะสม หรือรายงานข่าวคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ก็สามารถท้วงติงหรือใช้ช่องทางของกฎหมายให้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม

และขอเรียกร้องให้รัฐบาลดูแลกลุ่มมวลชนที่ให้การสนับสนุนมิให้กระทำการใดที่ เป็นการคุกคามหรือละเมิดสิทธิ์ของผู้ทำหน้าที่รายงานและตรวจสอบการทำงานของ รัฐบาล ทั้งนี้เพื่อเป็นไปตามนโยบายปรองดองและสมานฉันท์ของคนในชาติดังที่รัฐบาลได้ แถลงไว้ก่อนหน้านี้

สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ขอ เป็นกำลังใจให้กับนางสาวสมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ที่ได้พยายามทำหน้าที่สื่อมวลชนโดยยึดประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็น หลัก

ทั้งนี้สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ขอให้ผู้สื่อข่าวทุกท่านยึดมั่นในการทำหน้าที่อย่างเที่ยงธรรม กล้าหาญ ปราศจากอคติ ตามหลักจริยธรรมวิชาชีพ
********

ครับ เห็นข่าวครึกโครมเสียเหลือเกิน เกี่ยวกับน้องจิต ผู้พราวเสน่ห์ของผม ก็เลยอดใจไม่อยู่ ใคร่ขอร่วมในการสร้างความโด่งดังให้น้องจิต ได้โด่งดังยิ่งขี้นไปตามความฝันที่เธอเพรียกหามาหลายปีแล้ว

ที่สำคัญอยากพูดถึงพวกสมาคมสื่อที่ชอบออกมาให้ท้ายกันว่า มันก็พอๆกันแหละครับ

ผีแห้งกับโลงผุ

แหม!ขวัญอ่อนกันเหลือเกิน เสื้อแดง10กว่าคนไปยกป้ายประท้วงด้วยความเรียบร้อย พูดจาภาษาสุภาพหาว่าเขาไปข่มขู่คุกคาม ที่สื่อจัญไรคุกคามรัฐบาลที่ประชาชนเลือกมากระโชกโฮกฮากจะกินเลือดกินเนื้อ ตามล้างตามเช็ดคนที่ส่งอีเมล์ราวกับว่าเป็นผู้ร้ายฆ่าคน...ทีไอ้ฆาตกรฆ่า คน92ศพ ไปเขียนชื่นชมว่ามัน"เมตตา" พวกเอ็งเห็นว่านักข่าวคนนี้ทำเพื่อผลประโยชน์ประเทศชาติประชาชน...

ถุยครับ!

แต่พอความฝันเริ่มจะเป็นจริงด้วยการหลอก ไอ้เด็กอมมือ “ดีแตพูด”ไปร่วมงานเปิดตัวหนังสือ "อภิสิทธิ์คนเดิม บนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี" เขียนโดย น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร หรือ จิต สุดสวย ผู้สื่อข่าวการเมือง สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ก็เลยทำให้เธอสติแตก ความสาวแตกกระเจิง ฟุ้งซ่าน จนฉุดรั้งไม่อยู่

แล้วจู่ๆวันดีคืนดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้เลอโฉม ก็มาทำลายความฝันของน้องจิต จนแตกสลายกลายเป็นโรคจิตในทันที ใครบ้างล่ะ จะไม่โกรธ ไม่เกลียด คนที่มาแย่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ชายในดวงใจ (ถึงแม้จะเหมือนหมาชะแง้เครื่องบิน) ที่อุตส่าห์มาช่วยเสริมความดังรวมถึงเสริมรายได้จากการขายหนังสือเป็นกอบ เป็นกำ อย่างพ่อทูนหัว ”ดีแต่พูด” ของจิต

เรื่องโคตรน้ำเน่าแบบนี้ คิดไม่ถึงว่ามันจะกลับมาใช้ได้ผล ในยุค IT ประเภทสร้างเรื่องเอง กุข่าวเอง ร้องเรียนเอง แต่ก็ยังมีคนเชื่อสื่อเหียกทั้งหลายอีก...

ขอนำประวัติการทำงานของน้องจิต สุดสวย บางช่วงบางตอน เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบว่า เหตุผล หรือความคิดของน้องจิต สุดสวย จึงจงเกลียดจงชัง อดีตนายกทักษิณ แล้วลามปามไปถึงตระกูลชินวัตร โดยเฉพาะ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย 1 ในสตรีที่ทรงอิทธิพล อันดับที่ 59 ของโลก นาม นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เลอโฉม
จากข้อมูลเว็ป
http://www.tja.or.th/old/index.php?option=com_content&task=view&id=364&Itemid=81
หลัง จากที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข (คปค.) ออกประกาศแต่งตั้งคตส. เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2549 เป็นต้นมา จิต จึงต้องติดตามข่าวคดีดังซึ่งเป็นที่จับตามองของสาธารณะภายใต้การทำงานของ คตส.ทำทันที

เนื่องจากต้นสังกัดเห็นว่าเป็นหน่วยงานเกี่ยวกับการตรวจสอบ และมีประสบการณ์ทำข่าวเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซุกหุ้นที่ ป.ป.ช.และศาลรัฐธรรมนูญพิจารณามาก่อน

“ความยากของการทำข่าว คตส.ตรงที่เรากำลังดูอยู่ว่า คตส. จะเอาข้อมูลที่มีอยู่มาจัดการอย่างไรมากกว่า เพื่อจะชี้มูลให้ได้ว่ามีการทุจริตอย่างไร เพราะที่ผ่านมายังไม่มีใบเสร็จหรือหลักฐาน ดังนั้นกรรมการต้องเหนื่อยเพราะคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้ถูกฟ้องด้วย”

จิตตอบเมื่อถามว่า ทำข่าวคตส.ยากหรือไม่ และอธิบายต่อว่า การทำข่าวตรงนี้ ไม่ถือว่าเริ่มใหม่ซะทีเดียว เพราะอาศัยข้อมูลเก่าเป็นพื้นฐานในการตามประเด็น เพราะหลายเรื่องมีการนำเสนอข่าวมาตลอด เช่น CTX 9000 พรรคประชาธิปัตย์ ก็นำไปอภิปรายในสภาสมัยเป็นฝ่ายค้าน ดังนั้น เรารู้อยู่แล้วว่าตัวละครในข่าวเป็นใครบ้าง

อย่างไรก็ตาม จิต ยอมรับว่าหลายกรณีที่เป็นคดีอยู่ในขณะนี้ต้องอาศัยการอ่าน ทำความเข้าใจและติดตามอย่างจริงจังเกือบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นความสลับซับซ้อนในเรื่องสัญญา และสัญญาก็เป็นภาษาอังกฤษที่ต้องอาศัยการแปลอย่างกรณี CTX 9000 ดังนั้น ทำให้การทำความข้าใจด้วยเองอย่างเดียวก็ไม่พอ ต้องอาศัยการพูดคุยกับแหล่งข่าวหรือผู้รู้เยอะๆด้วย

“แต่ที่ยากที่สุดคงเป็นเรื่องการขายหุ้นชินคอร์ป เราไม่คุ้นชินเรื่องเศรษฐกิจ และมันมีเรื่องภาษีเข้ามาเกี่ยว มีการทำนิติกรรมที่สลับซับซ้อน แม้แต่คณะอนุกรรมการที่ทำเรื่องนี้ยังปวดหัวเลย” แม้จะยาก แต่จิตบอกว่าถ้าเรามีพื้นฐานเรื่องที่ดี มันก็พาเราไปหาข้อสรุปได้ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องรู้ลึกไปถึงสำนวนคดี

การทำงานของจิตซึ่งเป็นนักข่าวทีวี จึงต้องอาศัยการมีประเด็นของตัวเอง และการรักษาประเด็นให้ดี ต้องยอมรับว่าการรายงานข่าวทีวีนั้นง่ายกว่าหนังสือพิมพ์ตรงที่ไม่ต้องมาตาม ความคืบหน้าทุกๆวัน แต่จะดูว่าวันไหนมีมีการพิจารณาที่นำไปสู่การตัดสินครั้งใหญ่ๆ หรือการมาชี้แจงของบุคคลสำคัญๆ เช่น ลูกชายและลูกสาวของอดีตนายกฯทักษิณ แต่โดยหลักแล้วก็ต้องตามความคืบหน้าทุกวันไม่ต่างกับนักข่าวอื่นๆแม้จะไม่ ได้ออกอากาศทุกวันก็ตาม เพราะถ้าไม่ตามก็อาจจะขาดความต่อเนื่องในเรื่องการพิจารณาคดีได้ และคตส.ก็มีความเคลื่อนไหวทุกวัน เพราะคณะอนุกรรมการซึ่งมีมากกว่า 15 คณะประชุมสลับกันทุกวัน

แม้จะดูเหมือนหนักกับการทำงานของหน่วยงานตั้งใหม่ที่มีอายุแค่ช่วงเวลาเพียง หนึ่งปีเท่านั้น และการหาข่าวกับแหล่งข่าวที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย หลายคนกลัวที่จะให้ข้อมูลเพราะติดปัญหาเรื่องคดีที่อาจจะนำไปสู่การฟ้องร้อง ในศาลได้ในอนาคต ทำให้หลายครั้ง จิต ต้องอาศัยการโทรศัพท์คุยเพื่อให้ได้ข่าว นั่นหมายความว่าแหล่งข่าวต้องไว้เนื้อเชื่อใจพอสมควรแล้ว นี่การทำงานของจิตที่เธอสรุปให้ฟัง

“สนุกที่ได้มาทำงานตรงนี้ เพราะได้เห็นอะไรเป็นเนื้อเป็นหนังดี หลายครั้งเมื่อได้ข้อมูลบางอย่างมาแต่ไม่ครบถ้วน เราก็ต้องหาเพิ่มเพื่อจะมาต่อจิ๊กซอกับสิ่งที่มีอยู่ เหมือนเรากำลังแกะรอยเวลาทำข่าว เราเลยเหมือนเป็นนักสืบไปในตัว” นักข่าวสาวในคราบเชอร์ล็อกโฮมกล่าว

ข่าวCTXหลายคนคงจำกันได้ว่า สื่อทาสเผด็จการตามล้างตามเช็ดรัฐบาลทักษิณกันข้ามปีข้ามเดือน

จนถือเป็นข่าวชิ้นโบว์แดง ถึงขั้นมอบรางวัลพูลลิตเซอร์เมืองไทย หรือรางวัลอิศรา อมันตกุล ให้กัน แต่สุดท้ายนักช่าวที่ได้รับรางวัลต้องยอมสารภาพว่า"เป็นเรื่องเท็จ" จนต้องลงประกาศชี้แจงกรณีซีทีเอ็กซ์ และขอโทษผู้เกี่ยวข้อง(อ่านประกาศ)

ทั้งนี้ การวิเคราะห์หรือสรุปข่าวว่าบริษัทแพทริออท และนายวรพจน์ หรือเสี่ยเช เป็นบริษัทนายหน้าที่ให้สินบนเจ้าหน้าที่รัฐและบุคคลในพรรคการเมืองของไทย นั้น เป็นเสมือนการพิพากษาบริษัท แพทริออท และนายวรพจน์เป็นจำเลยสังคม ซึ่งนายวรพจน์ ยศะทัตต์ หรือเสี่ยเช ได้ยืนยันในการเสวนาที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2548 และกับคณะกรรมการสืบสวนคดีทุจริตการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด ทุกคณะ ว่า ไม่ได้เป็นคนจ่ายสินบน และไม่ชอบการจ่ายสินบน ประกอบการธุรกิจด้วยความสุจริต

จากข่าวผิดพลาดเกินความเป็นจริง จนทำให้เกิดความเสียหายต่อกิจการและชื่อเสียงของความที่กล่าวข้างต้นนั้น จึงใคร่ขอโทษบริษัท แพทริออท บิซิเนส คอนซัลแตนส์ จำกัด และนายวรพจน์ ยศะทัตต์ หรือที่เรียกในข่าวว่า "เสี่ยเช" และหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจและบรรณาธิการ จึงขอแสดงความรับผิดชอบในการแก้ข่าวเผยแพร่ข้อเท็จจริง

แน่นอนว่าเวลาพาดหัวเล่นงานว่าพรรคการเมืองของอดีตนายกฯทักษิณสมคบกับ เสี่ยเชโกงCTXนั้นตัวเท่าหม้อแกง เล่นกันต่อเนื่องเป็นแรมเดือนแรมปี พอจะแก้ข่าวก็ลงเท่าตัวหอยมดไปซุกไว้หน้าในๆ ที่สำคัญสมาคมผู้สื่อข่าวที่แจกรางวัลพูลิตเซอร์กันไปก็เฉยๆ ไม่เห็นว่าจะริบรางวัลคืน
ทั้ง นี้มีผู้ไปตั้งกระทู้ถามในเวบไซต์ของสมาคมสื่อฯว่าจะถอนรางวัลคืนหรือไม่ ผลคือสมาคมฯลบกระทู้ทิ้ง แต่มีคนตาไวเซฟหลักฐานไว้ประจานทัน(ไปดูตามลิ้งค์)

แบบเดียวกับที่กล่าวหาเรื่องทักษิณทุจริตสร้างสนามบินสุวรรณภูมิมีรอยร้าว จะเป็นจะตายกันทั้งวงการสื่อ พอพิสูจน์ได้ว่า มันเต้าข่าวหาเรื่องเขาก็เงียบหายไปกับสายลมและเสียงตด

แต่ความเสียหายนั้นทิ้งไว้กับผู้กล่าวหา และนักข่าวแบบ"จิต"หรือนักข่าวที่ยิดอกชูคอว่าตัวเองทำหน้าที่หมาเฝ้าบ้านก็ เดินหน้าหาเรื่องใหม่คุ้ยเขี่ยกันต่อไป แถมลืมๆไปแล้วด้วยซ้ำว่า เคยสร้างกรรมอะไรไว้ เผลอๆก็ฝังลงไปในเซลสมองน้อยๆว่า"มันโกงจริงๆ" ทั้งที่ต้องลงแก้ข่าวเพื่อเลี่ยงการติดคุกข้อหาหมิ่นประมาทด้วยความเท็จกัน มาแล้ว

จับทางถูกหรือยังครับ กับจิตใต้สำนึก ของน้องจิต สุดสวย และสื่อกระแสหลัก(ลอย)ที่จงเกลียดจงชังตระกูลชินวัตร

จิตใต้สำนึกของน้องจิต สุดสวย มีข้อสังเกตอยู่สองนัยยะ นัยยะแรกเต็มใจแบบเปิดอกน้อยๆในการรับคำสั่งและปฎิบัติการจากพรรคแมลงสาบ

นัยยะที่สอง เป็นเรื่องของจิตใต้สำนึกของ นางสาว สมจิตต์ นวเครือสุนทร ที่เกิดความริษยาอาฆาตในความเลอโฉมและตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของ ประเทศไทย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (มั้งนะ)

สรุปแล้ว ประชาชนชาวไทยที่รักทั้งหลาย อย่าไปสนใจเลยครับ กับหญิงวัยทองประเภทนี้ สนใจกับหมาที่บ้านดีกว่าครับ สนุกกว่ากันเยอะเลย....


*********
ประกาศชี้แจงกรณีซีทีเอ็กซ์

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
21 กันยายน 2551

หนังสือพิมพ์รายวันกรุงเทพธุรกิจ และนายจักรกฤษ เพิ่มพูน โดยตำแหน่งบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา ใคร่ขอโทษ บริษัท แพทริออท บิซิเนส คอนซัลแตนส์ จำกัด และนายวรพจน์ ยศะทัตต์ หรือที่เรียกในข่าวว่า "เสี่ยเช" ที่ได้เสนอข่าวผิดพลาดเกินความจริง จนทำให้เกิดความเสียหายต่อกิจการ และชื่อเสียง จากการที่หนังสือพิมพ์รายวันกรุงเทพธุรกิจ และจากเว็บไซต์ www.bangkokbiznews.com/2005/special/ctx ของ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ได้ตีพิมพ์ข่าวและวิเคราะห์ข่าวในวันที่ 25 เมษายน 14 พฤษภาคม และ 16 พฤษภาคม 2548 เป็นต้น ได้ลงข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง อันเป็นความเข้าใจผิดและวิเคราะห์ข่าว หรือสรุปข่าวคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง

ได้ข้อเท็จจริง บริษัท แพทริออท บิซิเนส คอนซัลแตนส์ จำกัด เป็นผู้รับเหมาช่วงงานจัดซื้อและติดตั้งเครื่องตรวจวัตถุระเบิดทั้งระบบ คือ บริษัท แพทริออท ไม่ใช่บริษัทนายหน้า รับงานมูลค่า 2,003 ล้านบาท และมูลค่าของเครื่อง CTX9000Dsi จำนวน 26 เครื่อง มีมูลค่า 1.43 พันล้านบาท หรือ 35.81 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของงานติดตั้งที่บริษัทแพทริออทได้รับงานเท่านั้น โดยมีบริษัทผู้รับเหมาช่วงอื่นรับงานระบบสายพานลำเลียงอีก 2,300 ล้านบาท รวมงานทั้ง 2 ระบบเป็นมูลค่างานรวมเป็นเงิน 4.3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่บริษัทแพทริออท จะได้ผลกำไรถึงกว่า 1,000 หรือ 2,000 ล้านบาท จากที่มีกำไรเพียง 3.15% ต่อเครื่อง หรือ 52 ล้านบาท ตามที่นายวรพจน์ หรือเสี่ยเช ได้ลงข่าวในวันที่ 11 มิถุนายน 2548

และจากการแปลเอกสารมีความคลาดเคลื่อนในการแปลเอกสารการสืบสวนของกระทรวง ยุติธรรม สหรัฐ ที่สรุปว่า บริษัทอินวิชั่น มีความเป็นไปได้อย่างสูง มิใช่ยอมรับว่ามีการจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐและบุคคลในพรรคการเมือง ของไทย ในการขายอุปกรณ์ตรวจสอบวัตถุระเบิดภายในท่าอากาศยาน และยังแปลคลาดเคลื่อน คำว่า Distributor ที่แปลว่า ตัวแทน ผู้ค้าส่ง หรือผู้จัดจำหน่าย เป็นบริษัทนายหน้า ทำให้บริษัทแพทริออทกลายเป็นบริษัทนายหน้า ที่แปลว่าบุคคลผู้ชี้ช่องหรือจัดการให้บุคคล 2 ฝ่ายได้เข้าทำสัญญากัน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ปี 2542 ต่างจากสถานะบริษัทแพทริออทเป็นผู้รับเหมาช่วง ซึ่งจะต้องดูแลรับผิดชอบจัดซื้อและติดตั้งเครื่องตรวจวัตถุระเบิดทั้งระบบ

ทั้งนี้ การวิเคราะห์หรือสรุปข่าวว่าบริษัทแพทริออท และนายวรพจน์ หรือเสี่ยเช เป็นบริษัทนายหน้าที่ให้สินบนเจ้าหน้าที่รัฐและบุคคลในพรรคการเมืองของไทย นั้น เป็นเสมือนการพิพากษาบริษัท แพทริออท และนายวรพจน์เป็นจำเลยสังคม ซึ่งนายวรพจน์ ยศะทัตต์ หรือเสี่ยเช ได้ยืนยันในการเสวนาที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2548 และกับคณะกรรมการสืบสวนคดีทุจริตการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด ทุกคณะ ว่า ไม่ได้เป็นคนจ่ายสินบน และไม่ชอบการจ่ายสินบน ประกอบการธุรกิจด้วยความสุจริต

โดยข้อเท็จจริงจำต้องนำสืบข้อมูลและพยาน เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในชั้นศาล ว่า ข้อกล่าวหาของกระทรวงยุติธรรม สหรัฐ ที่สรุปว่า บริษัทอินวิชั่นมีความเป็นไปได้อย่างสูงว่า มีการจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐและบุคคลในพรรคการเมืองของไทย มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทแพทริออท และนายวรพจน์หรือไม่

จากข่าวผิดพลาดเกินความเป็นจริง จนทำให้เกิดความเสียหายต่อกิจการและชื่อเสียงของความที่กล่าวข้างต้นนั้น จึงใคร่ขอโทษบริษัท แพทริออท บิซิเนส คอนซัลแตนส์ จำกัด และนายวรพจน์ ยศะทัตต์ หรือที่เรียกในข่าวว่า "เสี่ยเช" และหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจและบรรณาธิการ จึงขอแสดงความรับผิดชอบในการแก้ข่าวเผยแพร่ข้อเท็จจริง

ที่มา เอกสารแนบท้าย บันทึกข้อตกลง คดีหมายเลขดำที่ 2775/2548